ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 364

ตอนที่ 364 ไม่สามารถควบคุมได้

สวินโม่แสดงหน้าตาสงสัย แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด

การที่จะจับคนร้ายที่วางยาพิษได้นั้น คงไม่ง่ายแน่ๆ

ต่อให้รู้ว่าใครเป็นคนวางยา แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน

“ใคร?” โม่ฉีหมิงปรายตามองไปที่ประตู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ไซ่เย่วที่อยู่ด้านนอกถึงกับสะดุ้ง นางพึ่งเดินมาถึงหน้าประตู คนด้านในกลับรู้ว่ามีคนมา

“ท่านอ๋อง ไซ่เย่วขอเข้าพบเพคะ” ไซ่เยว่สูดลมหายใจเข้า

จากนั้นก็ได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน:”เข้ามา”

ตอนที่นางเปิดประตูเข้าไปนั้น ก็เห็นโม่ฉีหมิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เขามีใบหน้าที่ซีดเซียว และดวงตาคู่นั้นก็ดูเย็นชาเช่นเดียวกัน

ไซ่เยว่รีบถามด้วยความกังวล:”ท่านอ๋อง ท่านบาดเจ็บ? สาหัสหรือไม่เพคะ?”

สวินโม่เองก็กำลังเก็บกล่องยาของตนเอง เพื่อเตรียมที่จะออกไป ขณะที่เขาเดินผ่าน ไซ่เย่วก็ได้กระซิบบอกกับนาง:”ไม่ได้สาหัสหรอก แผลแค่นี้เล็กน้อยสำหรับท่านอ๋อง”

พูดจบ เขาก็เปิดประตูออกไป

ด้านในห้องจึงเหลือเพียงทั้งคู่ โม่ฉีหมิงจึงพูดขึ้น:”มีเรื่องอันใด?”

ไซ่เยว่จึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟัง ขณะที่พูดถึงเย่เซียวหลัวถูกกรีดหจนเสียโฉมนั้น น้ำเสียงของนางก็สั่นเครือ

เพียงแต่ หลังจากที่โม่ฉีหมิงฟังจบนั้น เขาก็มองมาที่นางด้วยแววตาเย็นชา:”เจ้าทิ้งนางให้อยู่ในที่อันตรายอย่างนั้นได้อย่างไร? หากเย่เซียวหลัวทำให้นางบาดเจ็บจะทำเช่นไร?”

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ยังคงฝังลึกอยู่ในใจ ตอนนี้เขาได้มาพบกับโล่หวินหลานอีกครั้ง ก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้ามาก ที่ส่งโล่หวินหลานกลับมา

หลังจากครั้งนั้น เขาก็ระมัดระวังในทุกเรื่อง ไม่อยากให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย แต่สุดท้ายก็ยัง......

“เจ้าน่าจะรู้ดี ว่าเหตุผลที่ข้าให้เจ้าไปคอยอยู่รับใช้นาง ก็เพื่อให้เจ้าปกป้องนาง ไม่ใช่ปล่อยให้นางต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ หากนางเป็นอะไรไปจะทำเช่นไร เจ้าเคยคิดหรือไม่?” น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงนั้นเย็นชา ราวกับมีไอความเย็นออกมาจากตัวของเขา

ไซ่เยว่ตกใจเล็กน้อย ความจริงแล้วโม่ฉีหมิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการอยู่หรือตายของเย่เซียวหลัว แต่เป็นห่วงความปลอดภัยของโล่หวินหลานต่างหาก นางก้มหน้าก้มตา

“เป็นความผิดของหม่อมข้าเองเพคะ ที่ไม่ได้ปกป้ององค์หญิง ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษหม่อมข้าด้วยเพคะ” ไซ่เยว่รีบสำนึกผิด

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วและย่นหน้าผาก เขาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่โล่หวินหลานจะถูกเย่เซียวหลัวทำร้าย เขาก็รู้สึกกลัว

เรื่องเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ยังคงหลอกหลอนเขาทุกคืน หากครั้งนี้โล่หวินหลานเป็นอะไรไป เขาคงต้องบ้าแล้วจริงๆ

ความเจ็บปวดบนร่างกายนั้น ไม่อาจเทียบเท่าความเจ็บปวดในหัวใจ เขาไม่สนใจบาดแผลในร่างกายของตน รีบลุกจากเตียง จนทำให้ผ้าที่พันแผลเอาไว้มีเลือดไหลออกมาซิบๆ แผลที่แผ่นหลังทำให้เขาไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายตามใจนึก

ไซ่เยว่เห็นว่ามีเลือดไหลออกมา ก็ตกใจจึงรีบพูดขึ้น “ท่านอ๋อง บาดแผลในตัวท่านยังไม่หายดี ท่านจะไปไหนเพคะ?"

ความเจ็บปวดบนร่างกายสำหรับเขานั้นช่างน้อยนิด ก่อนหน้านี้เขาเคยเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจมากกว่านี้หลายเท่าตัวนัก เขายังผ่านมันมาได้

"เจ้ากลับไปเถอะ" โม่ฉีหมิงค่อยๆสวมใส่เสื้อผ้าด้วยความลำบาก จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ไซ่เยว่อยากจะห้ามเขาเอาไว้ แต่นางก็เป็นเพียงสาวรับใช้ไม่ควรที่จะห้าม ท้ายที่สุดนางก็อดกลั้นเอาไว้ นางเป็นเพียงคนต้อยต่ำ จะมีสิทธิ์อันใดไปห้ามเขา?

สุดท้ายพวกเขาก็ออกมาโดยไม่ได้พูดสิ่งใดต่อกัน โม่ฉีหมิงสวมชุดสีดำทั้งชุด เขาไม่สนใจความเจ็บปวดบนแผ่นหลัง รวบรวมแรงที่มีแล้วใช้วิชาตัวเบา มุ่งหน้าไปทางตำหนักเวินอ๋อง

ณ ตอนนี้ เขาคิดถึงนางเหลือเกิน เขาอยากจะพบหน้านาง

เมื่อไปถึงตำหนักเวินอ๋อง เขาก็มุ่งหน้าไปยังเรือนวี่หยวนทันที มองจากด้านนอกนั้นก็เห็นมีแสงเทียนจุดอยู่ในห้อง

เขากระโดดเข้าไปผ่านช่องหน้าต่างอย่างไร้เสียง โม่ฉีหมิงโผเข้ากอดโล่หวินหลาน นางดีดดิ้นแล้วหันกลับมา ประจวบเหมาะทำให้กลายเป็นอยู่ในอ้อมกอดของเขาทันที

ใบหน้าของนางซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนหายใจลำบาก

“ท่านเป็นอะไรไป?” โล่หวินหลานถามเสียงอู้อี้ เพราะอยู่ในอ้อมกอดของเขา

โม่ฉีหมิงรู้สึกสบายใจ เพราะตอนนี้เขาได้อ้อมกอดนางตัวเป็นๆ หลังจากที่พบเจอนางแล้ว เขาจึงคลายกังวล

“ให้ข้ากอดเจ้าสักเดี๋ยวเถอะ” โม่ฉีหมิงกระชับอ้อมกอด

หรือเพราเขาได้ยินเรื่องของเย่เซียวหลัว จึงมาที่นี่เพื่อดูว่านางปลอดภัยดีหรือไม่?

โล่หวินหลานคลายยิ้มออกมา จากนั้นก็โอบกอดเขาตอบ แต่เขาก็รีบคลายกิดทีนที

นางมองแววตาของเขา “ชิ” กอดพอแล้วหรือ?

“เห็นว่าเจ้าปลอดภัย ข้าค่อยโล่งใจ” โม่ฉีหมิงคลายยิ้มบางๆ

จากนั้นแววตาของเขาก็ดูเข้มขรึมขึ้นมา คิ้วขมวดกันเป็นปม

เขาแสร้งทำเป็นโกรธ:”ไม่มีคราวหน้าแล้ว ตอนนี้เย่เซียวหลัวก็ได้รับบทเรียนในสิ่งที่นางทำ ข้าจะให้คนไปจัดการนาง และเจ้าก็ควรกลับมาได้แล้วใช่ไหม?”

ประโยคสุดท้ายถึงแม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่มันก็คล้ายกับเป็นการออกคำสั่ง มันยากนักที่จะเห็นเขาเป็นแบบนี้

“อื้ม ถึงเวลานั้นเราจะไปเที่ยวรอบโลก ไปชื่มชทหุบเขาแม่น้ำ สายธาร เราจะเดินตั้งแต่เหนือจรดใต้นะเพคะ......” โล่หวินหลานระบายยิ้ม

โม่ฉีหมิงนิ่งไปสักพัก:”เที่ยวรอบโลก?”

เหตุใดช่วงหลังมานี้ นางมักจะมีคำพูดแปลกๆ? แต่ตอนนี้นางก็มีสติดี และนางก็ไม่ได้ดื่มสุราด้วย แต่ทำไมคำพูดของนางช่างแปลกยิ่งนัก

โล่หวินหลานรีบอธิบาย:”หม่อมข้าหมายถึงท่องโลกกว้างเพคะ......”

โม่ฉีหมิงพยักหน้า มองจากภายนอกนั้นเขาไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ แต่ในใจเขานั้นยังคงนึกถึงคำพูดแปลกๆของนาง

“ดีจังเลยเพคะ......” โล่หวินหลานรู้สึกขอบคุณทุกอย่าง ในที่สุดนางก็จะได้ครองรักกับเขาจนแก่เฒ่าเสียที

ขณะที่นางกำลังพูดอยู่นั้น ก็พุ่งตัวเข้าไปหาเขาเพื่อที่จะโอบกอดเขาเอาไว้

โม่ฉีหมิงยืนเกร็งสักพัก เมื่อเห็นว่านางพุ่งตัวเข้ามาหา ใจจริงเขาก็อยากโอบกอดนางเอาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็เพียงจับมือของนาง

"ข้าต้องไปแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะหาวิธีมารับตัวเจ้ากลับไป" โม่ฉีหมิงลูบที่ผมของนาง บอกกับนางอย่างอบอุ่น

เมื่อเห็นว่าเขาปฏิเสธการกอดของนางนั้น โล่หวินหลานก็เอียงคอมองเขา นางขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด เหตุใดเขาจึงไม่กอดตอบนาง?

หรือว่าเพราะโมโห จึงอยากจะให้บทเรียนนาง?

โล่หวินหลานคิดแล้วคิดอีก นางพยักหน้า แล้วยื่นมือออกไป “ให้หม่อมข้ากอดท่านหน่อย แล้วท่านก็กลับไปได้เลยเพคะ"

โม่ฉีหมิงสะดุ้ง หายใจไม่ทั่วท้อง เขาไม่อาจปฏิเสธนางได้จริงๆ

แต่เขาได้รับบาดเจ็บที่หลัง หากนางกอดเขานางก็จะรู้ทันที เขาไม่อยากให้นางเป็นกังวล

สุดท้ายก็ไม่ยอมที่จะยื่นมืออ้าแขนรับนาง เขาทำเพียงลูบใบหน้างดงามนั้น “เชื่อฟังข้า ข้ายังมีเรื่องต้องทำ"

เพียงเขาหันหลังไปนั้น โล่หวินหลานก็กอดเขาจากด้านหลังทันที

นางได้กลิ่นคาวของเลือด จนทำให้นางตกใจ

จึงรีบคลายกอดจากตัวเขา จากนั้นสองมือน้อยก็จับไปที่แผ่นหลังของเขา และนางก็สัมผัสได้ถึงผ้าที่ถูกพันเอาไว้

"ท่านบาดเจ็บ!” โล่หวินหลานร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ

โม่ฉีหมิงเกร็งไปทั้งตัว ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายนางก็รู้เรื่องนี้ เขาหันกลับมาหานาง “เล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นอะไรหรอก"

แต่บาดแผลที่เขาคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ในสายตาของโล่หวินหลานนั้น ไม่ว่าจะสาหัสหรือไม่ล้วนทำให้นางปวดใจ

ที่แท้ ที่เขาไม่ยอมให้นางกอดก็เพราะเรื่องนี้นั่นเอง เขาไม่อยากให้นางต้องเป็นห่วง จึงยอมที่จะเจ็บเพียงคนเดียว

"นั่งลง ขอหม่อมข้าดูหน่อย มิเช่นนั้นหม่อมข้าไม่วางใจ" โล่หวินหลานบอกให้เขานั่งลง

โม่ฉีหมิงก็ยังคงปลอบใจนางเช่นเดียวกัน แต่นางกลับขมวดคิ้วเป็นปมแล้วพูดขึ้น “หม่อมข้าบอกให้นั่ง ก็นั่งลงสิเพคะ หม่อมข้าเป็นหมอเทวดา ให้หม่อมข้าดูเถอะว่าบาดแผลของท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง"

เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น โม่ฉีหมิงคลายยิ้มออกมาทันที เขาจะลืมได้อย่างไรว่านางเป็นแมวป่าตัวน้อย ที่แสนฉลาด

เขานั่งลงอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ถอดเสื้อออก แผ่นหลังกว้างใหญ่เผยออกมาตรงหน้าของนาง โม่ฉีหมิงรู้สึกมีความสุขยิ่งนักทีมีนางนั่งอยู่เคียงข้าง และเขาก็ดีใจที่เห็นนางแสดงอาการเป็นห่วง

บาดแผลบนแผ่นหลังของเขานั้นได้มีการใส่ยาแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาลุกเดินไปมา ก็คงไม่ทำให้แผลฉีกขาดเช่นนี้

และแผลนี้คงฉีกขาดระหว่างที่เขามาที่นี่แน่ โล่หวินหลานรู้สึกปวดใจยิ่งนัก นางมองดูบาดแผลของเขาที่แค่เห็นก็รู้ว่าเพราะถูกคนฟัน ใครกันที่เป็นคนทำร้ายเขา

"ใครเป็นคนทำร้ายท่าน? และใครกันที่สามารถทำร้ายท่านได้?" โล่หวินหลานถามพลางมองไปที่บาดแผลของคนตรงหน้า

โม่ฉีหมิงไม่อยากให้นางรับรู้มากจนเกินไป เขาจึงส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก มีคนลอบทำร้ายข้าเท่านั้นเอง"

ลอบทำร้าย? มีคนลอบทำร้ายโม่ฉีหมิงได้อย่างไร โล่หวินหลานมองดูด้วยสายตาสงสัย นางอยากจะทำแผลให้เขาก่อน จึงไม่ได้ถามอะไรมากความ

เมื่อเห็นสมุนไพรที่ถูกทาเอาไว้นั้น นางก็เอามาดมถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นคาวของเลือด แต่ก็ยังคงดมกลิ่นแล้วรู้ได้ว่ายานี้คืออะไร

"ความสามารถทางการแพทย์ของสวินโม่นั้นเยี่ยมยอดนัก สมุนไพรนี้ดีต่อแผลบนตัวท่านพี่มาก" โล่หวินหลานขมวดคิ้ว "หากมีสามารถเย็บได้ ก็คงจะหายเร็วกว่านี้"

เมื่อได้ยินนางบ่นพึมพำ โม่ฉีหมิงก็คลายยิ้มออกมา “แผลแค่นี้เล็กน้อยยิ่งนัก ไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าอย่าเป็นกังวลเลย"

พูดจบ เขาก็สวมเสื้อผ้า แต่โล่หวินหลานก็ขยับเข้ามาใกล้เขา เพื่อที่จะห้ามไม่ให้เขาสวมเสื้อ และนางก็เห็นเข้ากับรอยแผลเป็นนั่น

"เหตุใดจึงมีรอยแผลเป็นที่นี่?" โล่หวินหลานถามด้วยความสงสัย

เพราะนางจำได้ว่าก่อนหน้านั้นไม่มี ซึ่งเข้าใจได้ว่าแผลเป็นนี้เกิดขึ้นช่วงระหว่างที่นางหายไปในหนึ่งปีนี้

"เป็นมานานแล้ว" โม่ฉีหมิงหัวเราะ

โล่หวินหลานเปิดเสื้อของเขาออก จากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่แผ่นหลังของเขา ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว

แต่โล่หวินหลานนั้นช่างไม่รู้อะไรล้างเลย นางจิ้มไปบนแผลต่างๆด้านหลัง “ที่นี่ก็มี ที่นี่ด้วย.....เพราะเหตุใดกันเพคะ?"

นางรู้เพียงว่า หากไม่ได้รับความยินยอมจากเขานั้น ไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้

โม่ฉีหมิงกัดฟันเพื่อห้ามความต้องการของตนเอง แต่คนด้านหลังที่ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มนั้นช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ทุกครั้งที่นิ้วเรียวยาวของนางจิ้มมาที่แผ่นหลัง เขาก็รู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว

โม่ฉีหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ใช้มือเดียว กดตัวนางเอาไว้

โล่หวินหลานที่อยู่ในพันธการของเขา เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า นางพึ่งคิดได้ว่าการกระทำของนางทำให้เขา.....

"หวินหลาน......"โม่ฉีหมิงเรียกชื่อนางด้วยเสียงแหบพร่า

เห็นแววตาของเขานั้น โล่หวินหลานก็รู้เลยว่าไม่ดีแน่ ที่นี่เป็นตำหนักเวินอ๋อง หากมีคนเห็นเข้าจะทำอย่างไร?

โล่หวินหลานนิ่งไป จากนั้นก็ค่อยๆออกจากพันธการของเขา

"เอ่อ หม่อมข้าช่วยสวมเสื้อนะเพคะ" โล่หวินหลานยื่นมือไปช่วยเขาจัดเสื้อ

"รีบกลับมาอยู่เคียงข้างข้าเถอะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงทนไม่ไหวแน่" โม่ฉีหมิงกัดฟันอดกลั้นเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก