ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 368

ตอนที่ 368 โทษหนักที่ไม่อาจให้อภัยได้

ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง แต่คำพูดของต้วนก้วยเฟยก็ทำให้นางตกใจมาก

ตอนนั้นเย่ฮองเฮาทรงครองอำนาจ ต้วนก้วยเฟยเองก็เป็นส่วนหนึ่ง เฉินเฟยเป็นสนมที่ถูกรักมากที่สุด แต่เพราะความต้องการแก่งแย่งชิงดีกันนั้น ทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในวังหลวง และโม่ฉีหมิงเขาก็.....

โล่หวินหลานไม่อยากจะคิดกลับไปอีก นางรู้ว่าตอนนั้นโม่ฉีหมิงต้องพบเจอกับเรื่องอะไรบ้าง รู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องเข้าใจผิด และกลายเป็นขวากหนามในสายตาของเย่ฮองเฮา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาต่างก็คอยสร้างสงครามเย็นร่วมกัน

หากไม่ใช่เพราะวันนี้ นางเค้นเอาความรักจากต้วนก้วยเฟย เรื่องซับซ้อนเช่นนี้ ก็คงไม่กระจ่ายง่ายเพียงนี้ และโม่ฉีหมิงกลับเฉินเฟยก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่ไม่ได้ทำได้

"เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ลืมมันไปให้หมด นอนลง หลังจากตื่นขึ้นก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก" โล่หวินหลานกล่าวหลังจากที่สูดลมหายใจเข้าไป

ต้วนก้วยเฟยเชื่อฟังนางเป็นอย่างดี นางขึ้นไปบนเตียงแล้วหลับตาลง

โล่หวินหลานแสร้งทำสีหน้าครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป “ใครอยู่นี่ช่วยด้วย....."

นางกำนัลที่อยู่ไม่ไกลนั้น ก็รีบวิ่งมา

"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอเพคะพระสนม?" นางกำนัลถามขึ้น

โล่หวินหลานชี้ไปด้านใน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “เมื่อครู่ท่านแม่ยังดีๆอยู่เลย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆก็ฟุบหลับลงไป ไปเรียกหมอหลวงเร็วเข้า!”

นางกำนัลเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็รีบวิ่งเข้าไปดู แต่กลับถูกสายตาของโล่หวินหลานลั้งเอาวไว้ นางจึงรีบออกไป

เมื่อเห็นว่านางไปไกลแล้ว โล่หวินหลานก็เดินไปหาต้วนก้วยเฟยอีกครั้ง นางนอนหลับอย่างสนิท

ไม่นานหมอหลวงก็มา โล่หวินหลานยืนขึ้น แล้วรีบเล่าให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หมอหลวงจับชีพจร แล้วก็ทำสีหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใด เพราะร่างกายของก้วยเฟยนั้นเขาเป็นคนดูแลมาโดยตลอด หากวันนี้มีปัญหาอะไรขึ้น คนแรกที่จะถูกเรียกไปถามก็คือเขา เขาจึงตอบไปว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

จากนั้นก็ให้ทานยาเล็กน้อย แล้วกำชับสาวใช้ให้เอามาให้ก้วยเฟยกินตรงเวลา แล้วทูลลา

ออกจากตำหนักของก้วยเฟยนั้น โล่หวินหลานจึงเดินไปมาอยู่ในวังหลวง ในใจของนางมีเรื่องให้คิดมากมาย แต่นางก็ไม่รู้ได้ว่าตอนนี้ตนเองคิดสิ่งใดอยู่ พลันเหยียบไปที่หิมะตรงพื้น ทุกย่างก้าวที่นางเหยียบล้วนทิ้งรอยไว้

นางควรจะบอกเรื่องนี้กับโม่ฉีหมิงไหม?

หากบอกเขาแล้ว เขาคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ก้วยเฟยชดใช้ และไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำขั้นเด็ดขาดเลยก็ว่าได้

คนอย่างต้วนก้วยเฟยตายก็ไม่เป็นไร แต่ประเด็นติดอยู่ที่นางเป็นคนของฮ่องเต้ หากนางตายโดยไร้สาเหตุ ก็คงต้องมีการสืบหาตัวคนร้ายแน่นอน นางไม่อยากให้โม่ฉีหมิงแก้แค้นแล้วผิดใจกับผู้เป็นพ่อ

แต่หากไม่บอกความจริงกับเขา วันใดถ้าเขารู้ความจริงเข้า คงต้องเกลียดนางแน่ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายของเฉินเฟย คงอยากจะล้างแค้นแทนมารดา

โล่หวินหลานครุ่นคิดไปมา จนรู้สึกว้าวุ่น นางเหยียบย่ำไปบนหิมะขาว

หิมะค่อยๆร่วงหล่นลงมาบนพื้น ใครบางคนที่เห็นการกระทำของนางก็ยืนยิ้มไม่ยิ้มอยู่ แล้วก้าวเท้าเข้ามาหานาง

เขามักจะโผล่มาเวลาที่นางอยู่คนเดียว และจะมาด้วยสีหน้าที่เดาได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แววตาของเขานั้น ราวกับจะมองเห็นทะลุไปยังความคิดของนาง

ยืนนิ่งอยู่บนพื้นหิมะ โล่หวินหลานไม่ขยับตัวไปไหน เพียงแต่มองดูรอยยิ้มของคนตรงหน้า

โม่ฉีหมิงเห็นนางยืนนิ่ง ก็ค่อยๆย่ำเท้าเข้าไปหานาง แล้วจะยื่นมือมาเพื่อนำตัวนางไป

โล่หวินหลานขัดขืนเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้ว “ที่นี่คือวังหลวง หากผู้อื่นเห็นเข้าคงไม่ดีแน่"

ทุกครั้งที่เจอเขา นางก็จะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังคบชู้ โม่ฉีหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คลายมือลง

ประจวบเหมาะกับที่นางกำนัลเดินผ่านตัวเขาไป โล่หวินหลานจึงทำความเคารพเขา “เคารพหมิงอ๋อง ช่างบังเอิญนักที่ได้เจอท่านที่นี่"

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว แล้วตอบกลับ “ลุกขึ้นเถอะ ช่างบังเอิญเสียจริง"

นางกำนัลก้มหน้าก้มตา ทำความเคารพเขาแล้วเดินผ่านไป

โล่หวินหลานยิ้มแล้วมองหน้าเขา แววตาของนางแวววับราวกับดวงดาว

โม่ฉีหมิงและนางยืนห่างกันช่วงหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นว่พวกเขาสนิทกันมากเพียงใด

"ได้ยินว่าต้วนก้วยเฟยเรียกเจ้ามาพบ ใช่เรื่องของเย่เซียวหลัวหรือไม่?" โม่ฉีหมิงถามเสียงเบา

สายของเขาช่างเยอะเสียจริง ไม่แม้เพียงครึ่งวันเขาก็รู้แล้วว่าตนเองถูกต้วนก้วยเฟยเรียกเข้าพบ ตอนนี้ที่เขาเข้ามาในวังหลวงก็เพราะกังวลนาง?

"เพคะ ต้วนก้วยเฟยไม่เพียงทราบเรื่องของเย่เซียวหลัว แต่นางยังทราบเรื่องของหม่อมข้ากับท่าน อย่างไรเสียก็ถูกหม่อมข้าสะกดจิตไปแล้ว" โล่หวินหลานตอบ

เมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้วนก้วยเฟยทำนั้น นางเองก็รู้สึกกลัว แต่นอกจากเย่เซียวหลัวแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างนางกับโม่ฉีหมิง

โม่ฉีหมิงหันหลังแล้วพูดขึ้น “การหายตัวไปของนาง อาจจะเกี่ยวข้องกับต้วนก้วยเฟย คนที่ข้าให้ไปตามสืบบอกว่าพบเย่เซียวหลัวขึ้นรถม้า ที่มุ่งหน้าไปทางวังหลวง"

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางก็คิดว่าสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้นั้นน่าจะไม่ผิดเพี้ยน เย่เซียวหลัวคงนำเรื่องนั้นไปฟ้องต้วนก้วยเฟย นางถูกต้วนก้วยเฟยรับเข้าวังแล้ว ไม่แน่การที่ชวนนางมาในวันนี้ก็เพราะเย่เซียวหลัวก็ได้"

"หากกล่าวเช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่เย่เซียวหลัวจะถูกต้วนก้วยเฟยช่วยเอาไว้ แล้วคุ้มครองนางให้อยู่รอดในวังหลวง ก็ว่าตอนที่หม่อมข้าเดินเข้าไปนั้น รู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา" โล่หวินหลานกล่าว เพราะนางรู้สึกผิดสังเกต

โม่ฉีหมิงหันกลับมา เขากำลังคิดจะพูดบางอย่าง ก็เห็นร่างของใครบางคนเดินมาทางพวกเขา

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางโล่หวินหลาน “เจ้าไปทางนี้เถอะ หลินอ๋องกำลังมา"

หลินอ๋อง? โล่หวินหลานหันไปมอง ใช่หรือ?

หลินอ๋องนั่นเองที่กำลังเดินมาด้วยสีหน้าที่โมโห? หรือจะเพราะเรื่องคราวที่แล้ว?

ครั้งนี้นางเองก็อยู่กับโม่ฉีหมิงสองต่อสอง หากหลินอ๋องเอาไปพูดนั้น คงทำให้นางเสียหายแน่ ถึงเวลานั้นจะแก้ตัวอย่างไรก็ไม่ได้

ขณะที่นางกำลังจะเดินออกไปนั้น หลินอ๋องก็มาถึงพอดี แล้วก็ลั้งนางเอาไว้

หลินอ๋องที่หายใจหืบหอบนั้นดูไม่ได้มาด้วยความหวังดี เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักเวินอ๋องครั้งที่แล้วนั้น ถือเป็นความซวยของนางที่ได้เจอเขาในวันนี้

"หยุดเดี๋ยวนี้ เหตุใดเมื่อเห็นข้าแล้วต้องรีบเดินจากไป? เมื่อครู่ท่านยังพูดคุยกับพี่สี่อย่างรื่นรมย์ไม่ใช่หรือ?" หลินอ๋องกล่าว

โล่หวินหลานเอียงหน้าแล้วมองเขา “น้องเจ็ดนี่เอง หม่อมข้าตาลาย นึกว่าท่านเป็นขันธีเสียอีก"

เมื่อพูดถึงขันธี หลินอ๋องก็ดูน่ากลัวขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาทำสีหน้าราวกับจะกลืนกินนางเข้าไป

"เจ้าพูดว่าอย่างไร? เจ้ากล้าว่าข้าเช่นนี้เชียวรึ?" หลินอ๋องชี้ไปที่หน้าของโล่หวินหลาน

ใครจะไปรู้ โม่ฉีหมิงกลับเอามือเขาลง แล้วขมวดคิ้ว “น้องเจ็ด มารยาทในวังหลวงที่เจ้าเล่าเรียนมาลืมหมดแล้วหรือ อย่างไรเสียองค์หญิงเหอซื่อก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เหตุใดจึงไร้มารยาทเช่นนี้?"

มารยาท? เขากล้าพูดคำว่ามารยาท หลินอ๋องรู้มานานแล้วว่าสองคนนี้มีบางอย่างต่อกัน แต่เขาไม่คิดว่าจะมาถึงขึ้นนี้

คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรำ ช่างเข้ากันได้ดีนัก องค์หญิงเหอซื่อคงลืมไปแล้วว่าตนเองอภิเษกแล้ว

"ข้าหลินอ๋องเป็นคนไร้มารยาท แต่เพื่อไม่ให้โม่ฉีหมิงโกรธเคือง ข้าก็สามารถที่จะบอกตนเองให้หยุดการกระทำนี้ได้

หากไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อตอนนั้น เขาคงไม่สูญเสียความเป็นชาย และไม่สูญเสียโอกาสในการสืบลูกได้

โม่ฉีหมิงมองดูเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาขมวดคิ้วแล้วมองหลินอ๋อง จนทำให้หลินอ๋องนั้นก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

โม่ฉีหมิงหัวเราะในลำคอ "สิ่งที่เจ้าพูดก็จริง หากไม่ใช่เพราะข้า น้องเจ็ดก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ ที่ไม่แตกต่างจากขันทีในวังหลวง และหากแม้ว่าตอนนี้ยังมีโอกาส น้องเจ็ดเองก็คงไม่พลาด?"

"เจ้า!”หลินอ๋องกัดฟัน เขาไม่สามารถพูดสิ่งใดได้

หน้าผากของเขาย่นเป็นทางยาว ดูแล้วน่าจะโมโหมากนัก และหน้าของเขาก็เริ่มแดงก่ำ ไม่มีใครที่สามารถทำให้อับอายได้เท่ากับโม่ฉีหมิงอีกแล้ว

โล่หวินหลานเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าพูดสิ่งใด นางจึงพูดต่อ “พี่สี่ สิ่งที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไร? หรือตอนนั้นน้องเจ็ดไปทำในสิ่งที่ไม่อาจให้ผู้อื่นรับรู้ได้?"

นางแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่โล่หวินหลานรู้ดีแก่ใจ

หลินอ๋องนั้นไม่รู้สิ่งใดเลย เขารู้เพียงต้องการที่จะมาจับผิดพวกเขา แต่กลับถูกทั้งสองร่วมกันกลั่นแกล้งให้อับอาย

เขาอยากใช้เรื่องในตอนนั้นมาทำให้โม่ฉีหมิงปวดใจ แต่สุดท้ายคนที่ปวดใจกลับเป็นตัวเขาเอง

"เรื่องนี้หากจะให้เล่าก็คงยาว แต่หากน้องสะใภ้อยากทราบ ข้าเองก็จะรู้ให้เจ้าฟัง" โม่ฉีหมิงตอบ

โล่หวินหลานคลายยิ้ม “ดีเพคะ!”

หลินอ๋องรีบตอบ “ดีบ้าอะไร? ทั้งสองมาพรอดรักกันที่ศาลานี่ ยังจะแสแสร้งอีก? ข้าจะนำเรื่องนี้ไปเรียนให้พี่หก ให้พวกเจ้าไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว"

หลินอ๋องที่หันหลังไปนั้น ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น

"นี่เป็นสวนดอกไม้ของวังหลวง ที่ทั้งขันธีและนางกำนัลต่างเดินกันขวักไขว่ ข้าและหมิงอ๋องแค่เพียงบังเอิญเจอกันก็เท่านั้น ข้ามีนางกำนัลเป็นพยาน ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก"

โล่หวินหลานยิ้ม แล้วพูดต่ “ท่านต่างหาก หลินอ๋อง !ที่มันทำตัวลับๆล่อๆในตำหนักข้า โชคดีเพียงใดที่เวินอ๋องและข้าไม่ได้เอาความ เจ้ายังกล้ามาใส่ร้ายข้าเชียวหรือ? ช่างน่าไม่อายนัก!”

เรื่องในคราวที่แล้วเป็นความผิดของเขาจริง เพราะเขาต้องการเข้าไปแอบดูว่าองค์หญิงเหอซื่อทำอะไร

ใครจะไปคิด ว่าจะซวยเช่นนั้น จนเกือบตัดพี่ตัดน้องกับเวินอ๋อง

หลินอ๋องหยุดเดิน เขาไม่รู้ว่าควรเดินไปด้านหน้าหรือถอยหลังดี

หากเขานำเรื่องนี้ไปบอกกับเวินอ๋อง เวินอ๋องคงต้องคิดว่าเขาทำลายความสัมพันธ์ของเวินอ๋องและองค์หญิงเหอซื่อแน่ๆ ถึงตอนนั้นเขาเองก็คงไม่ได้อยู่อย่างสงบ

"เรื่องระหว่างพวกเจ้า ข้าไม่มีเวลาไปยุ่งหรอก ข้ายุ่งมาก กลับตำหนักก่อนล้ะ" พูดจบหลินอ๋องก็เดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก