ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 370

ตอนที่ 370 รีบลงมือ

ตอนที่ต้วนก้วยเฟยฟื้นขึ้นมานั้น นางก็รู้สึกปวดหัวไปหมด คล้ายกับมีบางอย่างที่หายไปในความทรงจำ แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก นางพยายามนึกอยู่นาน แต่ก็เปล่าประโยชน์

ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่อาจนึกคิดออกมาได้ มีเพียงภาพตัดไปตัดมาในหัวเท่านั้น แต่ไม่อาจเรียบเรียงเป็นเรื่องราวได้

"ท่านแม่ แต่แล้วหรอเพคะ" เสียงแหบพร่าของหญิงสาวดังขึ้น นางสวมผ้าปิดหน้าตนเองเอาไว้

ต้วนก้วยเฟยรู้สึกหิวน้ำ ขณะที่นางกำลังจะเอ๋ยถามว่าเป็นใคร ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองได้ช่วยเย่เซียวหลัวเอาไว้เมื่อสองวันก่อนไม่ใช่หรือ?

"เติมน้ำให้ข้าที" ต้วนก้วยเฟยบอก จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง

เย่เซียวหลัวรีบลุกไปเอาน้ำมา หลังจากที่ดื่มน้ำเข้าไปแล้วนั้น ต้วนก้วยเฟยก็รู้สึกสบายคอเป็นอย่างมาก

"ท่านแม่ เมื่อครู่ท่านคุยสิ่งใดกับเหอซื่อ? เหตุใดท่านจึงเป็นลม?" เย่เซียวหลัวถามพลางวางแก้วน้ำลง

ต้วนก้วยเฟยส่ายหน้าไปมา “ข้าเองก็นึกไม่ออก มีเพียงภาพที่เลือนรางก็เท่านั้น แค่คิดข้าก็รู้สึกปวดหัวยิ่งนัก"

เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? เย่เซียวหลัวภายใต้ผ้าคลุมจึงไม่เห็นสีหน้าของนาง ได้ยินเพียงเสียงของนางเท่านั้น “นางทำอะไรท่านหรือเปล่าเพคะ?"

นางรู้ดีว่าเหอซื่อนั้นไม่ใช่คนธรรมดา มิเช่นนั้นท่านอ๋องก็คงไม่หลงนางหัวปักหัวปำในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ และยังทำให้ท่านอ๋องกรีดหน้าของนางด้วย คงเพราะนางใช้มนต์ดำเป็นแน่แท้!

เรื่องถึงตรงนี้ก็ "ตึ้ง" หายวับไป ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

"แล้วหลังจากนั้นล้ะเพคะ?" เย่เซียวหลัวถามต่อ

หลังจากนั้น.....

นางก็นึกไม่ออกจริงๆ ต้วนก้วยเฟยกุมขมับเอาไว้ ตอนนี้หน้าของนางซีดเซ๊ยว

เย่เซียวหลัวจับมือของนางเอาไว้ ดวงตานั้นจ้องเขม็ง พร้อมพูดขึ้น

"ท่านแม่ นางต้องทำบางอย่างกับท่านแน่ ตอนนี้เวลาของเราไม่มากแล้ว คงต้องรีบลงมือ"

คนจากแคว้นเซิ่งโจวนั้นไม่น่าไว้วางใจ ตอนนั้นนางผิดเองที่ให้เหอซื่ออภิเษกกับท่านอ๋อง

หากนางรู้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นนี้ ต่อให้แลกด้วยชีวิต นางก็จะหยุดให้ได้

ต้วนก้วยเฟยไม่รู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ นางมองด้วยความสงสัยอยู่นานแล้วพูดขึ้น “เจ้ายอมจริงๆหรือ?"

แม้ว่าเวินอ๋องจะทำกับนางถึงเพียงนี้ แต่นางก็ยอมทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเวินอ๋อง?

เย่เซียวหลัวหลบสายตา นางกำหมัดแน่น “หากเป็นไปได้ หม่อมข้าเองก็อยากจะเกลียดท่านอ๋อง แต่ว่าหม่อมข้าทำเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ เขาเข้ามาอยู่ในใจส่วนลึกของหม่อมข้าแล้วเพคะ เข้ามาอยู่ในกระดูกในเลือดเนื้อของหม่อมข้าแล้ว เกลียดเขาก็เหมือนกับเกลียดตนเอง"

เมื่อได้ยินคำพูดสุดสะท้านใจนั้น แม้แต่ต้วนก้วยเฟยเองยังรู้สึกซาบซึ้ง บนโลกใบนี้มีหญิงที่โง่เขลาด้านความรักถึงเพียงนี้เชียวรึ

"หลัวเอ่อ ท่านอ๋องผิดเองที่ไม่เห็นค่าของเจ้า หากเรื่องครั้งนี้สำเร็จ เจ้าจะได้กลายเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นโม่ฉี ใบหน้าของเจ้า ข้าจะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษา นี่คือคำสัญญาที่ข้าให้กับเจ้า"ต้วนก้วยเฟยกลาวแล้วจับมือของเย่เซียวหลัวเอาไว้แน่น

ตอนที่นางได้ยินข่าวของเย่เซียวหลัวนั้น ก็กลัวเหลือเกินว่านางจะไปร่ำไห้กับตระกูลเย่ ที่ทำลายชีวิตของนาง

ตอนนี้เมื่อรู้ว่านางคิดอย่างไร ต้วนก้วยเฟยเองก็วางใจ นางคิดมากเกินไป ว่าทุกคนจะคิดร้าย

"ท่านแม่!” เย่เซียวหลัวร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็โผเข้ากอด

ต้วนก้วยเฟยลูบที่ผมของนาง แล้วจับหน้าของนาง “เด็กดี ให้แม่ดูหน้าของเจ้าหน่อยเถอะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง"

เย่เซียวหลัวไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของตน จึงปฏิเสธคำขอของต้วนก้วยเฟย

ต้วนก้วยเฟยเองก็ไม่ได้พูดสิง่ใด เพราะนางก็ไม่อยากที่จะบีบบังคับ

เรื่องในห้องหนังสือคราวที่แล้ว เวินอ๋องก็ไม่ได้เสด็จมายังเรือนวี่หยวนอีกเลย เมื่อได้ยินว่าโล่หวินหลานถูกเรียกเข้าวัง เขาจึงมายังเรือนวี่หยวน

นางไม่ได้ชอบเงินทองหรือเครื่องประดับ หลังจากที่นางย้ายมาอยู่ที่เรือยวี่หยวนนั้น นอกจากของที่เขารับสั่งให้สาวใช้จัดหาเตรียมเอาไว้ ก็ไม่เห็นมีของล้ำค่าอย่างอื่นอีกเลย

แสงสว่างลอดผ่านช่องหน้าต่าง สาดเข้ามายังเรือนวี่หยวน จนด้านในนั้นส่องสว่าง อยู่ตรงหน้าเขา เขารู้สึกเพียงแสบตาเล็กน้อยเพราะแสงจ้าก็เท่านั้น

"ท่านแม่เรียกเจ้าไปพบเพราะเรื่องอันใด?" เวินอ๋องถามขึ้น เมื่อเห็นว่านางไม่หันกลับมา จึงเดินไปตรงหน้านาง

โล่หวินหลานยิ้มเล็กน้อย “คงเพราะท่านแม่รู้สึกบ่ายหน่าย จึงเรียกหม่อมข้าเข้าพบเพื่อถามไถ่เรื่องต่างๆเพคะ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆท่านแม่ก็เป็นลมล้มลงไป"

"อะไรนะ? ท่านแม่เป็นลม? เพราะเหตุใด?" เวินอ๋องถามขึ้น ราวกับจะเข้าวังในตอนนี้

แต่เมื่อเขาหันตัวไปนั้น กลับถูกมือของโล่หวินหลานลั้งเอาไว้ “หมอหลวงทรงดูอาการแล้วเพคะ บอกว่าท่านแม่ไม่ได้เป็นสิ่งใดมาก คงเพราะร่างกายอ่อนเพลียก็เท่านั้น"

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เวินอ๋องก็สบายใจขึ้น แต่ก็ไม่อาจห้ามความคิดที่จะเข้าวังหลวงของเขาได้ เขาต้องไปให้เห็นกับตาว่าท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง

"เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าเข้าวังประเดี๋ยว" เวินอ๋องบอก แม้จะไม่อยากปล่อยมือนาง แต่สุดท้ายเขาก็คลายมือของนาง

เมื่อเห็นว่าเขารีบเร่งเข้าวังหลวง โล่หวินหนานเองก็หยุดไม่ได้ที่จะเดินไปด้านหน้า

หากเขาเข้าวังแล้วถามความเรื่องนี้ เขาต้องสงสัยในตัวนางแน่

"ท่านอ๋อง ข้าจะบอกความจริงท่านก็ได้ ในวังหลวงมีคนดูแลท่านแม่แล้วเพคะ" โล่หวินหลานกล่าว

เป็นไปตามที่นางคิด เวินอ๋องหยุดเดิน เขาไม่คิดว่าคนที่นางหมายถึงจะเป็นนางกำนัล แต่คงเป็นคนอื่น

"ใครกันที่กำลังดูแลท่านแม่?" เขาหันกลับมาถาม

โล่หวินหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่อยากที่จะพูด “หม่อมข้าเองก็ไม่แน่ใจเพคะ แต่แผ่นหลังนั่นช่างคุ้นตาเหลือเกิน คล้ายกับพระชายา"

พูดจนถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าของเวินอ๋องก็เปลี่ยนไปทันที คล้ายกับเย่เซียวหลัวงั้นหรือ?

นางยังไม่ได้ออกจากเมือง แต่ไปหลบซ่อนตัวที่ตำหนักท่านแม่?

ผู้หญิงคนนี้ แผนร้ายมากมายนัก ไม่รู้ว่านางไปพูดสิ่งใดต่อหน้าท่านแม่ ทำให้ท่านแม่เป็นลมล้มลงไปได้

ตอนนั้นที่โยนนางทิ้งหน้าตำหนักคงน้อยเกินไป รู้เช่นนี้น่าจะเอานางไปทิ้งนอกเมือง ดูสิว่ายังกล้ากลับมาอีกหรือไม่

"นางช่างดวงแข็งนัก ไม่คิดเลยว่าจะเข้าไปยังวังหลวงได้ ไม่รู้ว่านางไปพูดสิ่งใดต่อหน้าท่านแม่บ้าง" เวินอ๋องกำมือแน่น แล้วพูดขึ้น

ดีมาก ตอนนี้นางโยนเรื่องนี้ใส่ตัวของเย่เซียวหลัวเรียบร้อยแล้ว

โล่หวินหลานแสร้งทำเป็นปวดใจ แล้วเดินไปกุมมือของเวินอ๋องเอาไว้ “ท่านอ๋อง ท่านอย่าเข้าใจผิดนะเพคะ บางทีหม่อมข้าอาจจะตาฝาดก็ได้ หากท่านเข้าวังหลวงตอนนี้ ท่านแม่จะทรงกริ้วได้นะเพคะ"

หากเป็นจริงเช่นนั้น ต้วนก้วยเฟยคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักเวินอ๋อง หากได้ยินคำพูดจากเย่เซียวหลัวเพียงฝ่ายเดียว คงไม่ดีกับเหอซื่อแน่

เวินอ๋องคิดถึงความรู้สึกของเหอซื่อ เขาจึงต้องไปพบกับต้วนก้วยเฟยด้วยตนเอง

"ข้าเข้าใจแล้ว" เวินอ๋องพยักหน้า

ไม่รู้คำว่าเข้าใจของเขานั้นหมายถึงสิ่งใด ไม่รู้ด้วยว่าเขาได้ยินสิ่งที่นางพูดมากน้อยเพียงใด โล่หวินหลานรู้เพียงว่า เป้าหมายของนางสำเร็จแล้ว

มองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินออกไป โล่หวินหลานเองก็ถอยกลับมา แล้วจับที่หน้าต่างแน่น

เงาดำกระโดดลงมาจากหลังคา จากนั้นก็ลงมาบนพื้น แล้วมองหน้าของนางนิ่งพร้อมกับมองไปที่มือของนาง

โล่วหวินหลานเห็นว่าเขาไม่ได้พูดสิ่งใด เอาแต่มองมือของนาง ก็รู้เลยว่าเขาไม่พอใจที่นางจับมือเวินอ๋องเมื่อครู่

เป็นจริงตามที่คิด มองไปสักพักเขาก็พูดขึ้น “โล่หวินหลาน เป็นไปตามความต้องการของเจ้าใช่หรือไม่? ทั้งที่รู้ว่าข้าอยู่ด้านบน เจ้ายังตั้งใจที่จะเข้าใกล้เวินอ๋องอีก?"

โล่วหินหลานต้องแสดงละครให้สมจริง ดังนั้นจึง.....

"หม่อมข้าพึ่งสังเกตว่าไซ่เยว่วรยุทธ์เก่งเหมือนกัน ครั้งที่แล้วตอนอยู่ด้านนอก แล้วเผชิญหน้ากับคนกลุ่มหนึ่ง ไซ่เยว่......"

นางพูดได้เพียงครึ่งเดียว โม่ฉีหมิงก็จับมือของนางไว้แน่น แล้วพูดขึ้น “เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง หากครั้งหน้าเจ้ายังทำเช่นนี้อีก ข้าจะรับตัวเจ้ากลับตำหนักทันที"

โล่หวินหลานคลายยิ้ม จากนั้นก็ซบลงที่อกของเขา นางรู้ว่าเขาชอบที่นางประชิดตัวเช่นนี้ ทุกครั้งที่นางทำเช่นนี้เขาก็จะคล้อยตามนางอยู่เรื่อยไป

เป็นไปตามที่คิด เขาไม่พูดสิ่งใดต่อ มีเพียงถอนหายใจก็เท่านั้น

"หม่อมข้าคิดว่าพวกเขาคงลงมือวางยาองค์รัชทายาทในเร็ววัน พวกเราควรทำสิ่งใดไหมเพคะ?" โล่หวินหลานถาม

โม่ฉีหมิงพยักหน้า ราวกับไม่สนใจเรื่องนี้ เขาเอาแต่หอมผมของนาง

"แน่นอน ข้าวางแผนเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงพวกเขาลงมือ ก็สามารถจับตัวต้วนก้วยเฟยได้ทันที" โม่ฉีหมิงกล่าว

"แล้วเรื่องของอ๋องหลัวนั้น ท่านสืบเป็นเช่นไรแล้วเพคะ?" โล่หวินหลานเงยหน้าขึ้นถาม

เรื่องนี้ผ่านไปนานแล้ว องค์ชายสามและหลี่เซิงเองก็กำลังตามสืบ คนทั้งเมืองกำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้ แต่เหตุใดไม่พบร่องรอยเลย?

"ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นล้วนตายกันหมดแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีหลักฐานใด" โม่ฉีหมิงกล่าว

"แล้วทางด้านองค์ชายสามล้ะเพคะ?" โล่หวินหลานถามต่อ

"ช่วงนี้ก็ไม่ได้ข่าวเช่นเดียวกัน องค์ชายสามและหลี่เซิงขังตนเองเองไว้ ไม่ออกมาพบคนเลย ราวกับเรื่องนี้ก็จบไปเฉยๆ แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่ได้ไถ่ถาม" โม่ฉีหมิงยิ้ม

โล่วหวินหลานขมวดคิ้ว แล้วครุ่นคิด “นี่คงเป็นแผนการของพวกเขากระมังคะ ตั้งใจที่จะไม่ทำสิ่งใด เพื่อให้คนร้ายคิดว่าปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียแล้ว จนสุดท้ายจะเผยร่องรอยออกมาเอง แล้วค่อยบุกจับ?"

จากการคาดการณ์ของนางนั้น น่าจะเป็นเช่นนี้

มองดูดวงตาของโม่ฉีหมิง แล้วถามขึ้น

โม่ฉีหมิงหยักหน้า “ถึงแม้ว่าจะไม่มีข่าวใดในวังหลัง แต่ตามหลักการแล้ว ก็คงเป็นเช่นนี้"

นี่เป็นวิธีที่ดี เพียงแต่....

โล่หวินหลานพูดต่อ “ในเมื่อพวกเรายังนึกขึ้นได้ คนร้ายเองก็คงเดาได้เช่นเดียวกันนะเพคะ แล้วจะเป็นประโยชน์อย่างไร?

พูดจบ โม่ฉีหมิงก็ดวงตาเปร่งประกาย เขากระตุกยิ้มขึ้นมา

"พวกเขาจะเป็นแบบเราได้อย่างไร? ในใจของพวกเขาคงต้องมีแผนการแล้ว คนร้ายแม้ว่าจะคาดเดาได้ แต่ก็ต้องแสดงอาการบางอยางบ้าง ซึ่งไม่นานก็จะติดกับ" โม่ฉีหมิงกล่าว

สีหน้าของเขาดูมั่นใจยิ่งนัก ราวกับทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของตน

"ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นเพคะ" โล่หวินหลานกล่าว

"ช่วงนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ ไม่ต้องออกไปไหน เข้าใจหรือไม่?" โม่ฉีหมิงกล่าวย้ำ

"ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมข้ามีไซ่เยว่อยู่เคียงข้าง นางวรยุทธ์แก่กล้า....."

"ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่ได้" โม่ฉีหมิงกล่าว จากนั้นก็พูดต่อ "ข้ากลัวว่าเย่เซียวหลัวจะมาทำอันตรายเจ้า เจ้าเชื่อฟังข้าเถอะ อย่าทำให้ข้าเป็นห่วงเลย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก