ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 361

ตอนที่ 361 ความห่างไกล

ทั้งที่เวลานี้เป็นช่วงตรุษจีน แต่ที่ตำหนักอ๋องหลัวนั้นเต็มไปด้วยผ้าขาว ทั้งในและนอกตำหนักนั้นไม่มีบรรยากาศของช่วงเทศกาลปีใหม่เลยสักนิด สาวใช้ที่เดินเข้าออกก็แต่งตัวราวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา

สายตาของโม่ฉีหมิงนั้นมองไปยังใครบางคน นางผู้นั้นสวมชุดสีขาว ที่เอวมีหยกขาวผูกเอาไว้ และคลุมด้วยผ้าคลุมสีขาวเช่นเดียวกัน ผมยาวสลวยที่อยู่ด้านหลังนั้นราวกับพู่กันบนกระดาษขาว เขามองดูนางอยู่ไกล ยากที่จะเอื้อมมือเข้าไปสมผัส

เขาเดินไปด้านหลังของนาง จากนั้นก็ปัดหิมะที่ตกอยู่บนไหล่ให้สะอาด จนนางตกใจเล็กน้อย

"อยากไปก็ไปเถอะ เหตุใดยืนนิ่งอยู่ที่นี่?" โม่ฉีหมิงจับที่มือของนาง ซึ่งเย็นเฉียบเหลือเกิน

"หม่อมข้าเพียงต้องการมาดูก็เท่านั้นเพคะ เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?" โล่หวินหลานมองดูทั้งสี่ทิศ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงโล่งใจในการพูดคุยกับเขา

เพราะเมื่อวานเย่เซียวหลัวได้รู้ความสัมพันธ์ของนางและโม่ฉีหมิงแล้ว ทำให้ตอนนี้เวลาที่เจอหน้าโม่ฉีหมิง นางก็รู้สึกเป็นกังวล

"ตอนที่ข้าไปตำหนักเวินอ๋องแล้วเห็นว่าเจ้าไม่อยู่ จึงคิดว่าเจ้าน่าจะมาที่นี่" โม่ฉีหมิงตอบ

โล่หวินหลานรู้ดี ว่าเขานั้นรู้ใจนางทุกอย่าง เขาเพียงใช้ความคิดเล็กน้อย ก็ล่วงรู้ได้เลยว่านางจะไปที่ไหน หรืออยากไปที่ใด

"วันนี้เวินอ๋องเสด็จไปวังหลวง คงเข้าไปหาลือเรื่องของอ๋องหลัว หลังจากที่อ๋องหลัวนั้นได้รับยาพิษจนสิ้นพระชนม์ ทั้งวังหลวงก็ดูหดหู่เหลือเกิน ฮ่องเต้เองก็ทรงกังวลเป็นแน่แท้" โล่หวินหลานบอกพร้อมเดินพาเขามาที่ทางเดินเล็กๆ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเห็น

ตอนนี้โม่ฉีหมิงจึงกล้าที่จะเข้าใกล้ตัวนางมากขึ้น เขาโอบกอดนางไว้ในอ้อมกอด ร่างใหญ่ช่วยบดบังหิมะที่ตกลงมา คนตัวสูงช่วยกันลมให้นางได้เป็นอย่างดี ที่ใดที่มีเขาอยู่ เขาก็จะเป็นคนคอยกันผนกันลมให้นาง

"เวินอ๋องต้องการที่จะเข้าไปแทรกแซงเรื่องของอ๋องหลัว ซึ่งมันคงไม่ง่ายเช่นนั้น เรื่องของน้องสิบเจ็ดในคราวนี้ทำให้ท่านพ่อทรงร้อนพระทัยนัก เขาคงต้องตามหาทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อมาสืบหาความจริง ตอนนี้ฮ่องเต้คงไม่ไว้ใจใครแล้ว" โม่ฉีหมิงคาดการณ์เอาไว้

โล่หวินหลานรู้ดีว่า เขานั้นรู้ใจของฮ่องเต้เป็นอย่างดี จึงเงยหน้าขึ้นมา “แล้วครั้งนี้ ฮ่องเต้จะให้ใครเป็นคนไปสืบเพคะ?"

โฒ่ฉีหมิงครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน ซึ่งเขาเองก็มีคำตอบในใจแล้ว “หากข้าเดาไม่ผิดนั้น น่าจะเป็นพี่สาม"

องค์ชายสาม? คนที่เชิญพระมาสวดที่ตำหนักของตนเอง องค์ชายสาม?

โล่หวินหลานไม่เคยรู้เลยว่าองค์ชายสิบกว่าคนของฮ่องเต้นั้น มีนิสัยใจคออย่างไร เพราะนางเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขา รู้เพียงว่านอกจากองค์รัชทายาทแล้วนั้น ก็มีเพียงองค์ชายไม่กี่คนเท่านั้น ที่ฮ่องเต้ทรงพอพระทัย

"เหตุใดเล่า?" โล่หวินหลานถามด้วยความไม่เข้าใจ นางอยากจะรู้ว่าแต่ละคนนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร

แต่โม่ฉีหมิงกลับไม่บอกนาง เขาตีที่หัวของนางเบา “สมองน้อยๆของเจ้านี้ มีเรื่องให้คิดมากพอแล้ว ตอนนี้ข้าเพียงหวังให้เจ้าอยู่ดีมีสุข เข้าใจไหม?"

โล่หวินหลานพยักหน้า ต่อให้เขาไม่พูด นางเองก็รู้ดี เพียงแต่ไม่อยากให้เขาเป็นกังวลก็เท่านั้น

สำหรับเรื่องเมื่อวานแล้วนั้น นางขยับปากไปมา แต่ก็ไม่ได้เอ๋ยออกมา

ต่อให้เย่เซียวหลัวจะเห็นว่านางกับโม่ฉีหมิงอยู่ด้วยกัน แต่หากนางยืนกรานว่าไม่ใช่ความจริง เวินอ๋องเองก็ทำอะไรนางไม่ได้ อีกอย่างปกติเย่เซียวหลัวก็ไม่ค่อยชอบหน้านางอยู่แล้ว โอกาสที่เย่เซียวหลัวจะพูดจาใส่ร้ายจึงมีสูง และนางเองก็ง่ายที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างได้

"ตอนนี้เพลาไม่เช้าแล้ว หม่อมข้าขอตัวก่อนเพคะ" โล่หวินหลานรู้ดีว่าไม่ควรพูดเรื่องต่างๆณที่แห่งนี้ จึงรีบบอกลาเขา

หรือเพราะว่า นางกลัวว่าตัวเองจะบอกสิ่งที่อยู่ในใจ เมื่อมองหน้าเขาเช่นนี้ หากเขารู้เรื่องพวกนั้นเข้า คงไม่ยอมให้นางอยู่ที่ตำหนักเวินอ๋องต่อแน่

มองดูนางที่ขมวดคิ้วนั้น โม่ฉีหมิงก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างที่แปลกไป เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

"หวินหลาน เจ้ามีเรื่องในใจหรือไม่?" โม่ฉีหมิงยื่นมือไปจับมือนาง พร้อมถามด้วยความเป็นห่วง

หรือเป็นเพราะคำพูดที่เขาพูดออกมา ในวันที่ดื่มสุราจนเมามาย?

ตอนนั้นไม่มีใครตั้งใจฟัง คงเพราะคิดว่าเป็นเพียงคำพูดเพ้อเจ้อของคนเมาก็เท่านั้น แต่ตอนนี้หากมองย้อนกลับไปนั้น มันต้องเป็นเรื่องที่เก็บไปคิดแน่นอน

โล่หวินหลานไม่ได้หันหน้ากลับมา นางเพียงส่ายหน้า “ไม่มีเพคะ"

โม่ฉีหมิงเชยหน้าของนางให้หันกลับมามองเขา เขาจ้องไปที่ดวงตาคู่นั้น แล้วถามอย่างจริงจัง “เจ้ามีเรื่องปิดบังข้า มันคือเรื่องอะไรกันแน่? ใช่เรื่องวันนั้น......"

"ไม่มีเพคะ" โล่หวินหลานรีบพูดแทรกเขาขึ้นมา จากนั้นก็สบตากับเขา แล้วคลายยิ้มบางๆ “หม่อมข้ารู้สึกว่าช่วงนี้ท่านมักจะชอบระแวง? เป็นเพราะนอนไม่หลับหรอเพคะ?"

ทั้งที่เขาเป็นห่วงนาง กลับถูกนางตอกกลับเช่นนี้ ช่างใจร้ายยิ่งนัก

โม่ฉีหมิงเอามือของนางมาจับที่นางของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าคิดที่จะปิดบังข้า แค่มองตาเจ้า ข้าก็รู้แล้ว"

โล่หวินหลานนิ่งไป ครู่หนึ่งกว่าจะดึงสติตนเองกลับมา นางจ้องมองไปที่เขา จากนั้นดวงตาของนางก็เผยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้คนที่มองนั้นถึงกับใจเต้นรัว

ตอนที่เย่เซียวหลัวฟื้นขึ้นมานั้น นางรู้สึกเพียงใบหน้าของตนเองนั้นเย็นๆอย่างบอกไม่ถูก เมื่อจับไปที่ใบหน้าก็หายบวมมากแล้ว

ตงอวี๋นนำยามาจากตำหนักหมิงอ๋อง ซึ่งทาแล้วจะทำให้รอยแดงหายเร็วมาก ในตอนที่เวินอ๋องกลับมานั้นก็ไม่พบรอยแดงแล้ว

"ตงอวี๋น!ตงอวี๋น!” เย่เซียวหลัวเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงร้องตะโกนเสียงดัง

ตงอวี๋นที่ยืนอยู่หน้าประตู จึงรีบเปิดประตูเข้ามา

นางเห็นเพียงภาพที่เย่เซียวหลัวนั้นสวมเสื้อไปด้วย และอารมณ์ร้อนไปด้วย “ท่านอ๋องล้ะ กลับมาหรือยัง?"

ตงอวิ๋นรีบเข้าไปช่วยเย่เซียวหลัวสวมเสื้อ แต่กลับถูกนางผลักออก ตอนนี้เย่เซียวหลัวเกรี้ยวกร้าดให้กับทุกคน

"พระชายาเพคะ ท่านอ๋องยังไม่กลับมาเพคะ พระชายานอนพักสักครู่เถะเพคะ" ตงอวิ๋นกล่าวเสียงเบา

เย่เซียวหลัวรู้สึกปวดไปทั้งตัว ที่นางโดนตบไปหนึ่งฉากนั้น คือการทำให้นางอับอาย!แค่สนมไร้อำนาจ แต่กลับทำให้พระชายาต้องโดนลงโทษ? นางต้องแก้เผ็ดให้ได้

ทันใดนั้นเอง นางก็คิดบางอย่างขึ้นได้ “เหตุใดข้าจึงมานอนที่นี่? ทั้งๆที่ข้ากำลังสั่งสอนนางเพศยานั่น"

เย่เซียวหลัวจับที่ท้ายทอยด์ของตนเอง ที่ตอนนี้ยังคงปวดอยู่

ตงอวิ๋นครุ่คิดอยู่นานแล้ว จึงตอบ “พระชายาเพคะ หม่อมฉันเห็นว่าพระชายาทรงโมโหมาก ไม่อยากให้พระชายาได้รับบาดเจ็บ จึงตีพระชายาเพคะ"

เย่เซียวหลัวนิ่งไป นางมองตงอวิ๋นราวกับจะกินเลือดเนื้อ "เจ้าโง่ เจ้าไม่มีสมองหรือไง! ถ้าครั้งหน้าเจ้ายังทำเช่นนี้อีก ข้าจะลงโทษเจ้า"

ตอนนี้นางดูจะไว้เนื้อเชื่อใจตงอวิ๋นมาก ไม่แม้แต่จะด่านาง ทั้งๆที่นางทำผิดถึงเพียงนี้ ยังพูดต่อว่าเล็กน้อยก็เท่านั้น

"ขอบพระทัยเพคะพระชายา" ตงอวิ๋นกล่าวเสียงเบา

เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วแล้วมองหน้านาง “ตงอวิ๋น ข้าให้เจ้าช่วยข้าคิดกลอุบาย ไม่ใช่ให้เจ้ามาขอบคุณข้า นางเพศยานั่นทำข้าถึงเพียงนี้ เจ้าต้องรีบช่วยข้าคิดหาวิธีมาจัดการนาง"

"พระชายาเพคะ หม่อมข้าคิดหาวิธีกำจัดพระสนมได้แล้วเพคะ เพียงแค่ลืมบอกไปก็เท่านั้น" ตงอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เย่เซียวหลัวรีบหันมามองหน้านาง “อย่างไร?"

ตงอวิ่นกระซิบบอกนางที่ข้างหู นางพูดได้เพียงสองประโยค รอยยิ้มชั่วร้ายก็ระบายอยู่บนใบหน้าของเย่เซียวหลัว จากนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย

เวินอ๋องกลับตำหนักด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว วันนี้ที่เขาเข้าไปในวังหลวง ก็เพื่อให้ท่านพ่อให้เขารับผิดชอบคดีนั้น เพื่อเขาจะได้ได้หน้า

แต่ครั้งนี้ไม่มีโม่ฉีหมิง ส่วนองค์รัชทายาทเองก็แสร้งทำเป็นเสียใจจนไม่เป็นการทำงาน และองค์ชายคนอื่นก็ตกใจจนกลัวไปหมด มีเพียงเขาเท่านั้น ที่พร้อมจะช่วยฮ่องเต้เจียเฉิงตามจับคนร้าย

แต่เลือกคนรับผิดชอบมาเป็นค่อนวัน สุดท้ายกลับเลือกองค์ชายสาม คนที่เอาแต่สวดมนต์ทั้งวันเช่นนั้น จะสืบได้เรื่องได้อย่างไร?

ช่างน่าเสียดาย ที่เป็นความประสงค์ของฮ่องเต้ จึงไม่มีใครขัดได้ เขาจึงต้องกลับมาที่ตำหนักมือเปล่า

เขาอยากจะพบหน้าเหอซื่อ จึงไปยังเรือนวี่หยวน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง

"ท่านอ๋องเพคะ ท่านต้องการพบองค์หญิงเหอซื่อหรอเพคะ?" เย่เซียวหลัวเดินเข้ามาใกล้ แล้วถามขึ้น

เวินอ๋องเดินออกมาจากเรือนวี่หยวน ด้วยสีหน้าที่แย่นัก

"เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" นำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำถาม

"ท่านอ๋องเพคะ หม่อมข้าเพียงต้องการจะบอกท่านว่า ไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกบในกะลา องค์หญิงกำลังหลอกท่านอยู่นะเพคะ คนที่นางชอบคือหมิงอ๋องต่างหาก!นางมักจะแอบนัดเจอกับหมิงอ๋อง อย่างเช่นตอนนี้ที่นางออกไปด้านนอก ก็เพื่อไปพบกับหมิงอ๋อง!”

เย่เซียวหลัวพูดกล่อมอยู่ข้างหูของเวินอ๋อง

เมื่อนางพูดจบ นางก็รู้สึกเพียงความเจ็บปวดบนใบหน้าฝั่งซ้าย นั่นเพราะมือหนาของเวินอ๋องพึ่งฟาดมายังใบหน้าของนาง จนนางหน้าหัน ตอนนี้ใบหน้าของนางร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวด

"หุบปาก!ห้ามพูดจาเหลวไหล!” เวินอ๋องควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ด้

ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์พูดเช่นนี้ โดยเฉพาะเย่เซียวหลัว ผู้หญิงที่เขารักนั้นไม่มีวันหักหลังเขา!

เย่เซียวหลัวที่ถูกตบนั้น อดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล ไม่ว่าจะถูกทุบตี นางก็ต้องการที่จะพูดความจริง

"หม่อมข้าไม่รู้นะเพคะ ว่าท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องจริงเพคะ หม่อมข้าเห็นพวกเขาในคืนนั้น คืนที่อ๋องหลัวสิ้นพระชนม์ หม่อมข้าเห็นนางนัดพบกับหมิงอ๋อง ทั้งสองยังโอบกอดกันไว้ด้วย วันนี้ที่ท่านหานางไม่พบก็เช่นกัน ตอนนี้นางคงจะกระทำเรื่องชั่วช้าอย่างเช่นวันนั้น ช่างน่าขันเสียจริง"

เย่เซียวหลัวพูดจบ ก็หัวเราะเสียงดัง และเอาแต่พูดว่าช่างน่าขันไม่หยุด ช่างน่าขัน......

น้ำตามากมายพลั่งพลูลงมา

เวินอ๋องโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว พระเจ้าตั้งใจส่งหญิงผู้นี้มาทรมานเขาหรือไร?

สิ่งที่นางพูดนั้น ก็เพื่อให้เขาปวดใจ

"เย่เซียวหลัว ตอนนี้ข้ายังมีสติ ดังนั้นเจ้าไปให้ไกลจากที่นี่" เวินอ๋องชี้ไปที่หน้าของเย่เซียวหลัว

ไปแล้วไม่ต้องกลับมาให้เขาเห็นอีก

เย่เซียวหลัวมองใบหน้าเขาที่ตอนนี้ดูทุกข์ใจยิ่งนัก นางรู้ว่าเพราะคำพูดของนางจึงทำให้เขาเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

"หม่อมข้ารู้ว่าท่านคงไม่เชื่อในสิ่งที่หม่อมข้าพูด แต่รอนางกลับมา ท่านลองถามนางด้วยตนเองเถอะ หม่อมข้าหวังดีจึงได้บอกกับท่าน เพราะไม่ต้องการให้ท่านถูกนางหลอกใช้ก็เท่านั้น ผู้หญิงเช่นนั้น ไม่คู่ควรต่อความรักของท่านหรอก"

เย่เซียวหลัวเขย่งเท้า แล้วกระซิบที่ข้างหู

ทุกครั้งที่เวินอ๋องโมโหจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด นางรู้สึกสะใจยิ่งนัก

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เย่เซียวหลัวก็เดินออกไปด้วยความสะใจ ตอนนี้หัวใจของนางแตกสลาย

หิมะที่เหน็บหนาวตกลงมากระทบบนใบหน้า เสียงฝีเท้าของนางย่ำบนพื้นหิมะ เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวนางก็ไปหลบอยู่ข้างกำแพง

นางยืนพิงข้างกำแพงที่ไม่มีคน จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่ง

เวินอ๋องกำมือเป็นรูปหมัด หน้าผากของเขาย่นไปหมด ดวงตาคู่นั้นราวกับสัตว์ป่าที่กำลังล่าเหยื่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก