ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 360

ตอนที่ 360 ลงมือขั้นเด็ดขาด

เช้าตรู่ของเทศกาลตรุษจีนนั้น ต้องทานอาหารพร้อมหน้า จึงต้องอยู่ด้วยกัน

โล่หวินหลานนั้นถูกโม่ฉีหมิงรั้งเอาไว้ นางอยู่ที่ตำหนักหมิงอ๋องเพื่อทานอาหารค่ำกับเขา ขณะที่ยังไม่ตื่นดี ก็ถูกเขาส่งกลับมายังตำหนักเวินอ๋อง

ตอนที่เขามาในตำหนักยังเช้าตรู่ แต่ก็มีสาวใช้บางคนที่ตื่นแล้ว โล่หวินหลานหลบสาวใช้ แล้วเดินเข้าไปยังเรือนวี่หยวน

ไซ่เยว่เฝ้าอยู่ด้านในห้องทั้งคืน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เย่เซียวหลัวเรียกคนมาตามหลายครั้ง แตนางก็ไม่อาจออกไป

โชคดีที่คนที่มาตามนั้นเป็นตงอวี๋น จึงง่ายที่จะพูดปัด หากเย่เซียวหลัวมาด้วยตนเองนั้นนางจะทำเช่นไร?

เมื่อเห็นโล่หวินหลานกลับมา นางก็ดีใจยิ่งนัก

"องค์หญิง ในที่สุดท่านก็กลับมา เมื่อครู่พระชายาเรียกคนมาตามหลายครั้ง แต่โชคดีที่คนมาตามนั้นคือตงอวี๋น หม่อมฉันคิดว่าพระชายาคงต้องการมาดูว่าองค์หญิงอยู่ที่ตำหนักรึเปล่าเพคะ" ไซ่เยว่บอกในสิ่งที่นางคิดออกไป

โล่หวินหลานที่กำลังถอดเสื้อตัวนอกออกก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไซ่เยว่ แล้วขมวดคิ้ว “เจ้าพูดว่า เย่เซียวหลัวต้องการมาดูว่าข้าอยู่ในตำหนักรึเปล่างั้นหรือ?"

เมื่อครู่ตอนที่ตงอวิ๋นมานั้น นางมีท่าทีเช่นนี้ แต่ไซ่เยว่เองก็ลองถามไปหลายครั้ง แต่นางก็ไม่พูดสิ่งใด

แต่ว่า ไซ่เยว่อยู่กับโม่ฉีหมิงมานานแล้ว เหตุใดนางจึงไม่ช่างสังเกตล้ะ?

"เพคะ หม่อมฉันคิดว่า นางคงต้องการจะจับความผิดขององค์หญิง จึงทำเช่นนี้" ไซ่เยว่พูดเสียงเบา

โล่หวินหลานไม่ได้พูดสิ่งใด นางวางเสื้อตัวนอกลงบนเตียง ที่ยังคงมีกลิ่นของสุรา หากมีคนเห็นเข้าคงไม่ดีแน่

"ไซ่เยว่ เจ้ารีบนำเสื้อตัวนี้ไปซัก เจ้าต้องซักด้วยตนเอง ห้ามให้ใครเห็นเด็ดขาด" โล่หวินหลานย้ำเตือน

ไซ่เยว่รับคำ แล้วรีบออกไป

โล่หวินหลานดมกลิ่นกายของตนเอง เมื่อวานนางได้ชำระตัวที่ตำหนักหมิงอ๋องแล้ว เนื้อตัวยังคงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่น่าจะเป็นปัญหา

หลังจากที่นางแต่งหน้าและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ไปยังห้องโถง วันนี้เป็นวันตรุษจีน หากตามประเพณีแล้วนางควรที่จะทานอาหารเช้าร่วมกับเวินอ๋องและเย่เซียวหลัว

เข้าไปในเวลานี้กำลังดี เย่เซียวหลัวและเวินอ๋องที่พึ่งนั่งลง โล่หวินหลานทำความเคารพ แล้วไปนั่งข้างเวินอ๋อง

"วันนี้เป็นวันตรุษจีน ไม่ใช่วันธรรมดา ข้าได้ให้คนไปตามนางที่เรือนวี่หยวนหลายครั้ง เจ้าคงไม่รู้ใช่ไหม?" เย่เซียวหลัวพูดขึ้น หลังจากที่เห็นนาง

โล่หวินหลานพยักหน้า “พระชายารับสั่งให้ตงอวิ๋นไปตามหม่อมฉันที่เรือนวี่หยวน หม่อมฉันรู้เพคะ แต่ตอนนั้นหม่อมฉันยังอาบน้ำไม่เสร็จ จึงไม่กล้าที่จะออกไปพบ ทำได้เพียงรีบอาบน้ำแล้วมาที่นี่เพคะ"

เย่เซียวหลัวปรายตามองนาง แล้วหัวเราะ “ใครจะไปรู้ว่าเจ้าตั้งใจไม่สนใจ หรือวางท่า? แม้แต่วันตรุษจีนยังมาสายได้?"

มองดูเย่เซียวหลัวที่ตั้งใจพูดจาประชดนาง หรือเพราะเมื่อคืนเวินอ๋องไม่ได้นอนที่ฝูเซิงหย้วน?

มองดูนางที่จงใจทำเช่นนี้ โล่หวินหลานจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนให้แทน ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด

"ทำไมเจ้าไม่พูดล้ะ? หรือว่าไม่มีหน้าจะพูด? หรือเมื่อคืนเจ้าเหนื่อยเกินไป? วันนี้จึงไม่มีแรง?" เย่เซียวหลัวพูดขึ้น

โล่หวินหลานยังคงไม่โต้ตอบแต่อย่างใด เวินอ๋องเองก็เริ่มโมโห เขาตบโต๊ะเสียงดัง

"เย่เซียวหลัว!วันนี้เป็นวันอะไร เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาพูดเรื่องเสื่อมเสีย หุบปากเดี๋ยวนี้" เวินอ๋องทรงกริ้ว

เช้าตรู่ของวันปีใหม่นั้นไม่อาจจะเงียบสงบได้เลย ทะเลาะกันแต่เช้า เวินอ๋องขมวดคิ้ว ทำสีหน้าไม่พอใจ

เย่เซียวหลัวเงียบลง แต่สายตายังคงมองร้ายไปยังโล่หวินหลาน ราวกับจะกินนางเข้าไป

ทั้งสามทานอาหารเช้าด้วยใจที่ไม่สดใสนัก โล่หวินหลานยิ้มให้นางก่อนจะเริ่มทาน ทำให้เย่เซียวหลัวนั้นโมโหมากกว่าเดิม

"ข้าจะเข้าวัง เพื่อหารือเรื่องของน้องสิบเจ็ดเมื่อคืน พวกเจ้าทั้งสองอยู่ในตำหนักให้ดี อย่าสร้างเรื่อง" เวินอ๋องรับสั่ง แล้วมองไปที่เย่เซียวหลัว

เย่เซียวหลัวทำได้เพียงรับคำแล้วพยักหน้า

ใครจะไปรู้ ว่าเขาจะเดินมาตรงหน้าโล่หวินหลาน แล้วกระชับเสื้อคลุมให้นาง พร้อมพูดด้วยเสียงอบอุ่น “ลมแรง กลัวเจ้าจะหนาว เจ้ารีบกลับไปพักที่เรือนเถอะ หากอยากไปไหนก็นั่งรถม้าไป เข้าใจไหม?"

เมื่อได้ยินคำพูดที่ห่วงใยของเวินอ๋อง โล่หวินหลานก็อมยิ้ม จากนั้นก็ย่อตัวให้เขา

เวินอ๋องเดินออกจากประตูได้เพียงก้าวเดียว สายตาของเย่เซียวหลัวก็มองอย่างอาฆาตมาที่นาง

สายตาของนางกำลังฆ่าโล่หวินหลานไปร้อยครั้ง พันครั้งแล้ว แต่หากโล่หวินหลานไม่มองนาง นางก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้?

โล่หวินหลานยิ้ม นางเตรียมที่จะลุกเดินออกไป ก็ถูกเสียงแหลมร้องตะโกนขึ้น “หยุด!”

เย่เซียวหลัวเรียกให้นางหยุดด้วยน้ำเสียงโมโห จากนั้นก็ก้าวมาตรงหน้า “เหอซื่อ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำสิ่งใดลับหลังเวินอ๋อง หากเจ้ายอมรับ ข้าจะปล่อยเจ้า!”

โล่หวินหลานรู้สึกเสียวสันหลัง ลมพัดผ่านตัวนางไป

เย่เซียวหลัวรู้งั้นหรือ?

"หม่อมฉันจะทำสิ่งใดได้เพคะ? พระชายาให้คนตามดูหม่อมฉันตลอดเวลา หากมีหลักฐาน พระชายาก็คงเรียนเวินอ๋องแล้วใช่ไหมเพคะ?" โล่หวินหลานกล่าว

แต่ว่า เย่เซียวหลัวก็พูดขึ้นต่อ

"เหอซื่อ เจ้าทำสิ่งใดย่อมรู้ดีแก่ใจ เจ้ารู้ว่าข้าให้คนคอยจับตาดูเจ้า แต่เจ้ายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ หากข้าไม่บอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง เจ้าก็คงได้ใจ" เย่เซียวหลัวกล่าว

โล่หวินหลานกังวลยิ่งนัก ว่านางจะรู้ความสัมพันธ์ของนางและโม่ฉีหมิง แต่ก็ยังคงทำสีหน้าอมยิ้ม ราวกับไม่เป็นความจริง

นางตอบกลับไปเสียงหวาน “ในเมื่อพระชายาทรงพูดเช่นนี้แล้ว หม่อมฉันอยากจะรู้นักว่าพระชายามีหลักฐานใด หากสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง หม่อมฉันต้องยอมรับแน่นอนเพคะ"

เย่เซียวหลัวยิ้มอย่างได้ใจ แล้วพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คืนก่อนวันปีใหม่ ทุกคนล้วนไว้อาลัยการจากไปของอ๋องหลัว มีเพียงเจ้า ที่แอบไปนัดเจอกับโม่ฉีหมิง ข้าเห็นกับตา หรือเจ้าจะบอกว่าไม่จริง?"

ประโยคสุดท้ายทำให้โล่หวินหลานกังวลนัก

ที่แท้ เรื่องในวันนี้ ถูกเย่เซียวหลัวเห็นเข้า

ตงอวิ๋นตกใจมาก จนยืนไม่นิ่ง

คืนวันนั้นนางตามหาเย่เซียวหลัวอยู่นานแต่ก็ไม่พบ จนสุดท้ายก็เจอกับนางหน้าตำหนักหลวง

ไม่คิดเลยว่า วันนั้นนางจะเห็นโล่หวินหลานกับโม่ฉีหมิงอยู่ด้วยกัน!

บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องที่ซวยกว่านี้อีกหรือไม่?

โล่หวินหลานกำชายเสื้อตนเองแน่น เล็บของนางแทงเข้าไปยังเนื้อ

นางต้องรู้สึกเจ็บเช่นนี้ จึงจะมีสติ

โล่หวินหลานหมุนตัวกลับ ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาของนางนั้นเย็นยะเยือก ราวกับมองทะลุเย่เซียวหลัวเสียแล้ว

"หม่อมฉันคิดมาตลอดว่าพระชายาจะเป็นคนที่ถูกอบรมมาอย่างดี เป็นหญิงที่รู้หนังสือ ใครจะไปคิดว่าท่านจะกล่าวร้ายหม่อมฉันได้ถึงเพียงนี้ ท่านเปลี่ยนขาวเป็นดำ ในที่สุดหม่อมฉันก็เจอกับเรื่องเช่นนี้ด้วยตนเอง"

"แม้ว่าพระชายาจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับท่านอ๋อง แล้วอย่างไร? เรื่องที่หม่อมฉันไม่ได้ทำนั้น หม่อมฉันไม่มีวันยอมรับ หม่อมฉันไม่ได้พบปะกับหมิงอ๋องแล้ว เขาเองก็คงไม่ยอมรับเช่นเดียวกัน แล้วพระชายาจะข่มขู่หม่อมฉันเช่นนี้เพื่อเหตุใด?"

โล่หวินหลานพูดพลางถอนหายใจ

จากคำพูดของนาง ทำให้ความจริงที่เย่เซียวหลัวกล่าวมานั้น ราวกับเป็นเรื่องที่สร้างขึ้น

"เจ้า เหอซื่อ เจ้าช่างปั้นน้ำเป็นตัว หากท่านอ๋องกลับมา ข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านอ๋อง ข้าจะให้ท่านอ๋องขับไล่เจ้าออกไป!” เย่เซียวหลัวกรีดร้อง จนเสียภาพพจน์ของหญิงที่มาจากชนชั้นสูง

นางพูดจบ ก็ได้ยินเสียง "เพลียะ" ดังขึ้น โล่หวินหลานตบไปบนใบหน้านางฉากหนึ่ง จนหน้าหัน

นางปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า ราวกับมีแมลงนับร้อยกำลังไต่อยู่

นานครู่หนึ่ง รอบด้านเงียบสงัด ได้ยินเพียง "อง อง" ดังขึ้นในหูของนาง

ซึ่งทำให้แน่ชัดว่า เมื่อครู่การตบของโล่หวินหลานนั้น ใช้แรงมากเพียงใด

น้ำตาของเย่เซียวหลัว ไหลลงมา

"ใครที่จะถูกขับไล่?" โล่หวินหลานถาม

มือที่นางตบเย่เซียวหลัวนั้น ยังชาอยู่

ตอนนี้นางเกร็งไปทั้งตัว เพราะคำพูดของเย่เซียวหลัว

เย่เซียวหลัวราวกับคนเสียสติ นางพยายามที่จะทำร้ายโล่หวินหลาน และก็ตะโกนไม่หยุด “ก็เจ้าไง เจ้ากับโม่ฉีหมิง เจ้ามันคนไร้ยางอาย เจ้ามันนางสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ทั้งที่ตบแต่งกับเวินอ๋องแล้ว ยังทำกิริยาเช่นนี้ ใช้มารยายั่วชายหนุ่ม!เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อเวินอ๋องบ้างเลยหรือ?"

นางพูดร่ายยาว พยายามที่จะเข้าไปทำร้ายโล่หวินหลาน แต่กลับถูกคนอื่นห้ามเอาไว้

เมื่อนางหันไปมอง คนที่รั้งตัวนางไว้คือเย่เซียวหลัวสาวใช้ของโล่หวินหลาน

"ตงอวิ๋น เอาตัวนางนี่ออกจากตัวข้า!” เย่เซียวหลัวร้องตะโกนราวกับคนที่เสียสติ

นางไม่เคยถูกใครตบหน้ามาก่อน โล่หวินหลานหยามเกียรตินางยิ่งนัก นางจะให้โล่หวินหลานชดใช้เป็นสองเท่า!

ตงอวิ๋นเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็แสร้งทำเป็นไปจับตัวไซ่เยว่ แต่นางไม่ใช้แรงใดๆเลย นางวางแผนบางอย่างในใจ

โล่หวินหลานที่มองดูเย่เซียวหลัวราวกับคนขาดสติ ทำได้เพียงส่ายหน้า

นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเวินอ๋องไม่เคยรักเย่เซียวหลัว เพราะสิ่งที่นางเป็นในตอนนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก

ตงอวิ๋นและไซ่เยว่สบตากัน จากนั้นก็แสร้งทำเป็นล้มลง แล้วทับร่างของเย่เซียวหลัวเอาไว้

เสียงกรีดร้องของเย่เซียวหลัวดังขึ้น เพราะถูกนางทั้งสองทับเอาไว้

"พวกเจ้าสองคน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” นางพูดจบ ก็รู้สึกปวดที่หลังคอ จากนั้นก็หมดสติไป

เช้าตรู่วันปีใหม่นั้น ไม่เป็นไปตามที่คิด

โล่หวินหลานมองดูเย่เซียวหลัวที่ขาดสติแล้ว นางเองก็เป็นห่วงเวินอ๋องขึ้นมา

ไม่รู้ว่าที่ผ่านมานั้น เขาต้องทนกับคนบ้าอย่างเย่เซียวหลัวเท่าไหร่บ้าง

"พวกเจ้าพาตัวนางไปที่ฝูเซิงหย้วน หากเวินอ๋องกลับมา.....ก็เล่าไปตามความจริง" โล่หวินหลานครุ่นคิด แล้วบอกกับทั้งคู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก