ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 384

ตอนที่ 384 ยุทธภพเย่นเหมิน

หมิงซีคงไม่ได้พูดอะไรกับเขาไปหรอกนะ?

โล่หวินหลานนั่งลง แล้วพูดว่า “หมิงซีดูแลข้าดีมาตลอด ท่านตาสั่งให้เขาลงเขามาคุ้มครองข้า ก็ต้องเป็นห่วงข้ามากเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ว่าคนที่หมิงซีชอบคืออาลั่วหลัน”

ถึงแม้ตอนนี้หมิงซีจะไม่รู้ตัว แต่ว่าคนที่มองอยู่ข้างๆอย่างโล่หวินหลานนั้นรู้ดี

เมื่อได้ฟังโล่หวินหลานอธิบาย โม่ฉีหมิงก็ยิ้ม ในที่สุดนางก็รู้ว่าควรจะใส่ใจความรู้สึกเขายังไงแล้ว นางถึงได้อธิบายออกมามากขนาดนี้

แต่ว่าคนที่หมิงซีชอบ เขาไม่ได้สนใจจะรู้เลย เขารู้แค่ว่าในใจของโล่หวินหลานมีเขาก็เพียงพอแล้ว

“ข้ารู้” โม่ฉีหมิงพยักหน้า

แม้แต่หมิงซียังดูออกเลยว่าโล่หวินหลานชอบเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ทั้งสองกินอาหารค่ำแล้ว โล่หวินหลานก็นอนดูหิมะในอ้อมแขนของเขา หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาไม่หยุด มันเหมือนกับดอกไม้ไฟที่สวยงามมาก

หิมะเต็มเรือนไปหมด หมิงซีเดินลำบากมาก ในใจของเขามันเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง มันเจ็บปวดมาก

แต่ว่ามันอธิบายไม่ถูกว่าเขาเจ็บเพราะอะไร ในหัวของเขามันมีแค่ภาพที่ได้เจอโล่หวินหลานครั้งแรก นางเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยที่เข้ามาอยู่ในโลกของเขา แต่สุดท้าย ก็หนีออกจากโลกของเขาไป

ดังนั้น เขาเลยรู้สึกเจ็บปวดงั้นหรอ?

“เฮ้ หมิงซี เจ้าเป็นอะไรไป?” อาลั่วหลันพูดดังมาจากด้านหลังของเขา หมิงซีสะดุ้ง ไม่ได้เดินหน้าต่อไปอีก

อาลั่วหลันยิ้มหัวเราะหยุดอยู่หน้าเขา นางเดินตามเขามา แต่เขากลับไปรู้ตัวเลย ที่จริงแล้วเขามีปฏิกิริยาไวมากไม่ใช่หรือไง?

“เจ้าเป็นอะไรไป?” หมิงซีจับหัวแล้วค่อยๆจัดระเบียบความคิดของตัวเอง

“เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้าออกมาจากห้องครัว ทำไมเหมือนใจเจ้าไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย? ข้าเดินตามเจ้ามาตั้งนานเจ้ายังไม่รู้ตัวเลย?” อาลั่วหลันเดินมาตรงหน้าเขา ยิ้มแล้วพูด

หมิงซียืนเอามือไขว้หลัง แล้วมองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าเขา สายตาของเขาไม่มีความแปลกใจเลย

“ข้ารู้ว่าเจ้าตามข้ามา เพียงแต่ข้าไม่ได้อยากจะสนใจก็เท่านั้น วรยุทธ์ของเจ้าก้าวหน้าบ้างหรือเปล่า?” หมิงซีถาม

หากไม่ใช่เพราะอาลั่วหลันตามตื้อเขาไม่หยุด เขาคงไม่รับปากสอนวรยุทธ์ให้นางหรอก

นิสัยอย่างองค์หญิงของนางแก้ไม่หายจริงๆ ฝึกได้ไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็บอกว่าเหนื่อยแล้ว นิสัยที่ฉลาดมีเล่ห์กลแบบนี้ มักจะหาข้ออ้างในการฝึกให้น้อยลง

“อืม ข้าฝึกอยู่ตลอดเลย ตอนนี้พวกนางมักจะต้องตกใจในฝีมือของข้า ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ข้าเลย” อาลั่วหลันเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างมั่นใจ

หมิงซีมองไปที่ด้านหลังนางอย่างตะลึง พวกนางเดินห่างจากนางไปเกือบสามเมตร ไม่กล้าเข้ามาใกล้เลย

แสดงว่าพวกนางจะต้องถูกนางจับมาฝึกบ่อยๆแน่ เลยคิดว่าวรยุทธ์ของตัวเองก้าวหน้าไปมาก

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ข้าจะทดสอบวรยุทธของเจ้า”

สายตาของหมิงซีนิ่งมาก เขาลงมือรวดเร็วและเด็ดขาด มันเร็วจนอาลั่วหลันมองไม่ทัน

เดิมนางอยากจะบอกว่าไม่ได้ แต่ว่าหมิงซีไม่ได้เปิดโอกาสให้นางได้พูดเลย

วรยุทธของนางก็แค่ได้ผิวเผิน จะไปเทียบกับการหมิงซีได้ยังไง ไม่เกินสองกระบวนท่า ก็ถูกเขาบีบจนล่าถอย

“ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว หมิงซี”

อาลั่วหลันถอย นางคิดอยากจะถอยหนีจากวงล้อมของเขา แต่พอหันตัวกลับถูกเขาจับทางได้

เขาพลิกตัวไปอยู่ด้านหลังของนาง จากนั้นก็จับนางไว้เหมือนลูกนก ท่าทางพ่ายแพ้หมดคราบ

“เจ็บนะ” อาลั่วหลันตกใจ

หมิงซีขมวดคิ้วแล้วมองไปที่นาง แล้วปล่อยมือ วันนี้เขาเหมือนเป็นบ้าไป?

เมื่อกี้เขาระบายอารมณ์ใส่ไปบนตัวของอาลั่วหลันทั้งหมด เมื่อไม่ได้มา ก็ระบายอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้เลยหรอ?

เขารีบร้อนหันไป แล้วพูดว่า “ยังเร็วไม่พอ แรงไม่มี กลับไปฝึกมาอีก”

จากนั้นเขาก็หันหลังไปแล้วเดินจากไปทันที

เขาใช้สองมือมานวดหัว สายตาของอาลั่วหลันเห็นอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

ทำไมคืนนี้เขา ดูไม่เหมือนที่ผ่านมาเลย?

นอกเมืองหลวง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งควบม้าเข้ามาในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว คนที่ขี่ม้านำหน้ามานั้นท่าทางสง่างาม เขาสวมชุดดำสีหน้าเย็นชามาก

ม้าที่เขาขี่ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ มันกำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งตามที่ถูกบังคับ

ตลอดเส้นทางมันวิ่งผ่านเข้าไปยังเมืองหลวง

ด้านหลังของเขามีรถผู้ต้องหาอยู่คันหนึ่ง ด้านในมีคนที่ถูกจับเอาไว้มากมาย แต่ว่าหน้าตาของพวกเขาดูนิ่ง ไม่ได้มีท่าทางร้อนใจอะไรเลย

เมื่อเข้ามายังเมืองหลวงแล้ว โม่ฉีหมิงก็ตรงเข้าไปยังห้องอักษรทันที

ตั้งแต่เมื่อคืน เขาพาคนไปยังด่านเย่นเหมิน เขาจับเหล่านักฆ่าที่มีความแค้นกับเวินอ๋องกลับมาโดยไม่ได้แวะพักเลย

เขาฉวยโอกาสเวินอ๋องยังไม่กลับมายังเมืองหลวง จัดการเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย

“เสด็จพ่อ ลูกได้จับชาวยุทธที่มีความแค้นกับเวินอ๋องจากด่านเย่นเหมินมาแล้วพะยะค่ะ เสด็จพ่อต้องการจะสอบสวนเองหรือไม่พะยะค่ะ” โม่ฉีหมิงถาม

หลังบัลลังก์มังกร ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกดีใจมาก สามารถจับพวกมันกลับมาได้ถือเป็นผลงานใหญ่หลวง แต่น่าเสียดาย เวินอ๋องไม่ได้ถูกจับกลับมาด้วย

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว เขาถามย้ำกลับไปอีกรอบว่า “เสด็จพ่อ ลูกกังวลว่าชาวยุทธพวกนี้จะป่าเถื่อนเกินไป หากเสด็จพ่อสอบสวนเอง อาจจะมีภัยได้ ถ้ายังไงให้ลูกสอบสวนแล้วถวายเป็นรายงานให้เสด็จพ่อดีไหมพะยะค่ะ?”

ขอเพียงสามารถคุมการสอบสวนเอาไว้ในมือ ก็เหมือนเรื่องนี้อยู่ในมือของเขาทั้งหมด

ฮ่องเต้เจียเฉิงขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่รัชทายาท เหมือนถามความเห็นของเขา

“เสด็จพ่อ น้องสี่พูดถูก ชาวยุทธป่าเถื่อนเกินไป หากเสด็จพ่อสอบสวนเอง เกิดเสด็จพ่อเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ยังไง? ถ้าไงให้พวกเราไปสอบสวนดีกว่านะพะยะค่ะ”

รัชทายาทเหลือบไปมองโม่ฉีหมิง ก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงจะฟังที่เขาพูดหรือเปล่า

“พวกเจ้าลุกขึ้นมาเถอะ ในเมื่อทำเพื่อข้า ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเจ้าจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน จะต้องรายงานผลให้ข้าอย่างละเอียด” ฮ่องเต้เจียเฉิงขมวดคิ้วพูด

“น้องสี่ ลำบากเจ้าแล้ว กลับมาจากด่านเย่นเหมินไกลขนาดนั้น” รัชทายาทยิ้มอ่อน ดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ลำบากอะไรกัน? มันก็อยู่ในหน้าที่ที่ควรทำอยู่แล้ว” โม่ฉีหมิงขึ้นนั่งบนหลังม้า

เขาก้มหน้ามองมาที่รัชทายาท แสงแดดส่องมาที่ตัวของเขา ทำให้หน้าของเขามันถูกบดบังไปด้วยแสงแดด ดูดีมากที่เดียว

“ภายในสามวัน น้องสี่ทำได้เร็วมาก” รัชทายาทเดินหน้าขึ้นมา แล้วพูดที่ข้างหูเขา

แผนของพวกเขามีแค่สามวัน ตัดการเดินทางไปกลับสามวันจากด่านเย่นเหมิน ก็มีเพียงโอกาสเล็กๆเท่านั้น

จะสำเร็จไหมอยู่ที่คน ขอแค่พวกเขาวางแผนอย่างดี ก็จะสามารถบรรลุความต้องการของตัวเองได้

โม่ฉีหมิงยิ้ม แล้วออกจากวังไปทันที

คนที่อยู่ในกรงขังเงยหน้ามองมาที่โม่ฉีหมิง สายตาของเขามีแต่ความแค้น

“พาตัวไปที่ห้องขัง” โม่ฉีหมิงหันไปเหลือบมอง แล้วก็สั่งเสียงเข้ม

ขันทีข้างๆก็เป็นคนรู้ความ ในตอนนี้โม่ฉีหมิงสั่งมาแบบนี้ เขาก็รีบนำตัวไปยังห้องขังทันที

เงาของเขาค่อยๆหายออกไปจากวังหลวง เขาเดินออกไปจากประตูหนานเหมินไปอย่างช้าๆ

สายตาของคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความแค้น นอกจากความแค้นแล้ว มองอารมณ์อย่างอื่นไม่ออกเลย มือของพวกเขาจับไปที่ลูกกรง ต่อให้เล็บจะหักตอนนี้ก็ไม่มีความรู้สึกอะไร

แต่ว่าเงาของโม่ฉีหมิงออกจากวังหลวงไปแล้ว สายตาของเขาก็ยังมองไม่หยุด

โม่ฉีหมิง ตอนนั้นที่ไม่ได้กำจัดเจ้าไป เป็นความผิดของข้าเอง

เห็นเจ้าน่าสงสาร เลยไว้ชิวิตเจ้าเอาไว้เป็นเรื่องที่ข้าไม่ควรทำ หากไม่มีเจ้า ทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างนี้?

ลูกของข้าไม่รู้อยู่ที่ไหน ข้าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอ? ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้อีกไหม?

ดังนั้น ข้าจะตายก่อน หรือว่าเจ้าจะตายก่อน ยังไม่มีใครรู้ เจ้าก็ไม่มีทางชนะได้เร็วขนาดนั้นหรอก

“พระสนม ท่านมาตรงนี้ได้ยังไง? ลมหนาวมากเลยนะเพคะ ท่านรีบกลับเข้าไปดีกว่า” นางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยปากถาม

เสื้อคลุมหนาถูกคลุมให้กับพระสนมต้วนกุ้ยเฟย ทำให้นางอุ่นขึ้น

“เบาหน่อย เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไง?” ต้วนกุ้ยเฟยตำหนิ

นางกำนัลถูกตำหนิ ก็ก้มหน้าลง แล้วพูดว่า “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”

เห็นสายตาของนางแดงก่ำ ต้วนกุ้ยเฟยก็รู้สึกว่าเสียบรรยากาศ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ แล้วจะไปทำอะไรได้?

“ร้องอยู่นั่นน่ะ ทำเป็นแค่นี้หรอ ข้ายังไม่ตายซะหน่อย รอข้าตายก่อนแล้วค่อยร้อง” ต้วนกุ้ยเฟยตำหนิอีกครั้ง

เมื่อหันหลังกลับมา รัชทายาทก็มายืนอยู่ตรงหน้าของนางเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ราศีของรัชทายาทมันแยงตาของนางทำให้นางรู้สึกเจ็บปวด สายตาคู่นั้นมันเต็มไปด้วยความตกใจ

“ถวายพระพรพระสนมเอก ความงามของพระสนมยังเหมือนเดิม จะตายได้ยังไง? คำพูดไม่มงคลแบบนี้ อย่าพูดจะดีกว่า” รัชทายาทยืนไขว้มือแล้วยิ้ม

ต้วนกุ้ยเฟยตะลึงไป แล้วถอยหลัง

“รัช รัชทายาท ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ต้วนกุ้ยเฟยใจเต้นแรงมา นางรู้สึกกลัวที่จะต้องมองเขา

“ทำไม? ข้าอยู่ตรงนี้แปลกมากหรอ? ที่นี่ไม่ใช่วังหลัง ไม่ใช่ห้องบรรทมของเสด็จพ่อด้วย แต่การที่พระสนมมาอยู่ตรงนี้มันน่าแปลกกว่าจริงไหม?” รัชทายาทมองไปที่นาง

คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอรัชทายาทที่นี่ อีกทั้งยังคิดไม่ถึงเลยว่ารัชทายาทจะมาถามเหตุผลกับนาง

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เดาใจคนได้ยากมากกว่าเดิมอีก

เห็นต้วนกุ้ยเฟยตื่นตระหนกมาก เขาก็รู้สึกพอใจ ถูกจับได้ว่าแอบดูการเคลื่อนไหวขององค์ชาย หากทูลเสด็จพ่อเรื่องนี้ มีโทษแน่นอน

“พระสนม หากท่านตอบไม่ได้ ข้าคงต้องทูลให้เสด็จพ่อทราบ ให้เสด็จพ่อเป็นคนตัดสินเรื่องนี้” รัชทายาทบีบ

“รัชทายาท ที่นี่คือวังหลวง ข้ามาชมดอกพลัม ก็เลยเดินมาถึงตรงนี้ มันมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?” ต้วนกุ้ยเฟยหักกิ่งดอกพลัมด้านข้างมา แล้วยิ้มตอบ

นางหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้ดี เวินอ๋องไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน นางจะมีอารมณ์มาชมดอกไม้อีกหรอ?

ดูท่าเรื่องของเวินอ๋องจะส่งผลต่อนางมากทีเดียว

“พระสนมนี่อารมณ์สุนทรีนะ ในเวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์มาชมดอกไม้ได้อีก? น้องหกไปอยู่ไหนไม่มีใครรู้ หากพระสนมทราบ รบกวนบอกให้ข้ารู้ที”

รัชทายาทเป็นคนฉลาดมาก ท่าทางของเขาเหมือนการประกาศชัยชนะ

เวินอ๋อง เวินอ๋อง เวินอ๋องอีกแล้ว ต้วนกุ้ยเฟยสูดลมหายใจ ไม่เอาเวินอ๋องมาข่มขู่นางไม่ได้หรือยังไง?

นางมองไปที่รัชทายาทด้วยสายตาดุร้าย สายตาของนางดูน่ากลัวมาก แต่ว่ารัชทายาทกลับยิ้มตอบกลับให้กับนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก