ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 375

ตอนที่ 375 ความจริงในตอนนั้น

จิ่นชื่อไม่ได้ตกลงเหว เพราะถูกองค์รัชทายาทคว้ามือไว้แน่น ไม่คิดเลยว่าเวลาเป็นตายในตอนนี้ เขาก็ยังไม่ทิ้งนางไป

"องค์รัชทายาทท่าน ปล่อยมือเถอะเพคะ!” จิ่นชื่อพูดด้วยความยากลำบาก

"ไม่ ไม่มีวัน" องค์รัชทายาทเองกัดฟันแน่น น่าเสียดายแรงที่เขามีนั้นเขาใช้ในการปัดป้องลูกธนูเมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้เขาเองก็ใกล้จะหมดแรง

และจิ่นชื่อเองก็ไม่ได้ขอร้องไห้เขาช่วยนางเอาไว้ แต่อย่างไรเสียเขาก็จะใช้แรงทั้งหมดที่มี ช่วยนางให้ได้

"ขอบพระทัยเพคะองค์รัชทายาท ท่านช่างดีกับหม่อมฉันเหลือเกินหม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะทำร้ายท่าน" จิ่นชื่อพูดด้วยความยากลำบาก

พูดจบ นางก็พยายามคลายมือจากเขา แววตาของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าไม่อาจปล่อยนางไปได้

ก่อนตาย ได้เห็นความห่วงใยจากเขา นางก็พอใจแล้ว

แม้ว่าตาย นางก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจ

ขณะที่นางตกลงไปในเหวลึกนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขา “จิ่นชื่อ!”

เสียงนั้นฟังดูเจ็บปวดยิ่งนัก เสียงของเขาแหบพร่า เขาร้องตะโกนอย่างสุดเสียง หลังจากวันนี้จะไม่มีจิ่นชื่อที่งดงามให้เขาได้เห็นอีก

และคนที่ทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้านี้ก็คือเวินอ๋อง หากไม่ใช่เขา จิ่นชื่อก็คงไม่ตาย

องค์รัชทายาทหันไปด้านหลัง เขาพึ่งเห็นว่าพวกชายชุดดำกำลังต่อสู้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง เขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าเป็นการสู้กันระหว่างใครกับเขา แม้แต่เวินอ๋องเองก็ยืนดูคนพวกนั้นด้วยสีหน้าที่ตกใจ

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

จากทางไกล เงาของใครบางคนเดินออกมาจากป่าสน แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดสนิท แต่ก็สามารถเห็นว่าเขาเป็นคร เขาคนนั้นกระตุกยิ้ม

เขามาที่นี่ได้อย่างไร?

แล้วเรื่องในคืนนี้ เขารู้ได้อย่างไร?

"น้องหก เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก ที่กล้าลอบทำร้ายองค์รัชทายาท" น้ำเสียงเย็นชาราวกับดาบน้ำแข็งดังขึ้น ทำให้ทุกคนถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง

เวินอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองพวกชายชุดดำที่กำลังตีรำพันแทงกันอยู่ พวกเขาถูกโม่ฉีหมิงจัดการเสียแล้ว

หรือว่าแผนของเขา จะถูกทำลาย?

ไม่ได้ นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเขา หากองค์รัชทายาทไม่ตาย พรุ่งนี้เรื่องการรอบสังหารพี่ชายก็คงถูกพูดถึงทั้งเมือง

"พี่สี่ ท่านไม่รู้หรอก ว่าองค์รัชทายาทนั้นร่วมมือกับแคว้นเซิ่งโจวเพื่อก่อกบฎ ข้ารู้ข่าวนี้เข้า จึงรีบมาฆ่าเขาเสีย" เวินอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

โม่ฉีหมิงหัวเราะในลำคอ แววตาของเขานั้นเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา “เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นเซิ่งโจวเพื่อก่อกบฎ แล้วไหนละหนอนบ่อนไส้ที่เข้ามา? แล้วหลักฐานของเจ้าล้ะ?"

เวินอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าโม่ฉีหมิงจะถามเรื่องพวกนี้

เขาเองก็ไม่ได้มีเวลาสร้างหลักฐานพวกนี้ ตอนนี้ถูกถามเช่นนี้ จึงไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไร

"หากไม่มีหลักฐาน เจ้าก็ปล่อยตัวองค์รัชทายาทไปเถอะ เพื่อให้คนบริสุทธิ์ไม่ถูกทำร้าย" โม่ฉีหมิงค่อยๆต้อนเขา

อยากให้เขาปล่อยตัวองค์รัชทายาท? เป็นไปไม่ได้!

เวินอ๋องจับดาบในมือแน่น ชั่วพริบตา เขาก็มายืนตรงหน้าองค์รัชทายาทเสียแล้ว

โม่ฉีหมิงหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็ยกมือขึ้น แล้วผิวปาก ทันใดนั้นเองก็มีชายชุดดำมากมายโผล่ออกมาจากทุกสารทิศ นี่เขาสั่งคนพวกนี้มางั้นหรือ

"น้องหก เจ้าหยุดเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

เวินอ๋องไม่ได้พูดสิ่งใด เขามองดูพวกชายชุดดำ เขาเกลียดตนเองที่ไม่รอบคอบ เอาแต่คิดเรื่องขององค์รัชทายาท จนลืมโม่ฉีหมิงไป

แต่เรื่องมันก็มาถึงขึ้นนี้แล้ว เขาไม่อาจที่จะหันกลับหลังได้อีก ชั่วพริบตาคนของเขาก็ถูกล้อมไว้จนหมด และบางคนก็ถูกฆ่าตายด้วย

เวินอ๋องทำเสียงหึ เขาค่อยๆหยิบดาบข้างกายตนเองออกมา ตอนนี้คนของเขาก็ไม่เหลือแล้ว ขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์

เขามองไปทั้งสี่ทิศ จากนั้นก็หยุดลงที่ต้นไม้ใหญ่ เขาใช้ดาบเปิดทาง แล้วลอยตัวไปบนยอดของต้นไม้

ได้ยินเพียงเสียงต้นไม้ที่ถูกเขาทำให้สั่น ชั่วพริบตา เวินอ๋องก็หายตัวไป

"ท่านอ๋อง จะให้ข้าตามหรือไม่ขอรับ?" เย่เฟิงถามโม่ฉีหมิง

เขายกมือขึ้น “ไม่จำเป็นต้องตามหรอก"

"ขอรับ" เย่เฟิงรับคำแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ให้คนของเขาถอยไป

เสียงลมดังโกรกไปมา หิมะปลิวไหว ค่ำคืนนี้ช่างหนาวเหน็บ เพียงแต่ องค์รัชทายาทกลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักหนิด

"ไม่คิดเลยว่าคนที่มาช่วยข้าจะเป็นเจ้า ส่วนคนที่ทำร้ายข้าจะเป็นเวินอ๋อง เรื่องราวต่างๆช่างพลิกผันนัก" องค์รัชทายาทพูดขึ้น

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่อาจมองออกได้ว่าใครคือศัตรูใครคือมิตรแท้ สุดท้ายกลับนำภัยมาสู่ตัว

แต่โม่ฉีหมิงนั้น หลายปีมานี้เขาสวมหน้ากากเอาไว้ และไม่อาจลุกเดินได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็น แต่เขากลับเลี้ยงคนไว้มากมาย จนสามารถจัดการคนของเวินอ๋องได้

เขาประเมินหมิงอ๋องต่ำเกินไป

"อื้ม ข้าเองก็ไม่ได้คิดอยากจะช่วยเจ้าหรอก" โม่ฉีหมิงกล่าว

องค์รัชทายาทจับหิมะบนพื้น แล้วลุกขึ้นยืน “เพราะเหตุใดเล่า"

โม่ฉีหมิงหันกลับมา เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก

"ตอนนั้น ฮองเฮาทรงเข้าใจผิดคิดว่าท่านแม่ของข้า วางยาพิษให้พี่เพราะความอิจฉา จึงทำให้พี่ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เยาว์วัย ฮองเฮาจึงแก้แค้นโดยการเผาท่านแม่ของข้า และข้าเองก็ต้องรับโทษนั้นไปด้วย

ดังนั้น คนที่มีโอกาสทำร้ายพี่ที่สุดคือข้าไม่ใช่เวินอ๋อง ไม่ว่าพี่จะระมัดระวังตัวมากอย่างไร ก็คงไม่ใช่สงสัยในตัวเวินอ๋อง ใช่ไหม?" โม่ฉีหมิงยิ้ม

องค์รัชทายาทนิ่งไป เรื่องเก่าๆถูกพูดขึ้นอีกครั้ง อย่างไรเสียก็ได้ทำลงไปแล้ว ผิดก็ผิดไปแล้ว จะแก้ไขได้อย่างไร?

"หรือว่าไม่จริง?" องค์รัชทายาทเม้มปาก

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า “เป็นคนป่วยเช่นนี้มานานหลายปี ก็ไม่อาจทำให้พี่ฉลาดขึ้นได้"

"เจ้า!” องค์รัชทายาททรงกริ้ว เงยหน้ามองเขา

แม้แต่สายตาที่มองนั้น ยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

โม่ฉีหมิงหัวเราะ แล้วพูดขึ้น “วันนี้หากข้าต้องการที่จะแก้แค้น ก็ง่ายราวกับขยี้มดให้ตายคามือ เหตุใดต้องใช้อุบายเพื่อช่วยพี่? หรือพี่คิดว่าข้าจะช่วยคนที่ฆ่าแม่ของข้า?"

ง่ายราวกับขยี้มดให้ตายงั้นหรือ? องค์รัชทายาทตกพระทัย เขามีอำนาจมากถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วเหตุใดเขาต้องช่วยตนด้วย?

"หรือเรื่องในตอนนั้นเกี่ยวข้องกับเวินอ๋อง? และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาคิดที่จะลอบฆ่า?" องค์รัชทายาทถาม

โม่ฉีหมิงพยักหน้า แล้วกล่าวขึ้น

"ในตอนนั้น ต้วนก้วยเฟยได้ให้กำเนิดเวินอ๋อง จากนั้นก็ให้กำเนิดหลินอ๋อง แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นฮองเฮามีอำนาจล้นมือ ต้วนก้วยเฟยเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด จึงทรงหลินอ๋องไปให้ฮองเฮาเลี้ยง

เพราะนางเป็นคนส่งหลินอ๋องไปให้คนอื่นด้วยตนเอง ต้วนก้วยเฟยจึงเคียดแค้นอยู่ในใจมาตลอด และเห็นว่าฮองเฮาเองก็เกลียดท่านแม่ของเขา ที่ตอนนั้นทรงเป็นที่รักของฮ่องเต้ จึงได้วางยาพิษในอาหารของพี่ จากนั้นก็โยนความผิดให้ท่านแม่ของข้า

ฮองเฮาจึงแค้นท่านแม่เป็นอย่างมาก และได้ทำให้เกิดไฟไหม้เพื่อแก้แค้น

เสียงของโม่ฉีหมิงเย็นยะเยือก ไม่ต่างจากลมที่กำลังพัดโชยมา

องค์รัชทายาทถอยหลังไปสองก้าว ใบหน้าของเขาซีดขาว ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขามองนิ่งที่โม่ฉีหมิง

"ต้วนก้วยเฟย ที่แท้เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้เพราะต้วนก้วยเฟย ท่านแม่ของฆ่าแค้นผิดคนมาโดยตลอด!” องค์รัชทายาทหัวเราะกับความโง่เขลา

นานครู่หนึ่ง กว่าเขาจะหยุดลง ดวงตาของเขานั้นแดงระเรื่อ เขาส่ายหน้า “แล้วเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? แล้วเหตุใดจึงพึ่งพูดตอนนี้? และยังช่วยข้าเอาไว้? หรือว่าเจ้าไม่อยากแก้แค้น?"

"แน่นอน" โม่ฉีหมิงพยักหน้า "แต่ก่อนอื่น ต้องให้ท่านพี่รู้ก่อนว่าเรื่องมันเป็นเช่นไรกันแน่ และสิ่งที่ข้าพูดนั้นต้วนก้วยเฟยเป็นคนพูดขึ้นเอง"

องค์รัชทายาทหยี่ตา “ต้วนก้วยเฟยพูดขึ้นเอง? เจ้ากำลังจะหลอกลวงข้า"

โม่ฉีหมิงยกมือขึ้น “หากท่านไม่เชื่อ ก็ให้นางพูดอีกครั้งก็ได้ หรือสองครั้งก็ย่อมได้"

องค์รัชทายาทยังคงไม่เชื่อ ไม่มีคนที่ทำผิด กล้าพูดความผิดของตนเองออกมาหรอก

อีกทั้ง ต้วนก้วยเฟยนั้นเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก นางเก็บงำความแค้นมากว่าสิบปี แล้วเหตุใดนางจึงพูดขึ้นมา?

มันเป็นไปไม่ได้ ที่นางจะสารภาพผิด ต่อให้นางตาย นางก็จะฝังความลับนี้ลงไป

"ได้ งั้นข้าจะคอยดู ว่าเจ้าใช้วิธีการได้ให้นางพูด" องค์รัชทายาทมั่นใจว่าโม่ฉีหมิงไม่อาจทำได้

โม่ฉีหมิงพยักหน้า วันนี้ถือว่าทั้งสองได้เป็นมิตรกันแล้ว พวกเขามีศัตรูคนเดียวกันคือเวินอ๋อง วันข้างหน้าเป็นอย่างไร ไว้ค่อยว่ากัน

"วันนี้เวินอ๋องใส่ร้ายว่าเจ้าเป็นกบฎ และรีบที่จะฆ่าเจ้าเพราะเหตุใด? ตำแหน่งองค์รัชทายาทนี้ เขาหมายปองมานานแล้ว" โม่ฉีหมิงกล่าวเตือน

แน่นอน อย่างไรเสียก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งองค์รัชทายาท

"ข้ารู้ หากต้วนก้วยเฟยเป็นคนทำทุกสิ่งตามที่เจ้าว่าจริง ข้าไม่มีวันปล่อยเวินอ๋องไปแน่" องค์รัชทายาทกำหมัด

แค่เพราะวันนี้เขาทำให้จิ่นชื่อตกลงเหว ชีวิตนี้เขาก็ไม่มีวันปล่อยเวินอ๋องไปแน่

ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องหาจิ่นชื่อให้เจอ จะอยู่หรือตายก็ดี

ทางด้านเวินอ๋องนั้นไม่อาจหนีไปไหนได้ เขานึกแปลกใจที่โม่ฉีหมิงมาได้เวลาพอดี

เขาชะล้าใจ ที่ทำให้โม่ฉีหมิงรู้แผน

แต่ว่าคนที่รู้แผนการนี้ก็มีเพียงเขา และต้วนก้วยเฟย นอกจากนั้นก็ไม่มีใครรู้

แม้ว่าโม่ฉีหมิงจะสามารถทายใจได้ ก็คงไม่ถึงขั้นนี้หรอก

เวินอ๋องจับที่แผลของตน แล้วกลับไปยังตำหนักเวินอ๋อง

ตอนที่เขาหนีมานั้น ไม่ทันระวังจึงถูกธนูเข้า ถึงแม้ว่าจะเอาลูกธนูออกแล้ว แต่เลือดก็ยังคงไหลไม่หยุด จนไปถึงตำหนัก

"ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไป?" บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูถามขึ้น

"อย่าส่งเสียงไป พาข้าเข้าไป แล้วไปตามหมอหลวงมา" เวินอ๋องเอาแขนพาดไว้ที่บ่าวรับใช้ เลือดสดของเขาตกลงบนพื้น

บ่าวรับใช้เนื้อตัวสั่นเทา รีบเงียบปาก แล้วพาตัวเวินอ๋องเข้าไป

"เรื่องที่ข้าได้รับบาดเจ็บนี้ ห้ามเพร่งพรายออกไป เจ้าไปตามหมอเฉินมา และอย่าลืมกำจัดคราบเลือดบนพื้นด้วย หากเรื่องนี้เพร่งพรายออกไป ข้าจะตัดลิ้นเจ้า" เวินอ๋องพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

บ่าวรับใช้ไม่กล้าพูดสิ่งใด เขาอยู่ในตำหนักเวินอ๋องมานานหลายปี จึงได้เห็นหลายคนเป็นตัวอย่างแล้ว ตอนนี้เขาจึงรีบพยักหน้า

"ท่านอ๋อง ข้าจะไม่พูดแม้แต่คำเดียวขอรับ" พูดจบ เขาก็รีบไปตามหมอเฉิน

แม้ว่าจะมืดค่ำแล้ว แต่ไม่นานหมอเฉินก็มาถึงตำหนักเวินอ๋อง เขาวางกล่องยาของคนลง แล้วเปิดดูบาดแผลโดยไม่พูดสิ่งใด

ดีที่เวินอ๋องนั้นมีร่างกายแข็งแรง และบาดแผลนี่ก็ไม่ลึกมาก เพียงแต่เขาเสียเลือดไปจำนวนหนึ่ง ต้องรีบทายาแล้วพันแผลให้เรียบร้อย

ค่ำคืนนี้ยากที่จะนอนหลับ เวินอ๋องตาสว่างจนเช้า ตอนนี้ตาของเขาแดงไปหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก