ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 366

ตอนที่ 366 งานเลี้ยงหลอกลวง

อ้อมกอดที่อบอุ่นของเขานั้น คือสิ่งที่โล่หวินหลานโหยหามาโดยตลอด เสียงของเขาดุจยาวิเศษ ที่สามารถทำให้ใจที่ว้าวุ่นของนางรู้สึกปลอดภัย

"เป็นอะไรไป?" โม่ฉีหมิงถามขึ้น

"เปล่าเพคะ ก็แค่คิดถึงท่านก็เท่านั้น" โล่หวินหลานออกมาจากอ้อมกอดของเขา "เข้าไปด้านในกันเถอะเพคะ"

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะมาหาเขาถึงตำหนักหมิงอ๋อง โม่ฉีหมิงรู้สึกดีใจนัก ไม่อยากที่จะคลายกอดแม้แต่น้อย

เมื่อเข้ามาถึงในห้อง โล่หวินหลานกำลังจะไปนั่ง กลับถูกเขาดึงตัวกลับมากอดเอาไว้ นางหันตัวกลับมาสบตาเขา

"บอกข้า มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?" โม่ฉีหมิงถามด้วยสีหน้าจริงจัง เขาต้องการคำตอบ

โล่หวินหลานนิ่งไปครู่หนึ่ง นางไม่รู้ว่าควรบอกเขาหรือไม่ แต่ดูจากสีหน้าของเขาแล้วนั้น ก็รู้ได้เลยว่าต้องการคำตอบมากเพียงใด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเค้นคำตอบจากนางแน่นอน

"อยู่ในนั้นจนหม่อมข้าว้าวุ่น ก็เลยอยากออกมาเดินเล่นก็เท่านั้นเพคะ เวินอ๋องเองก็เอาแต่อยู่ในตำหนัก หม่อมข้าจึงออกมา" โล่หวินหลานบอก

นางรู้ ว่าหากเขามองตานางก็จะรู้ได้ทันทีว่านางโกหก จึงเลือกที่จะไม่สบตาเขา

โม่ฉีหมิงมองดูอาการของนางแล้ว ก็พยักหน้า “อื้ม ข้าเข้าใจ"

ถ้านางไม่อยากบอก เขาก็จะไม่บังคับนางเช่นเดียวกัน ขอแค่นางมีความสุขแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

อาลั่วหลันที่ได้ยินว่าโล่หวินหลานมาที่นี่ จึงอยากที่จะพบหน้ายิ่งนัก นางยังเดินไม่ถึงเรือนทิศตะวันออก ก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้

"หมิงซี?" อาลั่วหลันหันกลับมา แล้วพูดด้วยความดีใจ "เสี่ยวฮัวมาที่นี่ ข้าจะไปหานาง เจ้าจะไปด้วยกันไหม?"

ใครจะไปคิดว่าหมิงซีจะทำหน้าตาเข้มขรึม “ห้ามไป"

"ไม่ใช่สิ" หมิงซีไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดี "เสี่ยวฮัวมาที่นี่คงเพราะมีเรื่องต้องคุยกับท่านอ๋อง หากเจ้าเข้าไปหานางในตอนนี้จะเป็นการรบกวนพวกเขาเสียเปล่า"

จากประสบการณ์ของเขา มันบอกเขาเช่นนี้ ว่าหากอาลั่วหลันเข้าไปในตอนนี้คงต้องเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นแน่นอน

อาลั่วหลันเอียงคอมองเขา แล้วถามขึ้น “พวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน? เหตุใดข้าจึงไม่สามารถฟังได้?"

"ก็คือ......" หมิงซีขมวดคิ้ว แล้วหยุดพูด

เงยหน้าขึ้นมาอีกที อาลั่วหลันก็เดินไปทางเรือนทิศตะวันออกเรียบร้อยแล้ว หมิงซีรีบเดินตามไป

จากนั้นก็บอกกับนาง “เจ้าลองคิดดูสิ ครั้งที่แล้วตอนที่เสี่ยวฮัวมาแล้วเจ้าไปหานาง เจ้าเห็นสิ่งใดเข้า แล้วท่านอ๋องก็ทำสิ่งใดหลังจากนั้น ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะจำได้ดี?"

พูดจบ อาลั่วหลันก็หยุดเดิน นางหันมาอย่างเก้ๆกังๆ

ภาพในหัวของนางมีแต่สิ่งที่สองคนนั้นกำลังทำในวันนั้น จากนั้นหน้าของแดงก็ร้อนรุ่มขึ้นมา

แล้วหลังจากวันนั้น โม่ฉีหมิงก็เพิ่มสาวใช้กว่าสิบคนให้มาดูแลนาง ทั้งสิบคนเอาแต่จับตาดูนางไม่ว่านางจะไปไหน จนถึงให้นางนั้นไม่สามารถออกจากห้องได้หลายวัน

ตอนนี้เมื่อคิดเช่นนี้ ก็คงเป็นการรบกวนทั้งคู่......

หมิงซีหัวเราะแล้วเดินไปข้างตัวของนาง จากนั้นก็ตบที่บ่าของนางเบาๆ

อาลั่วหลันขาอ่อน จนเกือบจะล้ม

โชคดีที่มือหนาของเขาคว้าตัวนางไว้ทัน ทำให้ตอนนี้ตัวของนางนั้นซบอยู่บนหน้าอกของเขา หมิงซีสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นและเนื้อตัวที่สั่นเทา

เห็นนางเป็นเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

วันแรมสิบห้าค่ำ ทั่วพระราชสำนักกำลังหาลือกันเรื่องที่หลัวอ๋องนั้นโดนวางยาพิษ ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก

ยิ่งได้ยินแต่ละคนพูดถึงอ๋องหัวนั้น ก็ราวกับมีผึ้งมาบินอยู่ข้างหู ฮ่องเต้เจียเฉิงเอามือฟาดไปที่โต๊ะเสียงดัง

จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องหนังสือ ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้องค์ชายสามเข้าพบและหลี่เซิงเข้าพบ ตอนนี้ท่านทรงกริ้วกับเรื่องนี้ยิ่งนัก

"ด้านนอกเอาแต่หาลือกันเรื่องของเวินอ๋อง ว่าหากจับคนร้ายได้นั้นจะประหารชีวิต แต่นี่ก็ผ่านมาสิบกว่าวันแล้ว เรากลับไม่พบร่องรอยของคนร้ายเลย นี่มันเรื่องอะไรกัน?"

หลี่เซิงอยากจะจับตัวคนร้ายให้ได้เหลือเกิน แต่ทุกคนที่เขาเริ่มได้เบาะแสบางอย่าง ก็มักจะช้าไปก้าวหนึ่ง

"ฮ่องเต้ หม่อมข้าเองก็ไม่กล้าที่จะหยุดพัก และเฝ้าหาร่องรอยอยู่ทุกวี่วัน แต่เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ และทุกครั้งที่ได้เบาะแสก็มักจะช้ากว่าคนร้ายก้าวหนึ่ง หลักฐานมักจะถูกทำลายก่อน

หม่อมข้าคิดว่า คนร้ายจะเร็วกว่าหม่อมข้าก้าวหนึงเสมอ เพราะคนร้ายรู้และเห็นแจ้งถึงสิ่งที่หม่อมข้ากำลังทำ มิเช่นนั้น ก็คงไม่เป็นเช่นนี้?" หลี่เซิงรายงานฮ่องเต้เกี่ยวกับเรื่องที่เขาสงสัยมาหลายวัน

ฮ่องเต้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่า มีคนจับตามองเจ้า?"

"หม่อมข้าคิดเช่นนี้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหน้าตาของราชวงค์ คนที่ถูกยาพิษคือองค์ชาย และบวกกับความสนใจในเรื่องนี้ของฮ่องเต้ หากยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ มันคงไม่ดีแน่"

องค์ชายสามเองก็พยักหน้า

ฮ่องเต้ครุ่นคิด แล้วถามต่อ “แล้วเจ้าอยากทำเช่นไร?"

หลี่เซิงมองไปทั้งสี่ด้าน “แผนการของหม่อมข้าในตอนนี้....."

ด้านนอกมีเสียงแหลมดังขึ้น “ฮองเฮาเพคะ เหตุใดท่านทรงยืนอยู่ที่นี่?"

เย่ฮองเฮามีสีหน้าตกใจ

การที่แอบฟังฮ่องเต้นั้น ถือเป็นความผิด เย่ฮองเฮาแอบฟังอยู่นาน จนเกือบจะถึงตอนสำคัญ กลับถูกนางกำนัลมาทำให้เสียเรื่องจนได้

เย่ฮองเฮาหันมามองนางกำนัลด้วยดวงตาที่โหดร้าย ราวกับจะฆ่านาง

"ข้ามาส่องซุปให้ฮ่องเต้ หากไม่มีเรื่องใด เจ้าก็ไปเถอะ"

นางกำนัลรู้ดีว่าฮองเฮาคิดสิ่งใดอยู่ เพราะห้องหนังสือแห่งนี้ล้วนเป็นที่ที่ฮองเฮาและสนมต่างๆมักจะมาเยือน จึงไม่มีอะไรน่าแปลก

นางกำนัลสาวจึงทูลลา แล้วออกไปจากด้านนอกของห้องหนังสือ

เปิดประตูเข้าไป ทุกสายตาจับจ้องไปยังเย่ฮองเฮา นางเดินถือซุปเข้ามาอย่างสง่างาม

"ฮ่องเต้เพคะ หม่อมข้าตั้งใจทำซุปโสมนี้มาให้เพคะ ช่วงนี้ฮ่องเต้สุขภาพไม่ดี ท่านต้องพักผ่อนและทรงงานให้น้อยลงนะเพคะ" เย่ฮองเฮากล่าว

ฮ่องเต้เจียเฉิงมองไปที่นาง ราวกับกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้เอ๋ยคำใด เพียงพยักหน้าแล้วทำมือให้นางออกไปก็เท่านั้น

โชคดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้กล่าวโทษเรื่องเมื่อครู่ เย่ฮองเฮารีบทูลลา น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ยินแผนการของหลีเซิง

เขากำมือเป็นหมัดแน่น แล้วเดินออกไปจากห้องหนังสือ จากนั้นก็เรียกองค์รัชทายาทให้มาเข้าพบ

เรื่องเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว หลี่เซิง คงจะปล่อยไว้ไม่ได้

โม่ฉีหมิงที่มองเห็นเย่ฮองเฮาเดินผ่านไป ด้านหลังของเขามีใครบางคนเดินตามฮองเฮาอยู่

เขากระตุกยิ้มขึ้นมา

ทางด้านโล่หวินหลานนั้น เมื่อไม่ได้ยินข่าวของเย่เซียวหลัว ก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก

เพราะนางมักจะได้ข่าวของเย่เซียวหลัวมาตลอด แต่ช่วงนี้กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย แม้แต่ตงอวี๋นก็ยังไม่รู้เลยว่าเย่เซียวหลัวไปที่ใด

"องค์หญิง เมื่อครู่เวินอ๋องบอกว่า ต้วนก้วยเฟยรับสั่งให้ท่านเข้าพบ อยากจะเชิญองค์หญิงไปเสวยอาหารค่ำเพคะ" ไซ่เยว่รีบมาบอกกับนาง

โล่หวินหลานครุ่นคิด มาเร็วขนาดนี้เลยหรือ?

คงเพราะเรื่องที่เย่เซียวหลัวเสียโฉมนั้น จะถึงหูของต้วนก้วยเฟยแล้ว วันนี้ที่เรียกนางเข้าวัง ก็คงเพราะเรื่องนี้

โล่หวินหลานปิดตำราที่กำลังอ่านอยู่ จากนั้นก็มองไปนอกหน้าต่าง “ข้ารู้แล้ว"

ในเมื่ออยากถามเรื่องนี้ นางก็ควรมีความสุขไม่ใช่หรือ?

ต้วนก้วยเฟยนั้นเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ สำหรับนางแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่นัก

ก่อนเข้าวัง เวินอ๋องเรียกนางไปพบเพื่อบอกย้ำในหลายเรื่อง โล่หวินหลานตอบด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี แต่พอหันหลังให้เขานั้น แววตาของนางก็เย็นชาทันที

ขึ้นไปบนรถมา เพื่อที่จะออกเดินทางไปยังวังหลวง

ตอนที่เข้าไปยังตำหนักของต้วนก้วยเฟยนั้น ก็เห็นนางกำนัลหลายคนกำลังตัดบ๊วย ตอนนี้คือฤดูหนาวแล้ว ดอกบ๊วยกำลังบานสะพรั่งสีแดงขาวสลับกัน ช่างงดงามนัก

เขย่าต้นบ๊วยไปมา หิมะที่ตกลงมาบนดอกบ๊วยนั้นก็ค่อยๆล่วงล่น

นางกำนัลเมื่อเห็นโล่หวินหลานเดินเข้ามา ก็รีบทำความเคารพ

"องค์หญิง เชิญนั่ง" ต้วนก้วยเฟยออกมาจากห้อง เมื่อเห็นโล่หวินหลานนั้น นางก็ยิ้มแล้วนั่งลงข้างนาง

นางกำนัลนำดอกบ๊วยสีแดงมาให้กับต้วนก้วยเฟย

"ท่านแม่คงชอบดอกบ๊วยมากเลยใช่ไหมเพคะ เมื่อครู่ตอนที่หม่อมข้าเดินเข้ามาก็เห็นดอกบ๊วยบานสะพรั่งเต็มตำหนัก ช่างงดงามเหลือเกิน!” โล่หวินหลานพูดตามความจริง

ต้วนก้วยเฟยจัดแจกัน พลางยิ้ม “ดอกบ๊วยนั้นสวยงาม ไม่กลัวแม้แต่ฤดูหนาวที่เหน็บหนาว ทั้งที่นานาดอกไม้ต่างล้มตายในช่วงนี้ แต่ดอกบ๊วยกลับบ้านสะพรั่ง"

ไม่แปลกเลยที่ต้วนก้วยเฟยนั้นจะชอบดอกบ๊วย โล่หวินหลานครุ่นคิดแล้วมองไปที่นาง

"เพคะ" โล่หวินหลานพยักหน้า

จากนั้นนางกำนัลก็ได้ยกของหวานเข้ามา โดยเริ่มจากขนมต่างๆ ทั้งถังเจิงซู ก้วยฮวาเกา ฟูหยงเกา และซ๋วยจิงเกา รวมถึงชาขิง

ทุกอย่างที่วางเต็มโต๊ะ จนโล่หวินหลานอึ้งเล็กน้อย

ต้วนก้วยเฟย “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ พวกเราไม่ค่อยได้เจอกันเป็นการส่วนตัว ไม่รู้ว่าองค์หญิงจะชอบสิ่งใด จะรับสั่งให้โรงครัวทำของหวานมาก็เท่านั้น เจ้าลองชิมฝีมือพวกเขาดูเถอะ ว่าเป็นเช่นไร"

ต้วนก้วยเฟยกล่าวแล้วมองมาทางโล่หวินหลาน จากแววตาของนางนั้นก็ไม่พบความหวังร้ายแต่อย่างใด

หากไม่ใช่เพราะนางแสดงได้เนียน ก็คงเพราะวันนี้สิ่งที่นางทำนั้น ทำด้วยใจ

"ขอบพระทัยเพคะ" โล่หวินหลานกล่าว

ต้วนก้วยเฟยพูดคุยโล่หวินหลานอย่างใจดี แต่ก็มีบางครั้งบ้างที่เห็นแววตาเย็นชาของนาง

"องค์หญิงลองชิมดูเถอะว่าเป็นเช่นไรบ้าง หากรสชาติดี ก็เลือกขนมเหล่านี้กลับไปได้ นำไปให้หลัวเอ๋อและเวินอ๋องชิมดู ช่วงนี้ข้าเองก็ไม่ได้พบพวกเขา เวินอ๋องรับสั่งว่าช่วงนี้ทรงงานหนักมาก จึงไม่มีเวลามาพบข้า เหตุใดจึงยุ่งจนลืมมาพบผู้เป็นแม่อย่างข้าได้?" ต้วนก้วยเฟยกล่าวราวกับเสียใจ

ในที่สุดนางก็พูดถึงเย่เซียวหลัวจนได้ ตอนนี้นางคงต้องการที่จะทราบข่าวของเย่เซียวหลัวแล้ว โล่หวินหลานจึงวางขนมในมือลง

โล่หวินหลานพูดขึ้น “ท่านแม่ ท่านอ๋องไม่ได้บอกท่านหรือ? พระชายาเอง ช่วงนี้ไม่อาจมาเยี่ยมท่านได้"

ต้วนก้วยเฟยทำหน้าตาสงสัย “เวินอ๋องไม่ได้บอกสิ่งใดกับข้า เหตุใดหลัวเอ่อจึงไม่อาจมาเยี่ยมข้าได้?"

สมแล้วที่เป็นก้วยเฟย เพราะนางแสดงละครได้ดีเยี่ยม

โล่หวินหลานจึงสูดลมหายใจเข้า “เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา พระชายานั้นถือมีดเข้ามายังเรือนหม่อมข้า เพื่อหวังที่จะฆ่าหม่อมข้า แต่โชคดีที่ท่านอ๋องมาช่วยได้ทันเวลา เพียงแต่ใบหน้าของนางนั้นไม่ทันระวังจึงถูกกรีด แล้วหลังจากนั้น หม่อมข้าก็ไม่รู้เลยว่าพระชายาหายไปที่ไหนเพคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก