ตอนที่ 385 วางแผนช่วยตัวเอง
สุดท้ายแล้วเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้อารมณ์ของตัวเองนั้นนิ่ง ต้วนกุ้ยเฟยหันไปมองนางกำนัล แล้วยื่นมือออกไป
“พยุงข้ากลับไปที” ต้วนกุ้ยเฟยไม่มองรัชทายาทอีก แล้วก็เดินจากไปทันที
เงาจากด้านหลังของนางผอมลงไปมาก ร่างกายอ่อนแรง แทบจะไม่มีราศีของพระสนมเอกอยู่อีก นางผอมแห้งลงไปเยอะมากจริงๆ
รัชทายาทหุบยิ้ม แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง? อนาคต นางยังมีเรื่องต้องเผชิญอีก
ผ่านทางโค้งไปได้ ต้วนกุ้ยเฟยสะบัดมือของนางกำนัลออก
ตอนที่ออกมาจากตรงนั้น นางรู้สึกว่าสายตาของรัชทายาทยังคงอยู่รอบกายนาก มันเหมือนลูกไฟที่คอยเผารอบตัวนาง
รัชทายาทคิดจะแก้แค้นนาง นางต้องหาวิธีช่วยให้ตัวเองรอด
นางรีบกลับไปที่ตำหนักของนาง แล้วสั่งให้นางกำนัลไปตามเย่เซียวหลัวมา ในเวลานี้ มีเพียงเย่เซียวหลัวคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยนางได้
ก่อนหน้านี้คนที่คอยวางแผนให้นางก็มีแค่เย่เซียวหลัว ยังดีที่ยังมีนางอยู่ ยังมีคนคอยให้คำปรึกษา เรื่องนี้ยังพอมีทางออก
ภายในห้องเงียบสงบมาก ต้วนกุ้ยแฟยนั่งไม่ติดเก้าอี้เลย นางมองไปที่ดอกพลัมที่อยู่นอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้?
เวินอ๋องนะเวินอ๋อง เจ้าหายไปไหนนะ?
ในวังหลวงไม่สงบ หากเจ้าหนีไปได้ไกล ก็ไม่ต้องกลับมอาอีก
ตอนที่เย่เซียวหลัวเดินเข้ามา ต้วนกุ้ยเฟยกำลังนั่งถอนหายใจอยู่ สายตาของนางไร้ความรู้สึก ดูว่างเปล่ามาก
“เสด็จแม่ ท่านรีบร้อนอยากจะพบข้า มีเรื่องอะไรหรอ?” เย่เซียวหลัวเห็นท่าทีของนาง ก็รู้ทันทีว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีแน่
เมื่อได้ยินเสียงของนาง ต้วนกุ้ยเฟยเองก็เหมือนจะหายใจแรงขึ้นมา
“เจ้าได้ยินเรื่องชาวยุทธบุกแก้แค้นจวนเวินอ๋องแล้วใช่ไหม? ตอนนี้เวินอ๋องไม่รู้ไปไหน ข้าไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยอยากหารือกับเจ้าดู” ต้วนกุ้ยเฟยจับมือของเย่เซียวหลัว แล้วพูด
เย่เซียวหลัวเองก็นั่งลงข้างๆต้วนกุ้ยเฟย ถึงแม่นางจะอาศัยอยู่ในวังหลวงมานาน แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนางก็ได้ข่าวเร็วมาก
“เสด็จแม่ หม่อมฉันแต่งงานกับเวินอ๋องมาก็นานแล้ว รู้เรื่องของเขาดี เขาไม่เคยคบค้ากับชาวยุทธเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายเขาแน่นอน”
สายตาของเย่เซียวหลัวนิ่งมาก คิดไม่ถึงเลยว่าทำไมคนๆนั้นถึงได้หาข้ออ้างแบบนี้ออกมาได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่จวนเวินอ๋อง
“ตอนที่เวินอ๋องอยู่ที่ด่านเย่นเหมิน เคยได้ไปมาหาสู่กับพวกเขาไหม?” ตอนนั้นเวินอ๋องกับเย่เซียวหลัวกลับมาจากด่านเย่นเหมินพร้อมกันอาจจะรู้เรื่องอะไรบ้างก็ได้
ด่านเย่นเหมินเป็นพื้นที่ยากจน ถึงจะมีชาวยุทธอยู่บ้าง แต่ว่าก็ไม่เคยเห็นเวินอ๋องไปยุ่งกับใคร คนที่มาให้เขาช่วยเหลือก็พอมี แต่ก็ไม่เห็นเขาจะเคยรับปาก
“เสด็จแม่ ตอนที่อยู่ที่ด่านเย่นเหมินท่านอ๋องไม่เคยไปยุ่งกับพวกชาวยุทธเลยเพคะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในเมืองหลวง จะต้องเป็นรัชทายาทแน่ที่ใส่ร้ายเขา เราต้องหาทางแก้ไขเพคะ” เย่เซียวหลัวพูด
ต้วนกุ้ยเฟยตาเป็นประกาย “หลัวเอ๋อ เจ้ามีวิธีหรอ?”
ไม่มีวิธีก็ต้องคิดออกมาให้ได้ จะให้เวินอ๋องเดือดร้อนไม่ได้ ไม่งั้นนางก็จะไม่มีทางได้เจอหน้าเขาอีก
“เสด็จแม่ เรื่องนี้จะให้พวกเขาพูดฝ่ายเดียวไม่ได้ เราต้องสืบให้แน่ชัดก่อน รัชทายาทกับหมิงอ๋อง หินสองก้อน ช้าเร็วก็ต้องกำจัดมันไป” สายตาของเย่เซียวหลัวดุดันมาก
วันนี้บังเอิญไปเจอรัชทายาทโดยบังเอิญ ทำให้ต้วนกุ้ยเฟยตกใจขวัญกระเจิงไปแล้ว
รัชทายาทที่ดูอ่อนแอเมื่อก่อนก็มีช่วงเวลาที่ผยองได้เหมือนกัน นางเกือบจะพูดความจริงออกไปแล้ว
รัชทายาทกับโม่ฉีหมิงยังไงก็ต้องกำจัด แต่ว่าในมือของนางตอนนี้ไม่มีคนที่ไว้ใจได้เลย คิดอยากจะกำจัดพวกเขา มันไม่ง่ายขนาดนั้น
“ได้ หลัวเอ๋อเรื่องนี้ก็ให้เจ้าไปจัดการล่ะกัน หวังว่าเจ้าจะช่วยเวินอ๋องได้นะ” ต้วนกุ้ยเฟยตกหลังมือของนางเบาๆ
อาลั่วหลันรีบไปที่หน้าประตูห้องของโล่หวินหลาน นางมาราวกับพายุ
“เป็นอะไร ทำไมรีบร้อนแบบนี้?” โล่หวินหลานวางพู่กันลง แล้วยิ้มให้นาง
ดวงตาของอาลั่วหลันเป็นประกาย “หมิงอ๋องกลับมาจากด่านเย่นเหมินแล้ว อีกทั้งยังจับกลุ่มคนที่มีความแค้นกับเวินอ๋องกลับมาด้วย เวินอ๋องนี่ก็น่าสงสารนะ เป็นอ๋องยังไม่รอดเลย”
โม่ฉีหมิงไปด่านเย่นเหมินตั้งแต่วันก่อน เดิมก็คือการแสดงละครให้คนอื่นดู เวินอ๋องเองก็น่าสงสาร แต่ว่ากลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเขา
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเขาน่าสงสารล่ะ?” โล่หวินหลานเงยหน้ามามองนาง
อาลั่วหลันไม่เคยเจอเวินอ๋องมาก่อน ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเขาน่าสงสารล่ะ?
“เดิมเขาเป็นถึงองค์ชายที่หยิ่งผยอง ภายในคืนเดียวกลับต้องหนีไปอย่างกับคนร้าย จวนอ๋องเองก็ถูกกวาดล้างจนสิ้นซากไป เจ้าไม่คิดว่าน่าสงสารหรอ?” อาลั่วหลันถอนหายใจ
โล่หวินหลานยิ้มแล้วมองไปที่นาง ความคิดของนาง ไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ
อาจเป็นเพราะนางไม่เคยรู้เรื่องที่เวินอ๋องเคยทำมาก่อน ว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่ไหน ถึงได้รู้สึกว่าเขานั้นน่าสงสาร
“ถ้าอย่างนั้น เขาก็น่าสงสารจริงแหละ” โล่หวินหลานพูด แล้วขมวดคิ้ว
ตอนที่อยู่ในตำหนักเวินอ๋องท่าทางราศีของเขานั้นเย็นชาผิดปกติมาก แม้แต่ตอนทำร้ายเย่เซียวหลัวเองก็ไม่กระพริบตา
ถึงแม้จะทำเพื่อตัวนาง แต่ว่าการกระทำของเขา มันทำให้คนรู้สึกปวดใจ
สายตาของนางมองไปที่โต๊ะ นางกำลังฝึกเขียนอักษรอยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
“พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่?” โม่ฉีหมิงเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขายืนมองทั้งคู่อยู่
อาลั่วหลันได้ยินเสียงของเขา ก็สะดุ้ง นางหดตัวไปอยู่หลังโล่หวินหลาน เหมือนตั้งใจจะหนีไปแบบไม่มีเสียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก