ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 381

ตอนที่ 381 พระชายาเขินอาย

ฮ่องเต้เจียเฉิงมองเห็นฎีกาที่ส่งมาให้กับเขาอย่างไม่ขาดสาย สีหน้าของเขาเริ่มซีดขาว

รายละเอียดในฎีกามีแต่เรื่องของเวินอ๋อง เรื่องของตำหนักเวินอ๋องข่าวเรื่องที่เมื่อคืนจวนเวินอ๋องถูกศัตรูมาแก้แค้นถูกแพร่กระจายออกไปทั่วภายในหนึ่งคืน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เวินอ๋องไม่รู้หายตัวไปไหน

บ้างก็บอกว่าเวินอ๋องถูกจับตัวไป บ้างก็ว่าไม่รู้ว่าศัตรูของเวินอ๋องเป็นใคร ส่งทหารออกไปตามหาแล้ว แต่ก็ไม่พบ

“เจ้าเนรคุณ เนรคุณจริงๆ ข้าบอกตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าคบค้ากับพวกชาวยุทธ ทำไมไม่เชื่อเลย” ฮ่องเต้เจียเฉิงขว้างฎีกาลงกับพื้น เขาโมโหมาก

เขาไอออกมาหลายครั้ง วันนี้ร่างกายของเขาไม่ค่อยดีเลย จ้าวกงกงรีบเข้ามาพยุงเขานั่งลง

“ฝ่าบาท ถนอมพระวรกายด้วย”

“หลีกไป” ฮ่องเต้เจียเฉิงผลักเขาออก แล้วมองไปที่โม่ฉีหมิงกับรัชทายาทที่ยืนอยู่ด้านล่าง แล้วพูดว่า “พวกเจ้าไปตามจับตัวเขากลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เขาคิดจะกบฏหรือไงกัน”

ฮ่องเต้เจียเฉิงโกรธมากจริงๆ แม้แต่สุขภาพตัวเองเขาก็ไม่สนใจแล้ว หากให้เขารู้เรื่องราวที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เขาจะเป็นยังไงนะ

เวลาของความจริงใกล้เข้ามาแล้ว โม่ฉีหมิงยิ้มมุมปาก เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรัชทายาท

เป็นถึงองค์ชายแต่กลับไปมีเรื่องกับชาวยุทธ อีกทั้งชาวยุทธยังกล้าท้าทายอำนาจราชสำนัก จัดการจวนอ๋องจนไม่เหลือชิ้นดีแบบนี้

“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า ชาวยุทธมียอดฝีมือมากมาย ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือกับน้องหก ถ้ายังไงให้ลูกไปสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อน” รัชทายาทเอ่ยปาก

ฮ่องเต้เจียเฉิงพยักหน้า “เรื่องนี้ให้รัชทายาทไปจัดการก็แล้วกัน โดยมีหมิงอ๋องคอยช่วยเหลือ จะต้องสืบเรื่องนี้กระจ่างแน่ชัด”

พวกเขารับคำสั่ง ฮ่องเต้เจียเฉิงเหนื่อยมากแล้ว ทั้งคู่ถอยกลับออกไป

หน้าปากประตูหิมะตก รัชทายาทเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วเอ่ยปากว่า “หากหมิงอ๋องมีเวลา ไปนั่งที่จวนของข้าก่อนไหม ข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะกับเจ้าหน่อย”

หลายวันมานี่รัชทายาทพอจะรู้ขอบเขตความสามารถของโม่ฉีหมิงแล้ว เมื่อเทียบกับเขา มันเหนือกว่ามาก

ส่วนเขา ก็แค่มีตำแหน่งรัชทายาทคุ้มกะลาหัวอยู่เท่านั้น เขาไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาเลย

โม่ฉีหมิงรู้ว่าเขามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ว่าตำหนักรัชทายาทห่างจากตำหนักหมิงอ๋แงมากนัก ตอนนี้เขาอยากกลับไปเจอหน้าโล่หวินหลานมากกว่า ไม่อยากไปที่ตำหนักรัชทายาท

“รัชทายาท เราไปโรงน้ำชาที่ประตูเมืองกันดีกว่า” โม่ฉีหมิงหันกลับมามองเขา

รัชทายาทเหมือนจะตะลึงไป เขาไม่คิดว่าโม่ฉีหมิงจะพูดแบบนี้ได้ แต่ว่าเขาเองก็พยักหน้า “ก็ได้ ไม่เป็นไร”

รถม้าสองคันออกจากวังหลวงไป ล้อเล่นลากเป็นรอยไปกับพื้นถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ

เมื่อมาถึงโรงน้ำชา พวกเขาก็นั่งลง เสี่ยวเอ้อยกน้ำชามาให้กาหนึ่ง กลิ่นของมันฟุ้งไปทั่วห้อง

เสี่ยวเอ้อถอยออกจากห้องไป รัชทายาทมองไปรอบๆ บรรยากาศที่นี่ไม่เลวเลย เงียบสงบมาก แต่ว่าเขากลัวว่าจะมีคนแอบฟัง

“น้องสี่ ที่นี่ไม่เลวเลยนะ แต่ว่าเมื่อเทียบกับตำหนักรัชทายาทแล้ว มันไกลเกินไป ทำไมเจ้าถึงเลือกที่นี่ล่ะ?” รัชทายาทถาม

ไม่ว่ารัชทายาทจะกินจะดื่มจะสวมใส่เสื้อผ้าอะไรก็เป็นของดีทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชาเลย

แต่ว่า เขากลับไม่เข้าใจความคิดของโม่ฉีหมิง

โม่ฉีหมิงยิ้ม “ทุกคนต่างเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของข้ากับรัชทายาทนั้นไม่ค่อยจะดีนัก หากข้าเข้าออกตำหนักรัชทายาท จะทำให้คนสงสัยได้นะ ข้าเลยเลือกที่จะมาที่นี่แทน”

แต่ว่าใบหน้าของเขามันดูไม่เหมือนเหตุผลที่เขาอธิบายมาเลย สายตาของเขามันดูอ่อนโยน เหมือนกับตั้งใจแอบซ่อนความรู้สึกอะไรเอาไว้

แต่ว่ารัชทายาทกลับไม่ได้จับผิดอะไรเขา ตอนนั้นเขาเห็นกับตาเรื่องความสัมพันธ์ของโม่ฉีหมิงกับโล่หวินหลาน ว่ามันเป็นความรู้สึกที่มั่นคงมากแค่ไหน

แต่ว่าตอนนี้ ปฏิกิริยาของโม่ฉีหมิง เหมือนกำลังจะรักคนอื่นอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าความรู้สึกก่อนหน้านี้ มันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา

เขาคิดว่าโม่ฉีหมิงจะอยู่เป็นโสดจนตายเพียงเพราะโล่หวินหลาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเปลี่ยนไปเร็วได้ขนาดนี้

“น้องสี่พูดถูก ที่จริงข้าก็แค่มีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อยแค่นั้น เจ้าให้คนไปตามหาจิ่นซื่อ เจ้าได้ข่าวอะไรบ้างไหม?” รัชทายาทเอ่ยปากถาม

ตั้งแต่ถูกโม่ฉีหมิงช่วยชีวิตเอาไว้ที่หน้าผา เขาก็นับถือเขาในเรื่องนี้มา ช่วยกันตามหาสองคน ก็ดีกว่าหาคนเดียวมาก

โม่ฉีหมิงยกชาขึ้นมาเป่า “คนที่ออกไปตามหาบอกว่าพวกเขาไม่เจอศพที่ตีนเขาเลย ไม่แน่อาจจะมีคนช่วยนางเอาไว้แล้ว หรือไม่นางก็อาจจะหนีไปได้”

การถูกคนช่วยไปมีความเป็นได้มากที่สุด หากหนีไปเองดูไม่ค่อยเป็นไปได้หน่อย

ตกลงมาจากหน้าผาสูงขนาดนั้น หากอาการหนักก็อาจจะกระดูกหักร้าว หากเบาหน่อยก็อาจจะแค่ผิวหนังถลอก นางจะลุกขึ้นมาวิ่งหนีได้ยังไงกัน

“ข้าเองก็คิดแบบนี้ ขอเพียงไม่เจอศพนาง นางก็อาจจะมีชีวิตอยู่ ยังไงก็ขอให้น้องสี่ช่วยข้าตามหาด้วยนะ” รัชทายาทเอ่ยปากร้องขอ

อำนาจในยุทธภพของโม่ฉีหมิงนั้นกว้างขวางมาก เท่าที่รัชทายาทรู้มา อย่างน้อยๆหออู๋อินโหลวก็อยู่ในกำมือของเขา

อู๋อินโหลวเป็นสถานที่แบบไหนกัน ใครก็ตามที่เคยได้ยินชื่อ ก็จะรู้ว่ามีเพียงเรื่องที่พวกเขาไม่อยากจะรู้เท่านั้น ที่พวกเขาจะไม่รู้

อยากจะให้อู๋อินโหลวออกหน้าสืบหาข่าวให้ นอกจากจะมีเงินมาก หรือไม่ก็มีของล้ำค่าไปแลก พวกเขาถึงจะรับงาน

แต่หากได้โม่ฉีหมิงช่วย เรื่องการตามหาจิ่นซื่อ ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

“เรื่องนี้ ข้าคงไม่อาจช่วยท่านได้” โม่ฉีหมิงปฏิเสธ

รัชทายาทอึ้งไป สายตาของเขาเหมือนจะเต็มตระหนก

เขาไม่ใช่จะช่วยตามหาจิ่นซื่อหรอ? ทำไมถึงไม่รับปากตามหาต่อล่ะ?

“ทำไม?” รัชทายาทถาม

“รัชทายาท เรื่องของเรา มันจำกัดอยู่แค่ในกรอบเรื่องของเวินอ๋องเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่ได้มีหน้าที่ช่วยท่าน” โม่ฉีหมิงมองไปที่เขาอย่างไร้เยื่อใย

ช่วยเขาตามหาจิ่นซื่อที่หน้าผา นั่นเป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาช่วยทำให้ได้

จิ่นซื่อเป็นคนของเวินอ๋อง ซึ่งเคยร่วมมือกับเย่เซียวหลัวมาก่อน ก็ถือได้ว่าช่วยนางในการทำร้ายโล่หวินหลาน

การให้นางมีชีวิตอยู่ ก็ถือว่าเขายอมให้มากแล้ว เพียงแต่ในอนาคต หากนางยังทำอะไรที่เป็นการข่มขู่โล่หวินหลาน เขาจะต้องส่งนางไปยังทางช้างเผือกแน่

“เจ้าพูดถูก” รัชทายาทกลับเห็นด้วยขึ้นมาแบบนั้น เขาจ้องไปที่โม่ฉีหมิง

“คนของรัชทายาท ก็ควรให้รัชทายาทไปตามหาเอง คงไม่รบกวนเจ้าหรอก” รัชทายาทพูดจบ ก็ลุกขึ้น เขากลับออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา

เขารู้จักนิสัยของโม่ฉีหมิงดี แล้วจะไปขอร้องเขาอีกให้ตัวเองเดือดร้อนทำไม?

รัชทายาทสะบัดชายเสื้อ แล้วออกไปจากโรงน้ำชาไป

คนบนท้องถนนเดินไปเดินมา โม่ฉีหมิงมองไปที่เหล่าชาวบ้าน สุดท้ายก็มองไปที่รัชทายาท

รัชทายาทพลิกตัวขึ้นหลังม้าไป แล้วขี่ไปทางที่จะไปจวน เหลือรถม้าเอาไว้ที่เดิมอย่างนั้น

เขาลูบไปที่แหวนที่นิ้วโป้งของเขา แล้วมองไปยังรัชทายาท จากนั้นก็กระซิบสั่งการกับคนที่อยู่ด้านหลัง

“ไปกำจัดพรรคที่เป็นปรปักษ์กับอู๋อินโหลว แล้วสร้างหลักฐานว่าพวกเขากลายเป็นกลุ่มคนที่ไปล้างแค้นที่ตำหนักเวินอ๋องอย่างช้ามะรืนนี้ ข้าต้องได้เห็น” น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงเย็นชามาก

เย่เฟิงตอบรับ แล้วก็ออกจากโรงน้ำชาไป โดยไม่พูดอะไรอีก

อย่างช้าวันมะรืน เรื่องทั้งหมดก็จะจบ

ต้วนกุ้ยเฟย เรื่องที่เจ้าเคยทำเอาไว้ ทุกคนในใต้หล้านี้จะต้องได้รับรู้

เขารีบกลับไปตำหนักหมิงอ๋แง ช่วงนี้ในใจของเขามันเอ่อล้นไปหมด

แต่ก่อนทุกครั้งที่กลับมาที่ตำหนักหมิงอ๋แง เขากลัวการที่จะกลับเข้าไปในห้องนอนมาก แต่ว่าในตอนนี้ เขาอยากจะกลับเข้าห้องมากที่สุด

เมื่อผ่านห้องโถงหลัก ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะกัน เสียงนั่นคุ้นเคยมาก

โม่ฉีหมิงเดินไปยังสถานที่หนึ่งในสวนดอกไม้

เขายืนอยู่ที่มุมหนึ่งของเรือน แล้วมองไปที่โล่หวินหลานที่กำลังเตะลูกขนไก่อยู่ ภาพบรรยากาศนั้นสวยงามมาก

เขายืนมองนางอย่างเงียบๆ เหมือนเวลาที่ผ่านมานั้นมันยาวนานมาก

“เสี่ยวฮัว เจ้าเก่าจริงๆเลย” อาลั่วหลันถอนหายใจอย่างเศร้าใจ

นางเองก็ถือตะกร้าไว้ในมือ แต่ว่าเมื่อเทียบกับโล่หวินหลานมันห่างชั้นมาก เตะยังไม่ถึงสิบที ก็เหนื่อยกันจนไม่ไหว

โล่หวินหลานกระพริบตา เหมือนอยากจะแสดงความสามารถให้ฟังอีก

นางเตะลูกขนไก่เข้าตะกร้า ก่อนที่ลูกจะเข้าไปมันหมุนอยู่กลางอากาศสองรอบ ถึงจะเข้า

น่าเสียหาย คนก็ไม่ใช่นางฟ้า ตอนที่นางพลิกตัว ทันใดนั้นนางก็เหยียบลงบนก้อนหิน ถลาไปด้านหลัง

โล่หวินหลานรู้ว่าตัวเองต้องเจ็บตัวแน่แล้ว แต่ว่า ความรู้สึกปวดยังไม่ทันจะมาถึง ก็เหมือนมีมือใหญ่ๆมือหนึ่งมาโอบเอวนางเอาไว้

ลูกขนไก่ที่ลอยอยู่ ถูกโม่ฉีหมิงกำเอาไว้ในมือ

“ทำไมถึงไม่ระวังเลย? ถ้าล้มไปจะทำยังไง?” หน้าของโม่ฉีหมิงโกรธมาก

หากเขามาไม่ทัน โล่หวินหลานเกิดเรื่องขึ้นมา เรื่องนี้ ใครจะรับผิดชอบ?

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าปล่อยข้าก่อน” โล่หวินหลานเอามือไปดันหน้าอกของเขา

คนอื่นเห็นมากขนาดนั้น นางก็ทำอะไรไม่ถูก

ใครจะคิด โม่ฉีหมิงมองไปที่นางเหมือนเด็ก “ไม่ ข้าจะกอดเจ้าเอาไว้แบบนี้ ให้คนอื่นได้เห็น ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงของข้าโม่ฉีหมิง”

“พูดเหลวไหลอะไรเนี่ย?” โล่หวินหลานหน้าแดง

“ไม่จริงหรือไง?” โม่ฉีหมิงท้าทายนางอีกครั้ง

ใช่ใช่ใช่ ข้าเป็นของเจ้า โล่หวินหลานเงยหน้ามองเขา สายตาของนางเต็มไปด้วยความเขินอายของหญิงสาว

“พวกเจ้าออกไปก่อน” โม่ฉีหมิงเงยหน้าไปมองสาวใช้ แล้วพูดว่า “พระชายาเขินหมดแล้ว”

เมื่อได้ยินคำว่า “พระชายา” โล่หวินหลานก็เตือนเขา “ข้าไม่ใช่โล่หวินหลานคนเดิมแล้ว เรายังไม่ได้แต่งงานกันนะ”

คำว่าแต่งงานเข้าหูของโม่ฉีหมิง มันเตือนเขาว่าเรื่องนี้สำคัญมาก

เขาก้มหน้าไปมองโลหวินหลาน แล้วแกล้งนางว่า “หวินหลาน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทนรอไม่ไหวแบบนี้ อยากจะแต่งงานกับข้าหรอ ได้ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ ไว้พรุ่งนี้ข้าเข้าห้องหอเลยดีไหม?”

ขณะที่โล่หวินหลานฟังอยู่ คำพูดของเขามันมีความหวานซ่อนอยู่

นางใจเต้นแรงมาก นางพยายามดิ้นให้หลุดออกจากตัวของโม่ฉีหมิง ใบหน้าของนางแดงมาก

“เจ้าพูดเองนิ ข้าไม่ได้เป็นคนพูด”

“ก็ได้ก็ได้ ข้าเป็นคนพูดเอง ข้าทนไม่ไหวอยากจะแต่งงานเอง ข้าเองที่อยากจะเข้าห้องหอใจจะขาด ยังไงเรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่ต้องเหนื่อย จริงไหม?”

ตั้งแต่โล่หวินหลายกลับมาเจอเขารอบนี้ ความหน้าไม่อายของโม่ฉีหมิงมันยิ่งทำให้นางเหนื่อยใจ

เพียงแต่ว่า นางยังมีฐานของพระชายาเวินอ๋องอยู่ คิดจะแต่งงานกับเขา ก็จะต้องจัดการเรื่องเวินอ๋องให้เรียบร้อยซะก่อน

โล่หวินหลานขมวดคิ้ว กัดฟัน แล้วนึกถึงเรื่องนี้

เขาอ่านใจนางออกโม่ฉีหมิงดันหัวของนางมาไว้ที่หน้าอกของเขา แล้วกอดนางเอาไว้แน่น

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าวางใจเถอะนะ ข้าจะทำให้เจ้าแต่งงานกับข้าอย่างมีเกียรติที่สุด เชื่อข้านะ” โม่ฉีหมิงพูด

เมื่อได้ยินเสียงเข้มของเขา โล่หวินหลานถึงได้เบาใจลง

ขอแค่ได้อยู่กับเขา จะแต่งหรือเปล่าก็ไม่เป็นไรเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก