ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 371

ตอนที่ 371 เตรียมการทุกอย่าง

ในเมืองหลวงนั้นเงียบสงัด หิมะขาวโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ตกลงมายังตลาดที่ไร้ซึ่งผู้คน จากนั้นก็ค่อยๆก่อตัวจนหนา

ยองเชียงโหลวนั้นค้าขายได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังดีที่ยังมีแม่นางจิ่นชื่อคอยประคองเอาไว้ โดยมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตามาที่นี่ เพื่อมามองรอยยิ้มของหญิงงาม

มองดูชายหนุ่มที่เดินเข้าไปยังยองเชียงโหลว รอยยิ้มของจิ่นชื่อก็จางลง

มามาเดินบิดก้นขึ้นบันไดมา มองดูจิ่นชื่อที่เอามือจับที่เก้าอี้เอาไว้ จากนั้นก็จุดเทียน ด้วยความรักและเอ็นดู

"นายหญิงน้อยของข้า ให้เจ้าอยู่ในห้องไม่ใช่หรือ? เหตุใดออกมาอีกแล้ว? ไม่กลัวว่าจะหนาวจนป่วยหรือไง? รีบเข้าไปเถอะ ข้าเห็นแล้วปวดใจยิ่งนัก" มามาพูด พลางเรียกนางเข้าไป

ไม่รู้ว่ามามากลัวนางจะป่วยจากใจ หรือกลัวว่าหากนางป่วยแล้ว ตนเองจะสูญเสียรายได้กันแน่

จิ่นชื่อก็เดินเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย

ด้านในห้องนั้นมีไฟจุดเอาไว้ อาหารการกินและเสื้อผ้าล้วนเป็นของอย่างดี เมื่อเทียบกับพี่น้องคนอื่นในยองเชียงโหลวนั้น ไม่รู้ว่าดีกว่ากี่เท่าตัว

แต่ว่า คนที่มอบทุกอย่างให้นางนั้น ไม่ได้มาพบนางกว่าเดือนหนึ่งแล้ว

อยากจะไปพบองค์รัชทายาทที่ตำหนัก ก็กลัวว่าจะถูกว่ากล่าวนินทา นางจึงส่งจดหมายไปให้เขาแทน แต่ก็ไม่เห็นเขาจะตอบกลับมา นึกว่าเขาจะทอดทิ้งนางไปเสียแล้ว แต่องค์รัชทายาทก็ยังคงส่งของมากมายมาให้นาง

ตอนนี้จิตใจของจิ่นชื่อนั้นว้าวุ่นยิ่งนัก

ได้ยินว่าในวังหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น อ๋องหลัวถูกลอบวางยาพิษ ตอนนี้ก็ยังไม่อาจจับตัวคนร้ายได้ ทางนั้น ก็ไม่ได้รับสั่งให้นางทำสิ่งใดมานานแล้วเช่นเดียวกัน

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วเช่นเดียวกัน?

"จิ่นชื่อ เจ้าเป็นอะไร? คุณชายด้านนอกทั้งน้อยใหญ่ต่างก็เรียงคิวมาดูเจ้า เพื่อให้เจ้ามอบรอยยิ้มให้พวกเขา เจ้ายิ้มสักนิด อย่างน้อยข้าจะได้เอาไปแลกเปลี่ยนกับพวกเขาได้?" มามาเผยรอยยิ้ม

เดือนนี้องค์รัชทายาทยังไม่ได้เข้ามาหานาง จึงทำให้คนพวกนั้นสามารถนำเงินมาแลกกับรอยยิ้มของจิ่นชื่อได้

"มามา วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์ ไว้วันหน้าเถอะ" จิ่นชื่อก้มหน้าลง แล้วส่องกระจกทองเหลือง

มามาเองก็ไม่กล้าพูดสิ่งใด เพราะจิ่นชื่อเป็นนางอันดับหนึ่งของยองเชียงโหลว จึงไม่อาจทำสิ่งใดกับนางได้

"นายหญิงน้อยของข้า ถือเสียว่ามามาขอร้องเจ้า ออกไปด้านนอกเถอะ!คนที่มารอดูเจ้าต่างก็จ่ายเงินกันหมดแล้ว หากเจ้าบอกว่าไว้วันหลัง พวกเขาคงเอาชีวิตมามาแน่!” มามากล่าว พร้อมเอาผ้ามาซับน้ำตา

จิ่นชือหัวเราะในลำคอ “มามาเป็นคนรับเงินนั้นมาด้วยตนเอง อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ส่วนแบ่งแม้แต่น้อย เจ้าอยากไปหาใครก็ไปเถอะ วันนี้ข้าไม่ว่าง เชิญมามาออกไปแล้วอย่ามารบกวนข้าอีก"

มามาเมื่อได้ยินเช่นนั้น อยากจะเถียงนางบ้าง แต่ก็กลัวว่าหากพรุ่งนี้องค์รัชทายาทมาคงไม่ดีแน่ จึงทำได้แต่เงียบ

นางอยากจะขอร้องอีกนิดหน่อย แต่ยังไม่ทันได้พูด จิ่นชื่อก็มองมาที่นี่ “มามาเชิญ ข้าอยากพักผ่อน"

มามาทำได้เพียงอ้าปาก แล้วกลืนสิ่งที่อยากพูดลงไปเท่านั้น

นางค่อยๆเดินออกไป จากนั้นก็ปิดประตู พลางบ่นพึมพำ

"ก็แค่เกิดมาหน้าตางดงามก็เท่านั้น มีองค์รัชทายาทคอยให้ท้ายงั้นหรือ? ตอนข้ายังสาวงดงามกว่าเจ้าหลายเท่านั้น ก็ไม่เห็นว่าจะทำตัวเยี่ยงเจ้า"

ในห้องเงียบลงทันควัน ได้ยินเพียงเสียงหายใจของจิ่นชื่อ

นางค่อยๆถอดต่างหูออก เสียงหยกกระทบกัน

จากนั้นนางก็พูดขึ้น “ออกมาเถอะ"

ไม่นาน ก็มีใครบางคนดินออกมาจากหลังม่านนั่น นางปิดหน้าเอาไว้มิดชิด หรือเพียงดวงตาทั้งคู่ให้เห็นเท่านั้น

"เจ้าคือคุณหนูสามแห่งตระกูลเย่?" จิ่นชื่อพูดขึ้นจากการคาดการณ์ของนาง

เย่เซียวหลัวพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ใช่ เช่นนี้เจ้ายังมองออกหรือว่าเป็นข้า"

จิ่นชื่อยิ้มอ่อนๆ “เป็นอะไรไป? ไม่กล้าพบปะผู้คนแล้ว? จึงห่อหุ้มตนเองถึงเพียงนี้?"

เมื่อพูดเช่นนี้เย่เซียวหลัวก็รู้สึกเกลียดแค้นขึ้นมา แววตาของนางเย็นชา ราวกับไม่อยากสนใจในสิ่งที่นางพูด จากนั้นก็หันหลังให้

"ข้าจะเป็นเช่นไรมันไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้ามาในวันนี้ เพื่อที่จะมาให้ของสิ่งหนึ่งกับเจ้า" เย่เซียวหลัวนำขวดลายครามวางเอาไว้บนโต๊ะ

ทุกครั้งที่เห็นของพวกนี้ จิ่นชื่อก็จะบีบรัดที่หัวใจ นางรู้ดีว่าของพวกนี้คืออะไร

แต่ว่า นางก็อยากจะถามด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง “ท่านหมายความว่าอย่างไร?"

เย่เซียวหลัวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "นี่คือยาพิษ ข้าต้องการชีวิตขององค์รัชทายาท"

"เพร้ง" ของบนโต๊ะถูกจิ่นชื่อปัดลงไป นางรู้สึกกลัว แล้วมองของที่ตกลงบนพื้น

นางเม้มปากไว้แน่น เพื่อไม่ให้เย่เซียวหลัวรู้ว่าตอนนี้นางกำลังสั่นเทาไปทั้งตัว

"อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงองค์รัชทายาท ช่วงนี้ก็พึ่งมีเรื่องการลอบฆ่าอ๋องหลัว หากองค์รัชทายาทถูกปรงพระชนตอนนี้ เรื่องคงต้องวุ่นวายแน่"

เย่เซียวหลัวหมุนตัวกลับมา จากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าไปประชิดตัวจิ่นชื่อ “สั่งให้เจ้าทำ เจ้าก็ต้องทำ ไม่ต้องมามีข้ออ้างร้อยแปด อย่างช้าพรุ่งนี้พวกเขาต้องได้เห็นศพขององค์รัชทายาท มิเช่นนี้ เจ้าก็รู้ดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

จิ่นชื่อไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เย่เซียวหลัวจะพูดเช่นนี้กับนาง

ตอนแรกที่รู้จักนางนั้น ก็คิดว่านางน่าสงสารเหมือนตน แต่ใครจะไปคิด ว่าสุดท้ายนางจะกลายเป็นคนที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้ นางไม่ใช่เย่เซียวหลัวคนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว

แล้วการที่ให้นางฆ่าองค์รัชทายาท เป็นความต้องการของเวินอ๋อง?

"นี่เป็นรับสั่งของเวินอ๋องหรือ?" จิ่นชื่อถามอย่างไม่เชื่อ

หากไม่ใช่คำสั่งของเวินอ๋อง นางก็จะสามารถบายเบี่ยงได้

เย่เซียวหลัวเดินมาตรงหน้านาง จากนั้นแววตาที่เย็นชานั้นก็มองลึกลงไป นางกระซิบที่ข้างหูถึงชื่อของใครบางคน

จิ่นชื่อนิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับต้องมนต์

จิ่นชื่อยืนอยู่ที่เดิม แล้วรู้สึกว่ามีเหงื่อไหลลงมาไม่หยุด

ครั้งนี้ นางไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีกแล้วหรือ?

หน้าต่างถูกเปิดออก ลมเย็นๆพัดเข้ามา แล้วคนที่มาเมื่อครู่ก็กระโดดออกไปผ่านทางหน้าต่าง

จิ่นชื่อจับที่ขวดลายครามนั้นแน่น จากนั้นก็นั่งลงบนพื้น

นางไม่อาจทำร้าย ไม่อาจ

หลังจากออกมาจากยองเชียงโหลว เย่เซียวหลัวก็มุ่งหน้าไปยังวังหลวง แต่กลับหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าตำหนักเวินอ๋อง

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม นางนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าแล้วถอยกลับมาใหม่

นางทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมากว่าสิบรอบ สุดท้าย นางก็ไม่อาจที่จะก้าวออกมาได้

ท่านอ๋อง หม่อมข้ากับท่านคงถูกกำหนดไม่ให้อยู่ร่วมกันตั้งแต่แรก

แล้วตอนนี้หม่อมข้าจะเข้าไปเพื่อสิ่งใด? เรื่องในอนาคตหม่อมข้าเองก็ไม่อยากขอสิ่งใดมาก เพียงแต่ต้องการที่จะเปิดโปงธาตุแท้ของเหอซื่อก็เท่านั้น

เพื่อให้ท่านได้รู้ เพื่อให้ท่านเสียใจ ที่เชื่อคนผิด

จากนั้นนางก็รีบเดินออกไปจากตำหนักเวินอ๋อง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามนางไป

ทางด้านตำหนักหมิงอ๋องนั้น เงาดำของเย่เฟิงกระโดดลงมายังห้องหนังสือ

จากนั้นก็เคาะประตู โม่ฉีหมิงมองดูของในมือของตนโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า

"ท่านอ๋อง มีการเคลื่นไหวแล้วขอรับ" เย่เฟิงพูดด้วยเสียงแหบพร่า

โม่ฉีหมิงเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ว่ามา"

"คนที่หม่อมข้ารับสั่งไป พึ่งรายงานมาว่าเห็นเย่เซียวหลัวไปยังยองเชียงโหลว จากนั้นก็เข้าไปยังห้องของแม่นางจิ่นชื่อ" เย่เฟิงกล่า

ยองเซียงโหลว? จิ่นชื่อ?

โม่ฉีหมิงวางพู่กันในมือ จากนั้นก็ยืดตัวตรง แล้วพูดขึ้น “ไปทำสิ่งใด?"

เย่เฟิงครุ่นคิด แล้วตอบ “ทั้งสองพูดกันเสียงเบามาก จึงไม่อาจได้ยินว่าพูดคุยถึงสิ่งใดกันแน่ เห็นเพียงแม่นางเย่เซียวหลัวนำขวดลายครามไปให้กับแม่นางจิ่นชื่อ สีหน้าของแม่นางจิ่นชื่อดูตกใจยิ่งนัก จากนั้นนางก็กวาดทุกอย่างบนโต๊ะลงไป แล้วไม่นานเย่เซียวหลัวก็ออกมา"

ยองเซียงโหลว จิ่นชื่อ องค์รัชทายาท!

ทั้งสามล้วนมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ไม่คิดเลยว่า แม่นางจิ่นชื่อนั้นจะเป็นคนของเวินอ๋อง ที่ให้ไปอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท เพื่อให้ปรงพระชน

สุดยอด ช่างสุดยอด

หากวันนี้ไม่ได้ให้คนไปลองสืบ ก็คงไม่รู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ยากจะคาดเดากับยองเซียงโหลว

โม่ฉีหมิงพยักหน้า “เจ้าคอยจับตามองเย่เซียวหลัวต่อไป แล้วรับสั่งให้คนคอยประกบตัวจิ่นชื่อ ข้าต้องการที่จะรู้ว่าในแต่ละวันนางทำสิ่งใดย้าง"

เย่เฟิงตอบรับ จากนั้นก็หายไปในพริบตา

โม่ฉีหมิงกระตุกยิ้ม ในค่ำคืนนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาแล้วสิ

หลังจากเรื่องคราวที่แล้ว ต้วนก้วยเฟยก็ไม่ได้สงสัยสิ่งใดอีกเลย

เวินอ๋องเข้าไปวังหลวงเพื่อไปหานางครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาไปถามเกี่ยวกับเย่เซียวหลัวนั้น กลับถูกนางปฏิเสธทุกอย่าง

สุดท้าย เวินอ๋องที่คิดจะตรวจค้นตำหนักของต้วนก้วยเฟยเพื่อตามหาเย่เซียวหลัว กลับถูกต้วนก้วยเฟยใช้ไม้โบย

"ลูกไม่รักดี!ที่นี่คือตำหนักของข้า เจ้าไม่อาจมาวางอำนาจที่นี่ได้?" ต้วนก้วยเฟยพูดด้วยความโมโห

เมื่อถูกนางโบย เวินอ๋องเองก็อ่อนข้อให้ เขาไม่กล้าถามสิ่งใดกับต้วนก้วยเฟยอีก มิเช่นนั้นก็คงโดนโบยอีกเป็นแน่แท้

"ท่านแม่ เรื่องนี้หากท่านเอาแต่ฟังความข้างเดียว ท่านจะเข้าใจผิดได้ หม่อมข้าต้องการจะอธิบายทุกอย่างให้ท่านฟัง" เวินอ๋องกล่าวพร้อมคุกเข่า

ทำให้ต้วนก้วยเฟยทรงกริ้วหนักกว่าเดิมจนเนื้อตัวสั่น นางมองหน้าเวินอ๋อง “แม่จะเชื่อใครก็เป็นเรื่องของแม่ เจ้าอย่ามาใส่ความหลัวเอ๋อต่อหน้าแม่เด็ดขาด มิเช่นนั้นอย่าหาว่าแม่ไม่เตือน"

เมื่อเห็นว่าต้วนก้วยเฟยปกป้องเย่เซียวหลัวเช่นนั้น เวินอ๋องจึงรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรเกลี้ยกล่อมนาง

"ท่านแม่ ลูกเข้าใจแล้วพะยะคะ วันนี้ลูกมาที่นี่ก็เพื่อมาดูว่าท่านแม่สบายดีหรือไม่ หากท่านแม่สบายดี ลูกเองก็สบายใจ" เวินอ๋องตอบแล้วทำท่าจะออกไป แต่กลับถูกต้วนก้วยเฟยรั้งเอาไว้

นางกำนัลด้านนอกถูกนางไล่ออกไปหมดแล้ว ในห้องจึงเหลือเพียงนางและเวินอ๋อง

ชั่วครู่ ทุกอย่างในห้องก็เงียบสงัดแม้แต่เข็มที่ตกลงพื้นยังได้ยินเสียงได้ ต้วนก้วยเฟยมองไปทั้งสี่ทิศ จากนั้นก็รีบปิดประตูและหน้าต่าง แล้วขยับมาใกล้เวินอ๋อง

"ท่านแม่ ท่านมีเรื่องอันใด?" เวินอ๋องถามด้วยความสงสัย

ต้วนก้วยเฟยสูดลมหายใจเข้า จากนั้นก็กระซิบบางอย่างที่ข้างหูเขา ซึ่งนั่นราวกับเป็นก้อนหินที่โยนลงมาบนหัวใจของเวินอ๋อง

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วขมวดคิ้ว จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่นาน

เขาถอยหลังไปบริเวณเก้าอี้อยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่ได้นั่งลง เสียงนั้นราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเขาเอง

"ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ สิ่งที่ท่านทำนั้นคือโทษประหาร?" เวินอ๋องถามขึ้น

นางเองก็รู้ดี แต่นางก็ยังเลือกที่จะทำ ในเมื่อทำแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด

"แม่รู้ แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็คือทางรอดเดียวของเรา คราวที่แล้วแม่ลองใจท่านผ่านของลูก เขาไม่คิดที่จะให้ลูกเป็นองค์รัชทายาทแม้แต่น้อย ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่า ฮ่องเต้ทรงคิดที่จะให้เขาเป็นฮ่องเต้ของแคว้นโม่ฉี" ต้วนก้วยเฟยกล่าวเสียงเย็นชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก