ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 383

ตอนที่ 383 อาหารตะวันตกไม่อร่อย

“หาจนเจอสุดท้ายก็ต้องแยกจาก หากต้องแยกจาก สู้ไม่ต้องเจอหน้ากันจะดีกว่า ก็เหมือนในตอนแรก ช่วงเวลานั้น ข้าแทบจะไม่รอดแล้ว ยังดีที่ข้าอดทนจนผ่านมาได้” โล่หวินหลานพูดแล้วยิ้ม

เมื่อได้ยินนางอธิบาย โม่ฉีหมิงก็เอามืออีกข้างโอบขอนางเอาไว้ ใบหน้าของเขาแนบติดกับใบหน้าของนาง ไอร้อนมันส่งผ่านจากหน้าของเขาไปหน้าของนาง

“ต่อไป จะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแน่ ข้ากับเจ้าจะไม่มีวันต้องแยกจากกันอีก” โม่ฉีหมิงพูดอย่างมั่นใจ เหมือนให้คำมั่นสัญญา

โล่หวินหลานจับมือของเขาแน่นขึ้น จากนั้นก็ได้เสียงของเขาพูดขึ้นมาว่า “ไว้ผ่านไปอีกสักระยะ เราไปเยี่ยมท่านตาที่หุบเขากันนะ”

เมื่อได้ยินเขาพูดออกมาแบบนี้ โล่หินหลานรู้ทันทีว่าเขาต้องทำได้แน่ อีกไม่นาน พวกเขาจะต้องได้พบชิวโม่ไป๋

นางเอาจดหมายสองฉบับยัดเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็มัดเอาไว้กับเท้าของนกพิราบ แล้วปล่อยให้มันบินไป

โม่ฉีหมิงมองเห็นรอยยิ้มของนาง ก็รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่งดงามมาก

“เจอหรือยังเวินอ๋องแล้วหรือยัง?” โลหวินหลานเงยหน้าขึ้นมาถาม

โม่ฉีหมิงส่ายหน้า “ออกคำสั่งไปตามหัวเมืองต่างๆแล้ว คนของอู๋อินโหลวเองก็ออกตามหาไปตามเมืองต่างๆแล้ว แต่ว่าจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวเลย”

ออกไปตามหากันใหญ่โตแบบนี้ กลับยังหาตัวไม่เจอ

คืนนั้นเวินอ๋องหนีออกไปจากทางลับในตำหนักเวินอ๋องจนถึงวันนี้ก็หลายวันมากแล้ว แล้วทำไมถึงยังไม่เจอตัวเลยนะ?

โล่หวินหลานคิด “คงไม่ได้ปลอมตัวหรอกใช่ไหม? หรือว่าจะไม่อยู่ในแคว้นโม่ฉีแล้ว?”

ในเมื่อหายังไงก็ไม่เจอ คิดว่าน่าจะไม่อยู่ในแคว้นโม่ฉีแล้ว

คำพูดนี้มันเหมือนเตือนสติโม่ฉีหมิง เขากระพริบตา ปากของเขาก็ยิ้ม

“หวินหลาน เจ้าพูดถูก หากไม่ใช่ไม่อยู่ในแคว้นโม่ฉีแล้ว ทำไมเราตามหากันขนาดนี้ถึงได้ไม่เจอสักที” โม่ฉีหมิงเริ่มคิดได้

เขาละเลยเกินไป เขาคิดไม่ถึงว่าเวินอ๋องจะฉวยโอกาสหนีออกจากแคว้นโม่ฉีไป หากเขาออกจากแคว้นโม่ฉีไปแล้ว เขาจะไปที่ไหนได้นะ?

เขาจะไปแคว้นไหนนะ? แล้วไปทำอะไร?

โล่หวินหลานขมวดคิ้ว นางเอียงหัวไปมองโม่ฉีหมิง ยิ้มแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างหมิงอ๋องจะมีเรื่องที่คิดไม่ถึงเหมือนกันนะเนี้ย”

โม่ฉีหมิงโอบเอวของนางเอาไว้ แล้วกดตัวนางลง สายตาของเขาค่อยๆมองไปที่นางอย่างลึกซึ้ง

ทำไมเวลาเขาเจอหน้านาง ถึงได้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย? ทำไมทุกครั้งถึงอยากจะกดนางลงแบบนี้?

“ไม่ได้ คุยกันแล้วไม่ใช่หรอว่าต้องแต่งงานก่อนถึงจะ ...... ถึงจะทำได้?” โล่หวินหลานมองเขาด้วยความตื่นเต้น

โม่ฉีหมิงหลับตา เขาข่มอารมณ์ของเขากลับไป

การแต่งงาน ....... การแต่งงาน

“ข้าทนไม่ไหวแล้ว หวินหลาน” เขาโน้มตัวลงจูบปากของนาง

โล่หวินหลานโอบคอของเขาเอาไว้ แล้วรับการจูบของเขา ไม่รู้ว่าทำไม ครั้งนี้นางไม่อยากคัดขวางเขาอยู่

แต่ว่า โม่ฉีหมิงเอาปากออกจากปากนาง ใบหน้าของเขาบดบังหน้าของนางเอาไว้ เขาพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองกลับไป

เขาจะหลุดตอนนี้ไม่ได้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด จะต้องเก็บไว้ในคืนเข้าหอ

โล่หวินหลานมองไปที่เขาด้วยสายตาที่น่าหลงใหล ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำ สายตาของนางนั้นลึกซึ้งมาก

โม่ฉีหมิงไม่กล้าสบตานางอีก เขาหันตัวกลับไป

หากมองอีก เขากลัวว่าตัวเขาอาจจะทำอะไรลงไปกับนางก็ได้

“ข้า ข้าออกไปก่อนนะ คืนนี้ค่อยกลับมากินข้าวเย็นกับเจ้านะ” เสียงของโม่ฉีหมิงแหบ แล้วรีบลุกออกไปทันที

เห็นเงาที่รีบร้อนของเขาเดินออกไป โล่หวินหลานก็อดหัวเราะไม่ได้

คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อนางแล้ว เขาจะอดกลั้นอารมณ์ได้มากขนาดนี้

“คืนนี้กลับมาเร็วๆนะ ข้าจะรอเจ้า” โล่หวินหลานทิ้งระเบิดเอาไว้ให้เขาอีกลูก น้ำเสียงนี่มันหวานจนอยากจะบ้าตาย

โม่ฉีหมิงแกล้งทำเป็นนิ่งแล้วพยักหน้า เขาตอบรับอืม แล้วออกจากห้องไป

อากาศหนาวภายนอกทำให้ความร้อนรุ่มในตัวของเขานั้นสงบลง เขายืนอยู่กลางเรือนในจวน แล้วปล่อยให้หิมะโปรยปรายลงมา

มีเพียงเท่านี้ เขาถึงจะสงบลงได้

ฉินหยิ่นโผล่มาด้านหลังเขาโดนไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาพูดเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง เมื่อคืนนี้ เราทำการกำจัดกองกำลังจากยุทธภพเล็กที่ด่านเย่นเหมิน”

เมื่อเห็นคำว่าด่านเย่นเหมิน โม่ฉีหมิงลืมตาขึ้นมา

เวินอ๋องเคยอยู่ด่านเย่นเหมินช่วงหนึ่ง อีกทั้งทำให้เขาได้รู้จักกับเย่เซียวหลัว ดังนั้น การที่จะรู้จักชาวยุทธที่นั่น ถือว่าไม่แปลก

“ทำได้ดี พาข้าไปดูหน่อย” โม่ฉีหมิงพูดเสียงเข้ม

ฉินหยิ่นรับคำ แล้วจากไป

พอกลับมาในช่วงค่ำ โล่หวินหลานก็กำลังยุ่งอยู่ในครัว วันนี้นางอารมณ์ดี เลยอยากจะนั่งกินข้าวใต้แสงเทียนกับโม่ฉีหมิง

ผลที่ได้คือ ......

ไฟได้ที่แล้ว สเต็กเนื้อก็สุกได้ที่แล้ว

โม่ฉีหมิงจ้องไปที่เดิม ของดำๆ แข็งๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขา

“นี่ มันคืออะไร?” เขามวดคิ้วแล้วมองไปที่โล่หวินหลาน

โล่หวินหลานขมวดคิ้วมองไปที่เขา “มันเรียกว่า สเต็กเนื้อ อาหารตะวันตกน่ะ”

เห็นนางพูดจาเหลวไหล โม่ฉีหมิงถามด้วยความสงสัยว่า “อาหารตะวันตกอะไรกัน?”

คนโบราณยังไม่ได้ฉลาดเท่ากับคนสมัยใหม่ โล่หวินหลานกดไหล่ของเขาให้เขานั่งลง

“ไม่ต้องสนใจแล้วว่าจะอาหารตะวันตกตะวันออก รีบลองชิมสเต็กฝีมือข้าเร็ว รับประกันว่ารสชาติดีมากแน่นอน” โล่หวินหลานเอามือยื่นให้กับเขา

“แล้วนี่มันอะไรอีก? กินข้าวต้องใช้มีดด้วยหรอ? รีบเอาไปเก็บเดี๋ยวนี้” โม่ฉีหมิงจ้องไปที่มีดในมือของนาง

เขากลัวว่ามีดจะทำให้โล่หวินหลานบาดเจ็บ เลยรีบหยิบมันมา

โล่หวินหลานมองเห็นเขาโยนมีดในมือไป นางจ้องมองเขา สายตาของนางเหมือนหมดคำพูด ไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อดี

“มันใช้สำหรับกินข้าว เจ้าเนี้ยนะ ......” โล่หวินหลานมองไปที่โม่ฉีหมิงอย่างหมดคำพูด

นางเก็บมีดขึ้นมา แล้วก็ทำให้โม่ฉีหมิงดู ว่าควรจะทำยังไง

หลังจากที่นางตัดเนื้อสเต็กเนื้อออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วยื่นไปให้โม่ฉีหมิงกิน เขาทำหน้าประหลาดมาก

แต่ว่า จากนั้นไม่นานก็กลับมาปกติ ขมวดคิ้วยิ้มแล้วมองโล่หวินหลาน จากนั้นก็กลืนลงไป

“อร่อยมาก ฝีมือของเจ้าดีมากเลย”

โล่หวินหลานยิ้ม นางลงมือหั่นสเต็กเป็นชิ้นๆแล้ววางในจานของโม่ฉีหมิง สุดท้ายก็เอาเข้าปากของตัวเองไป

แต่ว่า เมื่อกินเข้าไปแล้วมันเหมือนกับเป็นก้อนหิน นางก็หน้าเสียไปแล้วมองไปโม่ฉีหมิง นานๆจะเข้าครัวสักครั้ง แต่ทำไมมันถึงได้ล้มเหลวแบบนี้

นางอ้วกเสต็กเนื้อออกมา แล้วดันจานอาหารที่หน้าของโม่ฉีหมิงออกไป

“อย่ากินนะ อย่ากินนะ ให้ทางห้องครัวทำอาหารมาใหม่เถอะ” โล่หวินหลานมองเขาด้วยความเขิน

เดิมคิดอยากจะให้เขาประหลาดใจ ลองชิมฝีมืออาหารของเขา คิดไม่ถึงว่าสเต็กที่หน้าตาไม่ดี รสชาติยังแน่อีกด้วย

“ข้าคิดว่ามันอร่อยมากเลยนะ หวินหลาน นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้าครัวทำอะไรให้ข้ากิน ข้าจะทำให้เจ้าเสียน้ำใจได้ยังไง?” โม่ฉีหมิงยิ้ม

แต่ในสายตาของนาง มันแข็งกว่าก้อนหินซะอีก

“งั้นข้าจะทำให้เจ้าอีก วางใจได้ ครั้งหน้าจะไม่แย่ขนาดนี้” โล่หวินหลานตบหน้าอกของตัวเอง

ในเมื่อเขารักษาของที่นางทำ นางเองก็จะรักษาของของเขาเช่นกัน

โล่หวินหลานยิ้ม เขาทำหน้าประหลาดเข้าใกล้โล่หวินหลาน เขาพูดว่า “ที่จริง สิ่งที่ข้าอยากจะกิน เจ้าเองก็น่าจะรู้?”

โล่หวินหลานหูแดง ไม่รู้ว่าหน้าร้อนผ่าว

เสียงของเขาเหมือนมีเวทย์มนต์ มันวนเวียนข้างหูนางตลอด ทำให้จิตใจของนางไม่สงบเลย

“หวินหลาน” เขาดึงคางของนาง แล้วสบตาของนาง

“ข้าจะไปสั่งให้ห้องเครื่องทำอะไรให้เจ้ากินใหม่นะ เจ้ารอข้าเดี๋ยว” โล่หวินหลานหันไปแล้วหายไปเลย

เห็นนางออกไปอย่างลนลาน โม่ฉีหมิงก็รู้สึกสนุกขึ้นมา

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหน้าด้านขึ้นมากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

โม่ฉีหมิงยิ้ม แต่จากนั้นไม่นานก็นิ่งลง แล้วมองไปที่ประตู

“ออกมา” เสียงของเขานิ่ง

สายตาของเขามองไปที่นอกประตู ไม่นานนัก หมิงซีก็โผล่มาให้โม่ฉีหมิงเห็น

เขาค่อยๆเดินเข้ามา สีหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้ม สายตาทั้งคู่นิ่งมาก เหมือนกับว่าอยู่ข้างกายเขานั้นมันปลอดภัย

“ทำไมถึงเป็นเจ้า?” โม่ฉีหมิงเอ่ยปากถาม

“แล้วหมิงอ๋องท่านคิดว่าจะมีใครกล้าบุกจวนท่านอีกงั้นหรอ?” หมิงซีเดินมาหาเขา

“มีธุระอะไร?” โม่ฉีหมิงถามอย่างไร้เยื่อใย

หมิงซีนั่งอยู่ตรงหน้าเขา สายตาจ้องไปที่เขา

“ข้ารู้เรื่องของเจ้ากับเสี่ยวฮัว นางบอกข้า ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาได้ ตอนที่เสี่ยวฮัวยังไม่ลงจากเขา” หมิงซีพูด

ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก หมิงซีเห็นเขาครั้งแรกก็รู้ได้ทันที

ถึงแม้เสี่ยวฮัวจะฉลาดเกินคน แต่ว่าอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ กลับไม่มีความฉลาดหลงเหลืออีกเลย เทียบเขาไม่ติดเลย

หากโม่ฉีหมิงไม่ได้ชอบเสี่ยวฮัวจริง การอยู่กับเขา มันก็เป็นภัย

“เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่?” โม่ฉีหมิงไม่อยากให้เขาอ้อมค้อมอีก

หมิงซียิ้มแห้ง “ข้าแค่บอกว่า เสี่ยวฮัวเป็นผู้หญิงที่ดี หากเจ้าให้นางอยู่ที่นี่เพราะผลประโยชน์ ข้าขอให้เจ้าล้มเลิกความคิดนั้นซะ”

เขามองไปที่หมิงซี โม่ฉีหมิงย้อนถามกลับไปว่า “เจ้าใช้ตาข้างไหนมองว่าข้ากำลังหลอกใช้นางอยู่งั้นหรอ?”

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว สรุปแล้ว วันนี้ข้าแค่อยากจะมาบอกเจ้าว่า เสี่ยวฮัวชอบเจ้ามากจริงๆ หากเจ้าเองก็ชอบนาง ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องแต่งงานกับนาง” หมิงซีพูด

หากเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะยังมีสิทธิ์อะไรไปชอบนางอีก?

“แน่นอน” โม่ฉีหมิงยิ้ม

“ยังมีอีก เสี่ยวฮัวแต่งงานให้กับเวินอ๋อง เพราะจำเป็น ในเมื่อเจ้ายินดีที่จะให้นางอยู่กับเจ้า เรื่องนี้เจ้าก็ต้องปกป้องนางด้วย ไม่งั้น ข้าคนแรกที่จะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้”

โม่ฉีหมิงพยักหน้า การที่โล่หวินหลานแต่งงานกับเวินอ๋อง เขารู้ดีมาตลอด เขารู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ตาม เขามีแค่โล่หวินหลานคนเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ใช่ ตอนนี้ก็ใช่

หมิงซีได้ยินเขารับปากทุกเรื่อง เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ

เรื่องที่อาจารย์ฝากฝั่ง ตอนนี้สำเร็จแล้ว?

หลังจากที่เสี่ยวฮัวกับโม่ฉีหมิงแต่งงานกันแล้ เขาก็สามารถออกจากเมืองหลวงแล้วกลับไปที่หุบเขาได้แล้วงั้นสิ?

เขาเดินไปที่หน้าประตู ก็เห็นโล่หวินหลานที่กำลังเดินเข้ามา

“หมิงซี ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่? มาเข้ามาคุยกันก่อน ......” โล่หวินหลานตาเป็นประกาย กำลังลังจะลากเขามาถามเรื่องอาลั่วหลัน คิดไม่ถึงเขากลับส่ายหน้า

“ไม่ล่ะ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอีก” หมิงซียิ้มให้นาง แล้วก็กลับออกไป

“หมิงซีเป็นอะไรไป?” โล่หวินหลานถามอย่างสงสัย

โม่ฉีหมิงเก็บสายตาเย็นชาเมื่อครู่ แล้วยิ้มให้นาง “ไม่มีอะไรหรอก เขามาหาข้า เขาเหมือนจะเป็นห่วงเจ้ามากนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก