ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 373

ตอนที่ 373 พายุลมฝน

ทางด้านจิ่นชื่อก็ได้ปล่อยข่าวออกไป นางส่งจดหมายไปให้กับองค์รัชทายาท ซึ่งเนื้อหาในจดหมายนั้นเป็นลายมือของนางเอง นางคิดอยู่นานกว่าจะเขียนลงไป

โดยตีความได้ว่า ยองเชียงโหลวนั้นเริ่มย่ำแย่ ไม่สามารถที่จะดำเนินการค้าต่อไปได้ หญิงในยองเชียงโหลวส่วนมากก็ออกจากที่นี่แล้ว ส่วนนางถูกขังเอาไว้ราวกับเป็นสินค้า ให้คนที่มีเงินทองนั้นประมูลราคาแล้วซื้อไป ซึ่งอีกไม่นานนางก็คงไปจากที่นี่แล้ว จึงต้องการที่จะเชิญองค์รัชทายาทมาพบ

นางอยู่กับองค์รัชทายาทมานานแสนนาน นางรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร จึงไม่แปลกที่จะรู้ว่าควรเขียนอย่างไรให้เขานั้นยอมใจอ่อน

ท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำ จิ่นชื่อเองก็ยังไม่ได้นอน แสงเทียนในห้องนางยังคงส่องสว่างจนค่อยๆมอดไป แล้วนางก็จุดเทียนเล่มใหม่ขึ้นมา

ไม่รู้ว่านางทำเช่นนี้มานานเท่าไหร่ แม้ว่าตอนนี้หนังตาของนางจะเริ่มตกแล้ว แต่นางก็ไม่อาจนอนหลับลงไปได้

หน้าตาถูกเปิดออก ลมเย็นจากด้านนอกพัดเข้ามา จนทำให้นางตื่นตัวเล็กน้อย ไม่ห่วงว่าตนเองจะหนาว นางเอาแต่ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าต่าง

นางรู้ดีว่าอย่างไรเขาก็ต้องมา

แม้ว่าต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้ เขาก็ต้องมา นี่เป็นความรู้สึกของนาง และเป็นความหวังของนางเช่นเดียวกัน

แต่ใจหนึ่งนางก็คาดหวังให้เขาไม่ต้องมา เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งสองจะมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ หากองค์รัชทายาทตาย นางเองก็จะตายตามเขาไป

ไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้า ประตูถูกใครบางคนเปิดออก

"องค์รัชทายาท" จิ่นชื่อเรียกชื่อคนที่มา

เขาสวมชุดสีดำ แล้วเอาผ้ามาปิดบนใบหน้า เห็นเพียงสองตาเท่านั้น รูปร่างสูงใหญ่ จิ่นชื่อไม่มีวันจำผิดคน ในที่สุดเขาก็มา

หรือนี่คงเป็นโชคชะตา สิ่งที่ต้องเผชิญก็ต้องเผชิญเข้าสักวันหนึ่ง

"ยองเชียงโหลวทำไมจู่ๆก็ไม่สามารถทำการค้าต่อไปได้? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?" องค์รัชทายาทถอดผ้าที่ปิดหน้าออก เผยใบหน้าของเขาออกมา

หลายวันมานี้ เขาซูบผอมลงไปอีกแล้ว

จิ่นชื่อมองดูเขาแล้วรู้สึกปวดใจยิ่งนัก และเมื่อรู้ว่าต้องเจอกับสิ่งใด น้ำตาของนางก็คลอเบ้า

นางไม่พูดสิ่งใดมีเพียงน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด องค์รัชทายาทพอจะคาดการณ์ได้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าบอกข้าเถอะ ไม่มีเรื่องใดที่ข้าไม่สามารถจัดการได้" องค์รัชทายาทจับที่ใบหน้าของนาง

มองดูสีหน้าของนางแล้วนั้น จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “มีคนมาเล่นงานเจ้าที่ยองเชียงโหลวใช่หรือไม่?"

จิ่นชื่อโผเข้ากอดเขา แล้วส่ายหน้าไปมา

"มามาบังคับเจ้าออกไปรับแขก?" เขาถามขึ้น

จิ่นชื่อก็ยังคงส่ายหน้า

เขาจึงเดาต่อ “หรือว่าช่วงนี้ข้าไม่ได้มา เจ้าจึงโกรธเคือง?"

ครั้งนี้นางไม่ได้ส่ายหน้า แต่พยักหน้า “หม่อมข้าไม่ได้ข่าวของพระองค์มาเกือบเดือน หม่อมข้ากลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับท่าน เขียนจดหมายส่งไปให้ท่าน ท่านก็ไม่เคยตอบกลับมา และหม่อมข้าเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าจดหมายที่หม่อมข้าเขียนนั้น ไปถึงมือพระองค์หรือไม่"

องค์รัชทายาทนิ่งไป ไม่คิดเลยว่าจะเพราะเรื่องนี้

"หากไม่ได้มาถึงมือข้า แล้ววันนี้ข้าจะมาหาเจ้าได้อย่างไร? เพียงแต่ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก มีงานราชให้ต้องกระทำมากมาย จึงไม่อาจมาหาเจ้า ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วง" องค์รัชทายาทอธิบาย

ราวกับไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท ตอนนี้สิ่งที่เขาพูดนั้นคล้ายกับชายที่รักใคร่ในหญิงของตน

จิ่นชื่อคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า นางรู้สึกปวดใจยิ่งนัก น้ำตาของนางไหลลงมาเป็นสาย

องค์รัชทายาทมองดูนางด้วยความสงสัย ภายใต้แสงเทียนทำให้เห็นว่าดวงตาของนางนั้นบวมเป่ง

"เป็นอะไรไป? เหตุใดเจ้าจึงเอาแต่ร้องไห้? ข้าอยู่ที่นี่แล้วไง?" องค์รัชทายาทอมยิ้ม

เขาไม่รู้เลยว่าตนเองเปลี่ยนเป็นคนที่มีความอดทนและอบอุ่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

หรือเพราะรู้สึกผิด? หรือเพราะรักและเอ็นดูนาง?

จิ่นชื่อค่อยๆพูดขึ้น “หม่อมข้าเพียงอยากกอดท่าน สักประเดี๋ยว"

จากตอนแรกที่เริ่มต้นด้วยการพยายามทำให้เขาลงไหล เพื่อใช้ประโยชน์ แต่สุดท้ายตนเองกลับเป็นคนที่ต้องเจ็บ ความรักครั้งนี้ ช่างโหดร้ายกับนางยิ่งนัก

เขาและนางไม่ใช่คนทางเดียวกัน ไม่ควรรักกัน แต่กลับมีรักให้กัน ช่างน่าเศร้า

นางไม่โลภมากหรือหวังที่จะได้อภิเษกกับเขา หวังเพียงได้ตายเคียงข้างเขาก็พอแล้ว

สุดท้ายนางก็ค่อยๆคลายมือจากองค์รัชทายาท นางอยากให้นี่เป็นเพียงแค่ฝันไป เมื่อตื่นขึ้นมา นางยังคงอยู่ในวัดร้างนอกเมือง หรือไม่ก็กอดตนเองตาย หรือไม่ก็ถูกคนธรรมดามาช่วยเอาไว้

แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่อยากให้เป็นดังเช่นตอนนี้

"องค์รัชทายาทเพคะ หม่อมข้าเพียงไม่ได้พบหน้าท่านมานานแสนนาน วันนี้จึงดีใจมากไปก็เท่านั้นเพคะ นี่เป็นน้ำตาแห่งความสุข" จิ่นชื่อก้มหน้าก้มตาแล้วบอกกับเขา จากนั้นก็ฝืนยิ้มให้เขา

องค์รัชทายาทที่รู้จักนางมานาน จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางเป็นคนเช่นไร?

นางเป็นคนฉลาด นี่คงไม่ใช่น้ำตาแห่งความสุขเป็นแน่แท้

"มามาจะขายเจ้าให้กับเศรษฐีเจ้าจึงเสียใจใช่ไหม? เขาจะซื้อเจ้าด้วยเงินเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า ข้าจะให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้า" องค์รัชทายาทกล่าวแล้วมองดูนาง

นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ขวดลายครามหล่นออกมาจากแขนเสื้อของนาง นางก้มลงเก็บ ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

เหตุใดต้องทำดีกับนางถึงเพียงนี้? นางไม่คู่ควร

มือของนางเอาแต่สั่นไม่หยุด แต่สุดท้ายผงสีขาวในขวดลายครามนั้นก็ถูกเทลงแก้วสุรา

นางขนที่แก้ว จากนั้นก็เดินเข้าไปหาองค์รัชทายาท แล้วยื่นให้เขา

"ดื่มเถอะเพคะ สุรานี้หม่อมข้าอุ่นมาแล้ว รสชาติดีมากเพคะ" จิ่นชื่อยื่นแก้วให้เขาโดยไม่มองหน้าเขา

องค์รัชทายาทรับสุรามาจากนาง เห็นนางเอียงหน้าไปอีกทาง และยังคงมีน้ำตาไหลริน จึงเช็ดน้ำตาให้นาง

"อย่าร้องเลย ไม่สวยได้นะ" องค์รัชทายาทหัวเราะ

เขาส่ายแก้วในมือ ขณะที่กำลังเข้าปาก ขอบแก้วเย็นเฉียบนั้นสัมผัสโดนปากอุ่น จิ่นชื่อหันกลับมา แล้วโยนแก้วในมือของเขาทิ้งไป

นางร้องเสียงดัง “ห้ามดื่มนะเพคะ มีพิษ!”

องค์รัชทายาทนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาว่างเปล่า ขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง ด้านนอกก็มีคนจำนวนมากบุกเข้ามา หากนับดูแล้วก็มีชายชุดดำกว่าสิบคน ดาบที่กระทบแสงเทียนวาบวิบวับ

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องตะโกน กบฎอยู่นี่!”

คนพวกนั้นล้อมตัวเข้ามา องค์รัชทายาทที่ยังคงไม่รู้ว่าเกิดเองอะไรขึ้น ก็ถูกจิ่นชื่อผลักไปทางหน้าต่าง

เข็มสีเงินบินออกมา จนชายชุดดำตรงหน้าล้มลง แล้วน้ำลายฟูมปาก เห็นได้ชัดว่าเข็มนั้นอาบยาพิษเอาไว้

ค่ำคืนที่วุ่นวาย เสียงของชายชุดดำดังสนั่น กาบินไปมาแสดงถึงความอัปมงคล

จิ่นชื่อเปิดหน้าต่าง แล้วรีบผลักองค์รัชทายาทลงไป “ท่านรีบหนีไป พวกเขาต้องการชีวิตท่าน"

องค์รัชทายาทจับที่มือนางแน่น แล้วพูดขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้"

คนพวกนั้นตะโกนว่ากบฎ และจิ่นชื่อก็บอกว่าคนที่พวกเขาต้องการเอาชีวิตคือตนเอง ซึ่งแน่ใจได้ว่าคนพวกนั้นมาเพื่อหวังทำร้ายเขา แต่เหตุใดเขาจึงกลายเป็นกบฎเล่า?

จิ่นชื่อมองไปด้านหลัง ไม่ทันแล้ว นางรีบผลักมือเขาออก เขากระโดดลงไปด้านหลัง ที่เต็มไปด้วยหิมะ ทำให้ทั้งคู่ไม่เป็นอันตราย

นางจับมือขององค์รัชทายาทไว้แน่น แล้ววิ่งไปกับเขา นางวิ่งเร็วราวกับลมที่พัดพา

นางพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “มุมกำแพงทางทิศตะวันออกมีทางลัด ที่สามารถไปยังนอกเมืองได้ ตอนนี้หม่อมข้าไม่มีเวลามาอธิบาย เราต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ จึงจะมีชีวิตรอด"

จิ่นชื่อในตอนนี้ทำให้องค์รัชทายาทตกใจ ในความคิดของเขานั้น นางเป็นเพียงหญิงสาวที่หน้าตางดงามและบอบบาง

แต่ตอนนี้เมื่อมองดูนางแล้ว คงมีความลับมากมายที่ปกปิดเขาเอาไว้ นางมีทั้งวิทยายุทธ์ และยังใช้พิษเป็นด้วย แม้แต่ยองเซียวโหลวที่แสนธรรมดายังมีทางลับได้

องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว มองดูนางที่ใช้สองมือกดเข้าไปยังก้อนอิฐบนกำแพง แล้วหมุมอีกครั้ง

ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงบางอย่าง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก

ทางนั้นมืดมาก จนไม่เห็นสิ่งใด แต่เพราะจิ่นชื่อนั้นคุ้นชินกับเส้นทางนี้ จึงไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไป

"องค์รัชทายาท แล้วเข้าเพคะ!พวกเขากำลังจะตามมาทันแล้วเพคะ!” จิ่นชื่อยื่นมือออกไป แล้วร้องตะโกนขึ้น

องค์รัชทายาทที่หันไปมองนั้น ก็เห็นแสงไฟสลัวๆกำลังเคลื่อนตัวมาใกล้พวกเขา

หากพวกเขาถูกจับ ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ" หากฮ่องเต้ทราบเรื่องเข้า คงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่

ถึงเวลานั้น เขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่ชีวิตก็อาจจะไม่เหลือด้วย

เขากัดฟัน แล้วมองดูใบหน้างดงามที่คุ้นตา จากนั้นก็เข้าไปยังทางลับนั่น

ทางลับค่อยๆถูกปิด พอดีกับทีชายชุดดำพวกนั้นมาถึงตรงหน้าของทางเข้าทางลับ ชายชุดดำพวกนั้นพยายามจับๆคลำๆที่ประตู แต่ก็ไม่อาจเปิดได้

"ท่านอ๋อง แล้วตอนนี้เราควรทำเช่นไร?" เสียงแหบพร่าถามขึ้น

สีหน้าของเวินอ๋องเรียบเฉย เขามองดูบนพื้น แล้วพูดขึ้น “เหลือไว้สองคนเพื่อดูวิธีการเปิดทางลับนี่ ที่เหลือตามข้ามา"

พวกเขารีบตามเขาไป โดยมุ่งหน้าไปทางประตูเมือง

ในค่ำคืนที่เงียบสงัดนี้ จู่ๆทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยเสียงฝีเท้าของคนและเสียงดาบ จนชาวตำหนักต่างพากันตกใจกลัว แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียง ทำได้เพียงกอดผ้าห่มเอาไว้

กลัวเหลือเกินว่าสุดท้ายแล้วความซวยจะมาเยือนตน

บนหลังคาทางไกลนั้น มีเงาของใครหลายคนยืนอยู่ ภายใต้แสงจันทร์

แต่ว่า ใครบางคนก็พูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

"คนออกจากเมืองไปแล้ว เย่เฟิง เจ้านำคนตามพวกเขาไป " โม่ฉีหมิงกล่าว แล้วมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้า

เย่เฟิงรับคำ แล้วรีบใช้วิชาตัวเบาตามไป

ราวกับว่าค่ำคืนนี้กำลังเล่นเกมส์แมวเก้าชีวิต คนที่เหลือรอด คือแมว

โม่ฉีหมิงหัวเราะในลำคอ แล้วกระโดดลงมาจากหลังคา จากนั้นก็เดินไปยังสวนของยองเชียงโหล เขามองดูทางลับที่องค์รัชทายาทกับจิ่นชื่อเข้าไป

เขาสะบัดเสื้อผ้าของตนเองเล็กน้อย จากนั้นก็กระเอมไป

"เจ้าเป็นใคร?" คนที่เฝ้าทางลับนั้นถามขึ้น

เมื่อเห็นว่าคนที่มานั้น ตั้งใจมาที่นี่

"พวกเจ้ากำลังหาวิธีเข้าไปใช่หรือไม่?" โม่ฉีหมิงเดินไปด้านหน้า แล้วถามขึ้น

ทั้งคู่มองหน้ากัน จากนั้นก็คิดว่าเขาจะรู้ได้อย่างไร หนึ่งในนั้นจึงพูดขึ้น “เจ้าคือคนที่เวินอ๋องรับสั่งให้มาเปิดทางลับนี่หรือ?"

โม่ฉีหมิงกระตุกยิ้ม เขาไม่ได้พูดสิ่งใด แล้วเดินเข้าไปใกล้สองคนนั้น โดยไม่พูดสิ่งใด

มองดูมือยาวของเขาที่วางลงบนกำแพง จากนั้นเพียงขยับเล็กน้อย ประตูกลนี่ก็ถูกเปิดออก

ทั้งสองทำสีหน้าดีใจ ขณะที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าไป กลับรู้สึกปวดที่คอ ทั้งคู่หยุดเดิน ใช้มือจับที่คอก็พบว่ามีเลือดออกมา

"เจ้า"

ยังไม่ทันพูดจบ ก็สิ้นใจไปเสียแล้ว

"ท่านอ๋อง ข้าน้อยมาช้าเกินไป" ฉินหยิ่นและเย่หวินพูดขึ้นพร้อมกัน

โม่ฉีหมิงพยักหน้า แล้วสะบัดผ้าคลุมของตนเอง จากนั้นก็เดินเข้าไปในทางลับนั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก