ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 362

ตอนที่ 362 มีดกาบฟันฝ่า

ตำหนักเวินเวินอ๋องเงียบสงัด ขณะที่โล่หวินหลานจะเข้าไปในตำหนักนั้นก็ได้เห็นรถม้าของเวินอ๋อง นางจึงรู้ว่าเขากลับมาก่อนนางแล้ว ซึ่งคงต้องมีคำถามมาถามนางแน่ว่านางไปที่ใดมา

และวันนี้ตอนเช้านางเองก็ได้ทะเลาะกับเย่เซียวหลัวใหญ่โต นางคงต้องหาโอกาสบอกกับเขาว่านางไม่ได้ทำ หรือไม่ก็บอกกับเขาตามจริงไปเลยเกี่ยวกับเรื่องของนางและโม่ฉีหมิง

โล่หวินหลานจัดผมของตนเองให้เข้าที่ จากนั้นก็เดินเข้าไปยังเรือนวี่หยวน

เป็นไปตามที่นางคิดเอาไว้ ประตูของเรือนวี่หยวนถูกเปิดกว้าง เวินอ๋องนั่งอยู่ด้านใน กำลังดื่มชา

โล่หวินหลานเดินเข้าไป นางเองก็ไม่รู้ว่าควรเอ๋ยปากเช่นไร ตอนนี้ในเรือนวี่หยวนนั้นเงียบสงัด

ปกติแล้วเขาคงไม่นั่งเงียบเช่นนี้ วันนี้มีบางอย่างแปลกไป คงเพราะได้ฟังคำพูดของเย่เซียวหลัวมาเรียบร้อยแล้ว

เป็นไปตามที่นางคิดเอาไว้ เมื่อเห็นว่านางเดินเข้ามา เวินอ๋องก็รีบลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขานั้นช่างเย็นชาดุจน้ำแข็ง มุมปากของเขากระตุกยิ้มเล็กน้อย

"เมื่อครู่เจ้าไปที่ใดมา?" เวินอ๋องถามด้วยน้ำเสียงราวกับมาจากขุมนรก

"ออกไปด้านนอกครู่หนึ่งก็เท่านั้น" โล่หวินหลานตอบ

เวินอ๋องยิ้มเย็นยะเยือก มือหนาเชยคางของนางขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ข้าถามว่าเจ้าไปที่ใดมา"

เขาจับที่คางของนางแน่น จนทำให้นางรู้สึกเจ็บ

โล่หวินหลานมองนิ่งไปที่ดวงตาคู่นั้น แล้วตอบ “ท่านจะให้หม่อมข้าตอบด้วยท่าทีเช่นนี้หรือเพคะ?"

เมื่อเห็นว่านางเจ็บปวด เขาจึงค่อยๆคลายมือลง เขายอมรับว่าเขาเสียสติเพราะคำพูดของเย่เซียวหลัว จึงโมโหนางตรงหน้า

เพียงแต่ เมื่อเห็นใบหน้าของนาง เห็นนางที่ดูน่าสงสาร น่าทะนุถนอม ดวงตาที่เริ่มแดงนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าตอนที่นางอยู่กับโม่ฉีหมิงนั้น นางจะเป็นเช่นไร

เขาปล่อยมือ แล้วผละนางไปอีกทาง เวินอ๋องพยายามควบคุมความโกรธของตนเองเอาไว้ “เจ้าควรบอกข้าตามความจริง"

ไม่คิดเลยว่า เพราะคำพูดของเย่เซียวหลัวนั้น จะทำให้เขามาเค้นความจริงจากนาง โล่หวินหลานจึงคิดว่า วันนี้นางควรจะบอกความจริงกับเขา

"วันนี้หม่อมข้าไปที่ตำหนักอ๋องหลัว เพื่อที่จะไปบอกลาเขา แต่ตอนที่หม่อมข้าเดินไปถึงหน้าประตูนั้น กลับไม่รู้ว่าตนเองควรเข้าไปในฐานะใด หม่อมข้ามองดูตำหนักอ๋องหลัวที่เศร้าสลดนั้น ก็เกลียดตนเองที่วันนั้นไม่สามารถช่วยเขาไว้ได้"

โล่หวินหลานพูดเบาลงเรื่อยๆ จนประโยคสุดท้ายนั้น นางยากที่จะพูดออกมา

คำพูดของนางกับอารมณ์ของนางในตอนนี้ ดูตรงกันข้ามกัน ทำให้เวินอ๋องไม่เชื่อในเหตุผลของนาง

เขาจึงถามต่อ “จริงหรือ?"

โล่หวินหลานรีบตอบ “หม่อมข้าจะกล้าโกหกท่านอ๋องได้อย่างไรเพคะ?"

"งั้นดี แล้วคืนวันนั้นเหตุใดหลังจากที่เจ้ารักษาอ๋องหลัวแล้วนั้น ข้ากลับไม่พบแม้แต่เงาของเจ้า เจ้าหายไปไหน?" เวินอ๋องยังคงไล่ถามต่อ

โล่หวินหลานรีบคิดหาข้อแก้ตัว

"วันนั้นหม่อมข้ารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ การที่เห็นอ๋องหลัวสิ้นพระชนม์ต่อหน้าต่อตาแต่กลับช่วยเขาไว้ไม่ได้ หม่อมข้าจึงออกไปสูดอากาศด้านนอก แต่ใครจะไปรู้ ตอนที่หม่อมข้าอยู่ด้านนอกนั้นก็เห็นขันทีคนนั้นที่มีท่าทีลับลับล่อล่อ หม่อมข้าจึงคิดว่าเขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงรีบวิ่งตามไป สุดท้ายกลับถูกหมิงอ๋องหยุดเอาไว้"

โล่หวินหลานพูดพลาง มองหน้าเขาพลาง จากนั้นก็พูดต่อ

"แต่หมิงอ๋องก็ไม่ได้พูดอย่างไร เพียงแต่ชี้ไปที่ขันทีคนนั้น หมิงอ๋องบอกหม่อมข้าเพียงว่าขันทีคนนั้นกำลังจะออกไปเชิญหลี่เซิง แต่หม่อมข้ากลับเข้าใจผิดว่าขันทีนั่นเป็นผู้ร้าย" โล่หวินหลานยังไม่ทันพูดจบ ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย

หลังจากที่ฟังคำอธิบายของนางแล้วนั้น เวินอ๋องเองก็คลายกังวล ขอเพียงนางไม่ได้เข้าไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหมิงอ๋องก็เพียงพอแล้ว

"หลังจากนี้ หากเจ้าพบเจอกับหมิงอ๋องก็อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ทางที่ดีที่สุดคืออย่าแม้แต่จะไปพูดคุยด้วย เข้าใจไหม?" เวินอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงมาก

โล่หวินหลานขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเขา “หม่อมข้าไม่ได้สนิทสนมกับหมิงอ๋องเพคะ เหตุใดเมื่อครู่ท่านจึงโมโหมากมายเช่นนั้น? หรือเพราะว่าท่านให้ใครคอยสะกดรอยตามหม่อมข้า? หรือใครมาฟ้องท่านหรือเพคะ?"

ตอนนี้กลับกลายเป็นนางที่ยิงคำถามให้เขา เวินอ๋องก้มหน้าขอโทษ

"เมื่อครู่เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรหูเบาแล้วสงสัยในตัวเจ้า" เวินอ๋องพูดจบ ก็เชยคางของนางขึ้นมา จากนั้นก็ก้มลงมอง "เมื่อครู่เจ็บมากไหม?"

การกระทำของเขานั่น ทำให้โล่หวินหลานรู้สึกไม่คุ้นชิน จึงแกล้งทำเป็นเขินอาย แล้วหันหลังให้เขา

"หม่อมข้ารู้เพคะ ว่าท่านฟังคำพูดของใครมา วันนั้นในวังหลวงหม่อมข้าก็เห็นพระชายาเช่นเดียวกัน หม่อมข้าพยายามที่จะอธิบายให้นางฟัง แต่นางก็ไม่ยอม นางเอาแต่บอกว่าจะนำเรื่องนี้มาบอกท่าน แต่หม่อมข้าก็คิดว่าเวินอ๋องนั้นเป็นวีรบุรุษที่เฉลียวฉลาด คงไม่เชื่อคำใครง่ายๆแน่นอนเพคะ"

โล่หวินหลานไม่ลืมที่จะกล่าวชมเขาในตอนท้ายของประโยค เพื่อให้เขานั้นตกลงมาในหลุมคำหวานของนาง จนตัวลอย

"ตอนนี้ข้ารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ข้าไม่มีวันที่จะสงสัยในตัวเจ้า ส่วนคนที่ทำลายความสัมพันธ์นั้น ข้าจะให้บทเรียนแก่นางเอง" เวินอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

พูดจบ โล่หวินหลานยังไม่ทันตอบ เขาก็รีบเดินออกไป

โล่หวินหลานรีบวิ่งตามออกไป เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา ไม่นานร่างใหญ่ก็เดินเลี้ยวไปอีกทาง

นางเอามือจับที่เสาของประตู เมื่อครู่หัวใจของนางหล่นไปยังตาตุ่ม แต่ปากของนางนั้นยังพูดไม่จบ

เย่เซียวหลัวถูกสั่งกักบริเวณอยู่ในห้องสำหรับกักบริเวณ ห้ามไปไหน

โล่หวินหลานเอง ก็พึ่งทราบเรื่องนี้ในตอนเช้า เวินอ๋องเองก็ไม่ได้พูดสิ่งใด คงเพราะไม่อยากให้คนอื่นรับรู้

ซึ่งนางเองก็เคยอยู่ในห้องนั้น ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้คนที่ได้ไปอยู่ในนั้นจะเป็นเย่เซียวหลัว

เย่เซียวหลัว คนต่อไปก็คือง....

ยังไม่ทันได้คำตอบจากปากของเย่เซียวหลัว เกี่ยวกับเรื่องในตอนนั้น ก็ยังไม่ถึงคิวของคนต่อไป

วันนี้เป็นวันฝังศพของอ๋องหลัว โล่หวินหลานก็ได้เสด็จไปพร้อมกับเวินอ๋อง

ตลอดทางเดินนั้นมีการโปรยกระดาษเงินกระดาษทอง เต็มท้องถนน และก็มีเสียงร้องไห้ดังระงบ

ขอเพียงชาติหน้า ได้เกิดในครอบครัวคนธรรมดา เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องคอยสู้รบปรบมือกับคนในวังหลวงแล้ว

เสียงร้องไห้ดังระงบ ทางเดินที่เดินนั้นก็ลำบาก เพราะพื้นเป็นหิมะหนา จนขาทั้งสองข้างเย็นไปหมด ขบวนส่งศพนั้นเข้าไปยังสุสาน ส่วนหญิงสาวที่ตามมานั้นต้องรออยู่ด้านนอก ห้ามเข้าไปยังสุสาน

โล่หวินหลานน้ำตาคลอ เขาเงยหน้าแล้วสบตาโม่ฉีหมิง

เขาส่ายหน้าให้กับโล่หวินหลาน แล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า "อย่าร้องไห้"

โล่หวินหลานคลายยิ้มบางส่งให้เขา นางจะร้องไห้ได้อย่างไร? ที่ตาของนางแดงนั้นก็เพราะหิมะเข้าตาก็เท่านั้น

ตอนที่กลับมาตำหนักนั้น ไซ่เยว่ก็วุ่นอยู่กับการเติมน้ำชา โล่หวินหลานอยากให้นางไปทำงานต่างๆ ตนเองจะได้รับพักสักตื่น แต่ใครจะไปคิด ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังสนั่น

"เหอซื่อ เจ้าช่างสบายใจหรือเกินนะ อยู่ที่เรือนวี่หยวนเป็อย่างไรบ้าง? แตกต่างจากเรือนกักบริเวณหรือไม่?" เย่เซียวหลัวส่งเสียงดังมาจากด้านนอก

ดูจากท่าทีของนางแล้วนั้น ราวกับจะมาจัดการโล่หวินหลานให้จบในวันนี้

ไซ่เยว่มองดูเย่เซียวหลัวที่ขาดสติ จึงเดินไปด้านหน้า แต่นางยังไม่ทันได้ก้าวเดินไป ก็ถูกโล่หวินหลานห้ามเอาไว้

นางส่ายหน้าไปมาให้กับไซ่เย่ว แล้วบอกกับนางโดยไม่มีเสียงว่าให้ไปหาเวินอ๋อง

"ไซ่เยว่ เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับพระชายา"

ไซ่เยว่เข้าใจความหมายของนายหญิงตน จึงรีบออกไป

ประตูถูกปิดลง ด้านในห้องเหลือเพียงเย่เซียวหลัวและโล่หวินหลาน

"เจ้าช่างใจกล้านัก ที่กล้าให้สาวรับใช้ออกไป เจ้าไม่กลัวข้าทำร้ายเจ้าหรือไง?" เย่เซียวหลัวกล่าวพลางหัวเราะ

โล่หวินหลานเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง นางได้กลิ่นสุราจากตัวของเย่เซียวหลัว จึงส่ายหน้าไปมา “กลิ่นสุราคลุ้งไปหมด การดื่มสุรานั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้หรอกนะเพคะ"

เย่เซียวหลัวหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็ผลักโล่หวินหลานอย่างแรง จนนางเซถอยหลังไปหลายก้าว

"เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้า? เจ้ามันก็แค่นางสนม พระชายาของเวินอ๋องคือข้า!เจ้าไม่มีสิทธิ์"

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา โล่หวินหลานจึงตอบกลับ

"ใช่เพคะ ท่านเป็นพระชายาของเวินอ๋อง แต่เป็นพระชายาแล้วอย่างไรเพคะ? ท่านไม่ได้หัวใจของเวินอ๋อง เวินอ๋องไม่ได้รักท่าน แล้วการเป็นพระชายาเช่นนี้มีความสุขมากไหมเพคะ?" โล่หวินหลานถามอย่างหมดความอดทน

เย่เซียวหลัวทนไม่ได้ที่ใครจะมาพูดจาเช่นนี้กับนาง นางเกลียดที่จะได้ยินคนอื่นพูดว่าเวินอ๋องไม่ได้รักนาง

ความโมโหของนางเพิ่มมากขึ้น “เจ้าหุบปาก!เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารักท่านอ๋องมานานเท่าไหร่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าทำอะไรเพื่อท่านอ๋องบ้าง? เพื่อที่จะได้แต่งงานกับท่านอ๋อง ข้าต้องทำอะไรบ้าง ข้าต้องใช้ความพยายามเท่าไหร่ แต่เพราะเจ้า ทุกอย่างจึงพังไปหมด!”

"มันเป็นเพราะหม่อมข้า หรือเพราะตัวพระชายาเองกันแน่เพคะ?" โล่หวินหลานก้าวไปด้านหน้าแล้วถามนาง

"ท่านไร้เหตุผล ต้องการยึดครองท่านอ๋องแต่เพียงผู้เดียว ท่านไล่ผู้หญิงทุกคนออกจากชีวิตของเวินอ๋องท่านให้เวินอ๋องต้องเอาแต่เผชิญหน้ากับท่าน แต่ท่านกลับมีวาจาดุร้าย ไม่สามารถให้สิ่งใดกับเขาได้ สิ่งที่บุรุษผู้หนึ่งต้องการนั้นมีเพียงความอ่อนโยน ความคาดหวังที่จะได้มีความสุข ความอบอุ่นยังได้กอดหญิงที่รัก ไม่ใช่แม่เสือใจร้ายอย่างท่าน ท่านพิจารณาตัวเองก่อนสิ ไม่แน่ท่านอ๋องอาจจะรังเกียจใบหน้านี้ไปตั้งนานแล้วก็ได้"

โล่หวินหลานจี้ไปยังจุดอ่อนของนาง เพื่อให้นางโกรธจนขาดสติ

ตอนนี้นางดูเสียสติไปหมด

ใช่ นางพูดถูก นางพูดถูกทุกอย่าง

เย่เซียวหลัวจับที่หัวของตนเองแน่น จากนั้นก็ก้าวถอยหลังจนชนเข้ากับเก้าอี้ดัง "ปั้ง" แล้วล้มลงไป

"ไม่จริง ไม่จริง.....ท่านอ๋องรักข้า เขายังรักข้าอยู่....เพราะเจ้า เพราะเจ้าที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา หากไม่ใช่เพราะจ้า ท่านอ๋องจะเกลียดข้าได้อย่างไร?" เย่เซียวหลัวพูดซ้ำไปมา

โล่หวินหลานขมวดคิ้ว

นางค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นก็หยิบมีดด้ามเล็กออกมา

"ทำไมเจ้าไม่ตายไปเสียล้ะ? ทำไมถึงต้องมีเจ้า?" เย่เซียวหลัวราวกับคนบ้า นางมองไปยังโล่หวินหลาน

"ทำไมเล่า? พระชายาอยากที่จะฆ่าหม่อมข้าหรอเพคะ? ท่านไม่กล้าหรอก หากท่านฆ่าหม่อมข้า ท่านอ๋องต้องไม่ปล่อยท่านไปแน่" โล่หวินหลานก้าวถอยหลัง ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางวางเอาไว้

เย่เซียวหลัวหัวเราะเสียงดัง “เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวงั้นหรือ? ตอนนั้น ข้าก็เคยใช้มันฆ่าคนคนหนึ่งมาก่อน แค่ครั้งเดียว นางก็ตายตรงหน้าข้า"

นางพูดไปด้วย แล้วยกมือขึ้น หมุนตัวไปมา “เจ้าดูข้าสิ ตอนนี้ข้าก็ไม่เป็นอะไรหนิ? ตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่อย่างดี?"

ที่แท้เรื่องในตอนนั้น นางจำได้แม่นยำ ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกผิดแต่กลับเอาพูดราวกับเป็นเรื่องน่าขัน

"งั้นคนที่พระชายาข้าช่างเป็นคนที่น่าสงสาร หม่อมข้าเชื่อว่านางก็คงเป็นเหมือนหม่อมข้า ที่ได้ความรักจากเวินอ๋อง จึงถูกพระชายาฆ่า ใช่ไหมเพคะ?" โล่หวินหลานถามเสียงต่ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก