ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 372

ตอนที่ 372 ทำให้หลินอ๋องโกรธเคือง

บรรยากาศเย็นขึ้นในทันที เวินอ๋องเกือบลืมเหตุผลที่ตรงเข้าวังหลวงในวันนี้ ความคิดของเขาเต็มไปด้วยคำพูดของก้วยเฟย จนไม่รู้ว่าควรไปทางใด

“ท่านแม่ ท่านแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อจะแต่งตั้งให้ข้าเป็นองค์รัชทายาท?” เวินอ๋องคิดอยู่นาน แล้วถามขึ้น

ต้วนก้วยเฟยกำหมัดแน่น นางเองก็ไม่อาจตอบคำถามนี้ได้

แม้ว่าเวินอ๋องจะเป็นที่รักของฮ่องเต้ แต่ก็ยังมีหมิงอ๋องที่เป็นคู่แข่ง ส่วนอ๋องหลัวนั้นตายไปแล้ว ก็ถือว่าตัดคู่แข่งไปได้คนหนึ่ง แต่นางก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเวินอ๋องจะได้กลายเป็นองค์รัชทายาท

แต่ว่า

“เวินอ๋อง ลูกต้องเชื่อแม่ ชีวิตของเราสองแม่ลูกขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่แต่งตั้งเจ้าเป็นองค์รัชทายาท แต่แม่จะทำทุกวิธีทาง” ต้วนก้วยเฟยกล่าว

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางเองก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ แม้ว่าเวินอ๋องจะไม่ตอบตกลง มันก็ถึงจุดจบของเรื่องนี้แล้ว

“ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ หากครั้งนี้ไม่เป็นไปตามที่ท่านแม่คิดเอาไว้ เราจะถูกประหารเก้าชั่วโครต?” เวินอ๋องสูดมหายใจเข้า แล้วดื่มชาในมือ

“แม่รู้” ต้วนก้วยเฟยพยักหน้า แต่น้ำเสียงของนางเรียบเฉยนัก “แม่ถามเจ้าหน้อยสิ ฮ่องเต้ทรงวางใจลูกหรือไม่? ขุนนางเหล่านั้นมีใครที่เป็นฝ่ายเจ้าบ้าง? แล้วในมือของลูกมีทหารเท่าไหร่? แล้วพวกองค์ชายองค์หญิงต่างๆอยู่ข้างลูกกี่คน?”

คำถามเหล่านั้นดังก้องในหูของเวินอ๋อง จนเขาถอยหลังหนึ่งก้าว” ท่านแม่ ท่านเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือ?”

เขาต้องยอมรับ ว่าเขายังทำได้ไม่ดีนัก

สิ่งที่ต้วนก้วยเฟยกล่าวมานั้น เขาพยายามที่จะทำตามแล้ว แต่คนส่วนมาล้วนอยู่ข้างองค์รัชทายาท และต่างก็จงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทด้วย

ส่วนตัวเขานั้นก็เป็นเพียงองค์ชาย ที่ในอนาคตจะได้เป็นฮ่องเต้หรือไม่ ก็ไม่อาจเดาได้ ดังนี้นจึงไม่แปลกที่คนพวกนั้นจะอยู่ฝ่ายฮ่องเต้

“หมิงอ๋องยังคงไม่มี”

“อย่าพูดถึงหมิงอ๋อง เขาไม่มีทางเป็นได้อยู่แล้ว คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือลูก! หากตอนนี้ลูกยังไม่ยอมทำ ลูกก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” ในสายตาของต้วนก้วยเฟยนั้น ไม่เคยมีโม่ฉีหมิง

ถึงแม้ว่าจะไม่มีสิ่งใดสู้กับองค์รัชทายาทได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีแผนการที่ล้ำเลิศกว่า

“ลูก งานครั้งนี้เรามีโอกาสชนะสูงมาก ทางด้านจิ่นชื่อแม่ก็ได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว แต่แม่ก็ยังคงไม่วางใจ ดังนั้น คืนพรุ่งนี้แม่จะไปจับองค์รัชทายาททียองเชียงโหลว ”

ต้วนก้วยเฟยเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคิดเอาไว้

เวินอ๋องจึงถามขึ้น“แล้วท่านแม่ทำอย่างไรจิ่นซื่อจึงเชื่อฟังท่าน? ปกตินางเชื่อฟังแต่คำพูดของข้า”

ต้วนก้วยเฟยยิ้มเลย เชื่อฟังได้อย่างไรงั้นหรือ?

หากพูดขึ้นมา ก็คงเป็นการเรียกพายุร้ายไม่ใช่หรือ?

“เรื่องนี้เจ้าอย่าได้สนใจเลย ถึงเวลาแค่ต้องบอกว่าองค์รัชทายาทร่วมก่อกบฎกับแคว้นเซิ่งโจว เพื่อที่จะยึดครองตำแหน่ง เจ้าทราบข่าวจึงรีบนำทหารไปจับตัวก็พอแล้ว"

ต้วนก้วยเฟยยิ้มอย่างมีความสุข

หลายวันมานี้เวินอ๋องไม่แม้แต่จะกลับมาที่ตำหนัก โล่หวินหลานเชื่องฟังคำสั่งของโม่ฉีหมิงจึงอยู่ในตำหนักไม่ออกไปไหน ไซ่เยว่เองก็ไม่เคยมาเล่าให้นางฟังว่าภายนอกเกิดเรื่องอันใดบ้าง จนนางรู้สึกเบื่อหน่าย"

"ไซ่เยว่ เจ้าออกไปกับข้าหน่อยสิ" โล่หวินหลานลุกขึ้นยืน นางว่าจะไปหาอาลั่วหลันที่ตำหนักหมิงอ๋องเพื่อไปเดินตลาดด้วยกัน

"องค์หญิงเพคะ แต่ท่านอ๋องทรงรับสั่งแล้ว ว่าไม่ให้ท่านออกจากตำหนักง" ไซ่เยว่กล่าว

นางมองหน้าไซ่เยว่ โล่หวินหลานพูดด้วยความจริงจัง “แล้วหากข้าต้องการไปตำหนักหมิงอ๋องล้ะ?"

ที่แท้นางก็อยากไปที่ตำหนักหมิงอ๋องนี่เอง ไซ่เยว่จึงไม่ได้ห้ามเอาไว้ ไม่แน่ท่านอ๋องอาจจะดีใจก็ได้ที่นางไป

"น่าจะได้เพคะ" ไซ่เยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมา

ทั้งสองปลอมตัวครู่หนึ่ง นางทั้งคู่แต่งกายเป็นคุณชายและบ่าว จากนั้นก็เดินไปบนตลาด

คนที่เดินผ่านไปมานั้น เมื่อเห็นพวกนางก็คิดว่าเป็นท่านชายจากตระกูลใดแน่นอน จึงมักจะรั้งพวกเขาเอาไว้ใช้ช่วยอุดหนุน

ไซ่เยว่เห็นเช่นนั้น นางก็อยากที่จะไล่พวกเขาออกไป แต่โล่หวินหลานก็เอามือขึ้นมาปราม แล้วเอาเงินออกมาจากกระเป๋าผ้าของตน

นางใช้เงินจำนวนหนึ่งซื้อรถไม้ที่ตกแต่งด้วยผีเสื้อซึ่งทำมาจากผ้า โล่หวินหลานมองอยู่สักพัก ของสิ่งนี้เหมือนในยุคสมัยที่นางจากมาก็มีอยู่ เพียงแต่สามารถบินขึ้นไปบนฟ้าได้จริงๆ แต่นี่

"ไซ่เยว่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าของสิ่งนี้เล่นอย่างไร? เจ้าเล่นเป็นไหม?" โล่หวินหลานถาม ขณะจับมันไว้ในมือ

ไซ่เยว่รับของเล่นชิ้นนั้นมา จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วมองหน้าโล่หวินหลาน “องค์หญิง บอกว่าจะไปที่ตำหนักหมิงอ๋องไม่ใช่หรอเพคะ? หม่อมข้าว่าเรารีบไปกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย"

นางคิดว่าโล่หวินหลานจะไปที่ตำหนักหมิงอ๋องจริงๆ ไม่คิดเลยว่านางจะโกหกเพื่อมาเที่ยวเล่นที่ตลาด หากท่านอ๋องรู้เข้า คงถูกลงโทษแน่

โล่หวินหลานแสร้งทำเป็นโมโหแล้วมองนาง “เจ้าเล่นเป็นไหม? หากไม่เป็นก็คืนข้ามา"

ราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่ไซ่เยว่กล่าว นางคิดเพียงจะนำของเล่นนั้นคืนมา แล้วหาวิธีเล่นด้วยตนเอง

แต่นางจับเอาไว้ในมือไม่ถึงสองวิ ทันใดนั้นเองก็ถูกใครบางคนแย่งเอาไป

โล่หวินหลานตกใจ แล้วรีบหันไปดูกลับพบว่าเป็นหลินอ๋อง เขายิ้มด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ใช้มือหมุนไปมา แล้วของเล่นชี้นั้นก็เริ่มหมุนไปมา

"ไม่คิดเลยว่า สนมของเวินอ๋องจะชอบของเล่นพันธ์นี้ ช่างตาต่ำนัก" หลินอ๋องยิ้มเหยียด

หลินอ๋องมาโผล่ที่นี่ได้ สมแล้วที่เป็นคนที่เอาแต่สร้างปัญหาให้ราชวงศ์

เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้มีหน้าตาที่หื่นกาม คงเพราะได้รับการสั่งสอนจากคนอื่นมาแล้ว จึงไม่กล้าทำสิ่งใดกับนาง แล้วเปลี่ยนเป็นพูดจาเสียดสีแทน

โล่หวินหลานหัวเราะในลำคอ “ไม่คิดเลยเพคะว่าจะได้พบหลินอ๋องที่นี่ ช่างบังเอิญนัก ในมือท่านอ๋องบอกว่าเป็นของเล่นชั้นต่ำ เหตุใดจึงถือเอาไว้ไม่ปล่อยละเพคะ? ลืมไปแล้วหรือว่าตนเองเป็นใคร?

หลินอ๋องที่ได้ยินคำหัวเราะและเย้ยหยันของนาง ก็ก้มหน้ามองดูมือของตนเอง และมือของเขาก็จับของเล่นชิ้นนั้นของนางเอาไว้จริง?

เขารีบปล่อยมือ จนรถของเล่นนั้นตกลงบนพื้น จากนั้นก็ยกขาขึ้นข้างหนึ่ง แล้วเหยียบลงไป จนของเล่นนั้นแตกเป็นชิ้นๆ

"ทำให้พระสนมเห็นเรื่องน่าอายของหม่อมข้าแล้ว เหยียบของชั้นต่ำเช่นนี้ ข้ายังกลัวว่าจะแปดเปื้อนขาของข้าเลย ประเดี๋ยวพระสนมคงต้องไปล้างมือให้สะอาดนะขอรับ" หลินอ๋องพูดพลางเล่นหน้าเล่นตาแล้วมองดูโล่หวินหลาน

สีหน้าของเขาดูได้ใจนัก ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ไม่แพ้ให้นางอีกแล้ว

โล่หวินหลานมองดูเขาที่เหยียบของเล่นของนาง จึงกระตุกยิ้ม

"หลินอ๋องทราบหรือไม่ว่าทุกอย่างบนโลกนี้ ทั้งของกินและของใช้นั้นล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของชาวตำหนัก แม้แต่ตำแหน่งของท่านที่อยู่สุขสบายได้เช่นนี้ก็เพราะชาวตำหนักเช่นเดียวกัน หากไม่มีชาวตำหนัก ก็คงไม่มีท่าน แล้วเหตุใดท่านจึงกล่าวว่าสิ่งของที่ชาวตำหนักทำเองก็มือนั้นเป็นสิ่งสกปรก?" โล่หวินหลานเอ๋ยถาม

แต่หลินอ๋องนั้นก็ทำตัวนิ่งเฉย เขาเอาแต่คิดว่าตนเองเอาชนะนางได้แล้ว จึงไม่อยากยอมแพ้กลางคันเช่นนี้

"ไม่คู่ควรก็คือไม่คู่ควร และข้าก็หวังว่าพระสนมจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ มิเช่นนั้นพี่หกคงทำตัวลำบาก และแปดเปื้อนฐานะสนมของท่านเสียเปล่า!”

หลินอ๋องหัวเราะ แล้วเหยียบของเล่นอีกครั้ง ราวกับไม่สนใจสิ่งใดเลย

"แคล๊ก" เสียงของเล่นที่ถูกเหยียบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

โล่หวินหลานกำหมัดแน่น คนอย่างหลินอ๋องหากไม่ให้บทเรียน ก็คงเอาแต่จะทำเรื่องวุ่นวายให้แคว้นโม่ฉี

นางใช้สายตาส่งสัญญาณให้ไซ่เยว่ จากนั้นก็เรียกชื่อเขา

"หลินอ๋อง ช้าก่อน"

หลินอ๋องหันหน้ากลับมา แล้วมองมายังนาง

"เสื้อผ้าบนร่างกายท่าน แม้ว่าจะใช้วัตถุดิบชั้นดี แต่ก็ล้วนมาจากฝีมือการถักทอของชาวตำหนัก หากท่านคิดว่าของเหล่านี้เป็นของชั้นต่ำ ก็ได้โปรดถอดออกมาเถอะ"

โล่หวินหลานบอกกับเขา แล้วหัวเราะ

สีหน้าของหลินอ๋องเปลี่ยนไปทันที เขาขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปาก ก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งกาย เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่นั้นถูกถอดออกโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

แผ่นหลังเปลือยเปล่าเผยออกมาต่อหน้าประชาชน หิมะที่ตกลงมาบนผิวหนังนั้น ทำให้ยิ่งหนาวเย็น แต่สีหน้าของเขาตอนนี้ร้อนยิ่งนัก

เขารีบใช้มือปกปิดร่างกายเอาไว้

ขณะที่เขากำลังอายอยู่นั้น จู่ๆกางเกงของเขาก็ถูกถอดออกเช่นกัน จนตอนนี้เขาหนาวไปหมดทั้งช่วงบนและช่วงล่าง

หลินอ๋องร้องตะโกนลั่น “พวกเจ้ายืนบื้ออยู่ทำไม? เหตุใดไม่รีบถอดชุดของพวกเจ้ามาให้ข้า?"

องค์รักษ์ที่ได้ยินดังนั้น ก็รีบถอดกางเกงของตนเองแล้วเอาให้หลินอ๋อง

องค์รักษ์ต่างก็วุ่นวายในการถอดชุดของตนเอง เพื่อมาปกปิดเรือนร่างของเขา

ชาวตำหนักแห่เข้ามาดูมากขึ้นเรื่อยๆ หลินอ๋องร้องตะโกนอย่างหัวเสีย “มองอะไรกัน? ออกไปให้หมด!”

ระหว่างที่เขาพูดนั้น สายตาก็มองหาโล่หวินหลาน แต่มองไปมาก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของนาง

คิดว่านางคงจะหนีไปแล้ว

เขายืนกำหมัดแน่น แล้วร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เหอซื่อ!ข้ากับเจ้าคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!”

เขาไม่คิดสิ่งใด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแก้แค้นเหอซื่อให้จงได้!

เขาสาบาน

หลังจากที่ออกมาจากตลาดนั้น โล่หวินหลานก็เอาแต่หัวเราะไม่หยุด นางหยุดเดินที่ซอยหนึ่งบนถนน

นางตบที่บ่าของไซ่เยว่เบาๆ “เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก"

หากไม่ใช่เพราะความฉลาดของไซ่เยว่ หลินอ๋องก็คงไม่ขายหน้าเช่นนี้

ไซ่เยว่ตบที่อกตนเองเบาๆ แล้วพูดขึ้น “องค์หญิง ท่านอย่าทำเรื่องที่อันตรายเช่นนี้อีกเลยเพคะ หากหลินอ๋องเอาความขึ้นมา อาจจะจับตัวท่านไปก็ได้นะเพคะ"

คนอย่างหลินอ๋องนั้น ไซ่เย่วเองก็ไม่ได้เข้าใจเขามากนัก นางรู้เพียงว่านางต้องดูแลโล่หวินหลานให้ดี จะให้นางได้รับบาดเจ็บแม้เพียงปลายเล็บไม่ได้เด็ดขาด

"ข้ารู้แล้ว ตอนนี้เราไปตำหนักหมิงอ๋องกันเถอะ" โล่หวินหลานหุบยิ้ม แล้วเดินไปทางตำหนักหมิงอ๋อง

นางยอมรับ ว่าภาพเมื่อครู่นั้น ทำให้นางรู้สึกสนุกมาก

เป็นถึงองค์ชาย แต่กลับเปลือยกายอยู่กลางตลาด และยังถูกชาวตำหนักมากมายเห็นอีก ไม่รู้ว่าเขาจะขายหน้าเท่าไหร่

พรุ่งนี้คงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหลินอ๋องแล้วแน่ๆ

โชคดีที่หลินอ๋องไม่สามารถทำสิ่งใดกับนางได้ นางจึงไม่ต้องเป็นกังวล

ตั้งแต่วันที่นางทะลุมิติมา นางก็เป็นคู่อริกับหลินอ๋องมาโดยตลอด?

นางเดินเข้าตำหนักหมิงอ๋องผ่านประตูหลัง หรือเพราะทุกคนล้วนเห็นหน้านางจนบ่อยแล้ว สาวใช้ที่เห็นนางเดินเข้ามาก็ไม่ได้พูดสิ่งใด และก็ไม่รู้ว่าควรเรียกนางว่าอย่างไรด้วย จึงทำได้เพียงก้มหน้าและทำความเคารพนางก็เท่านั้น

"ไซ่เยว่ เจ้าไม่ต้องตามข้ามาหรอก ข้าจะไปหามิตรสหายของข้า" โล่หวินหลานบอก แล้วเดินไปตามทางที่นางคุ้นเคย

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่านางทำสิ่งใด แต่ไซ่เยว่เองก็ไม่ได้เอ๋ยปากถาม นางพยักหน้า แล้วคอยปกป้ององค์หญิงของนางอยู่ไกลๆก็เท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก