ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 388

ตอนที่ 388 ทำไมต้องกังวล

ฮ่องเต้เจียเฉิงเพื่อไม่ให้อำนาจของตัวเองถูกชิงไป เลยยอมปลดตำแหน่งลูกชายตัวเองเป็นสามัญชน

หากมีสักวัน ที่พวกเขาเองก็ทำเรื่องที่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงจะใช้วิธีนี้ลงมือกับเขาอีกไหม

รัชทายาทตะลึงไป เขานิ่งอยู่นานกว่าจะพูดว่า “ฟังจากที่เจ้าพูดมา ใครก็ตามที่เป็นภัยต่ออำนาจของเสด็จพ่อ ก็อาจจะต้องถูกลงโทษงั้นหรอ?”

“ท่านเป็นรัชทายาท ไม่ต้องให้ความสำคัญต่อประเด็นนี้ก็ได้” โม่ฉีหมิงพูด

รัชทายาท? หากอนาคตเขาทำเรื่องที่เป็นภัยต่ออำนาจของฮ่องเต้เจียเฉิง จุดจบก็คงไม่ต่างกับเวินอ๋องแน่

ตอนนี้เวินอ๋องมีสภาพแบบนี้ มันก็อาจจะเป็นอนาคตของเขาด้วยก็ได้ เขาจำเป็นต้องระวังให้มาก

รัชทายาทยิ้มแห้ง แล้วไม่พูดอะไรอีก

“ถึงแม้เวินอ๋องจะถูกปลดเป็นสามัญชน แต่ว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดของเรายังไม่สำเร็จ ต้วนกุ้ยเฟยยังอยู่สุขสบายในวังหลวง ตอนนี้จะทำให้นางรับชะตากรรมของนางยังไง?” รัชทายาทนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี

หากเป็นเพราะแบบนี้ทำให้ต้วนกุ้ยเฟยรอดไปได้ พวกเขาคงไม่สบายใจนัก

“หลังจากนี้ คงต้องให้องค์ฮองเฮาช่วยเหลือ เรื่องในตอนนั้นพระนางเป็นคนที่รู้เรื่องดีที่สุด หากให้นางเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ได้ น่าจะเหมาะสมที่สุด” โม่ฉีหมิงมองไปที่โล่หวินหลาน

ฮองเฮา? รัชทายาทหันมามอง เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเสด็จแม่จริงๆ

เรื่องในตอนนั้นหากจะสอบสวนขึ้นมาจริงๆ ใครก็หนีไปไม่พ้น หากเย่ฮองเฮาต้องเข้าไปพัวพันด้วย เกิดฮ่องเต้เจียเฉิงจะลงอาญาขึ้นมาจริงๆ ไม่มีใครหนีพ้น

“ไม่ได้ ข้าจะให้เสด็จแม่มาพัวพันเรื่องนี้ไม่ได้” รัชทายาทปฏิเสธทันที

เขาสามารถรับผิดได้ แต่ว่าจะโยนเอาโทษทั้งหมด ให้เย่ฮองเฮารับไว้ไม่ได้

“รัชทายาท เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านไม่อยากทำก็ต้องทำ” โม่ฉีหมิงหันหน้ากลับมา สายตามองมาที่เขา

“จิ่นซื่ออยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ ต้วนกุ้ยเฟยกับเวินอ๋องเป็นคนทำให้นางตกหน้าผา หรือว่านไม่คิดจะแก้แค้นให้นาง?”

โม่ฉีหมิงค่อยๆกล่อม คิดอยากให้รัชทายาทนึกถึงเรื่องของจิ่นซื่อแล้วโกรธเกลียดต้วนกุ้ยเฟยมากขึ้น แล้วทำให้เขารู้สึกผิดมาก

ไม่ผิดจากที่คิด ตัวของรัชทายาทค่อยๆสั่น สายตาของเขานิ่งไป แล้วมองไปที่โม่ฉีหมิง

เขากำหมัดไว้แน่น แล้วมองไปที่โล่หวินหลาน สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความสงสัย

โม่ฉีหมิงเห็นสายตาของเขา คิดว่าเขาคิดจะทำอะไรโล่หวินหลาน เขาค่อยเดินมาบดบังสายตาของเขา

“องค์หญิงเหอซื่อ ถึงยังไงก็เป็นพระชายารองของเวินอ๋องนะ ทำไมเวินอ๋องถูกปลด เจ้าดูเหมือนจะไม่เสียใจเลยนะ?” รัชทายาทเหมือนจะพบอะไรบางอย่าง เขายิ้มแล้วถาม

ในสายตาของเขา โล่หวินหลานกำลังยิ้มมุมปาก โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วแล้วกำลังเดินมาที่รัชทายาท

“รัชทายาท ท่านเองก็น่าจะได้ยินเรื่องที่เย่เซียวหลัวเสียโฉมแล้วสินะ? หม่อมฉันเดิมทีก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเวินอ๋องอยู่แล้ว แล้วทำไมยังต้องเอาชีวิตตัวเองฝากฝั่งไว้กับคนอย่างเขาด้วย?”

โล่หวินหลานยิ้ม สายตาของนางเหมือนกำลังท้าทายอยู่

นางเหมือนกับว่าคำถามนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลย นางตอบแบบสบายๆ

“หากเป็นผู้หญิงคนอื่น อาจจะร้องไห้หนักไปแล้ว ข้าเห็นเจ้ามีแต่รอยยิ้ม เหมือนเจ้าคิดอยากจะเห็นเวินอ๋องกลายเป็นสามัญชนยังไงอย่างนั้นเลย?”

รัชทายาทเค้นหนักมาก เหมือนเขาอยากจะฉีกหน้ากากของโล่หวินหลานออกมาให้ได้

แต่ว่า โล่หวินหลานกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถามอีก นางยิ้มมุมปาก

“รัชทายาท เพราะท่านไม่ใช่ผู้หญิง ดังนั้นท่านถึงได้ไม่เข้าใจผู้หญิง การที่ผู้หญิงยิ้มอาจจะไม่ได้ดีใจอยู่ก็ได้ ท่านอย่าได้มองในมุมของท่านฝ่ายเดียวเลย”

เหมือนมาก เหมือนมากๆ รัชทายาทได้ยินสิ่งที่นางพูดแบบไม่ยอมใคร มันเหมือนโล่หวินหลานมาก

ก่อนหน้านี้เวลาเขาพบนาง ก็จะเถียงกันแบบนี้ตลอด ขอแค่เขาเย้าแหย่ นางก็จะตอบกลับทันที

เหอซื่อเองก็เป็นเหมือนกัน ทำไมโลกนี้ถึงได้มีคนที่มีนิสัยเหมือนกันขนาดนี้

น่าแปลก โม่ฉีหมิงช่วยนางไว้ตอนที่นางเดือดร้อน หากเป็นเขา ก็น่าจะทำเหมือนกัน

“อาจเป็นไปได้ว่าข้าเดาใจขององค์หญิงไม่ถูกเอง เพียงแต่เรื่องนี้ ข้าขอคิดดูก่อน” รัชทายาทพูดอย่างเด็ดขาด แต่ว่าสีหน้าของเขาอ่อนโยนลงมาก

พูดจบ เขาก็ไม่ได้อยู่ต่ออีก กลับออกไปทันที

เมื่อเห็นว่าเขาออกไปแล้ว โม่ฉีหมิงก็ไม่ได้ขวางเขา อาจจะเป็นเพราะเขามั่นใจว่าเขาต้องตกลงแน่นอนหรืออาจจะขวางไปก็ไม่มีประโยชน์

“รัชทายาทเขา เชื่อที่ข้าพูดไหม?” โล่หวินหลานมองไปที่หิมะที่โปรยปรายลงมา แล้วถาม

โม่ฉีหมิงโอบไหล่ของนางเอาไว้ แล้วก็เคาะหัวของนางแบบไม่เกรงใจเลย “ถึงแม้รัชทายาทจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เจ้าคิดว่าเขาจะไม่รู้หรอว่าเจ้ากำลังหลอกเขาอยู่?”

ไม่มั้ง? ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับนางแบบนี้ หากเป็นอย่างนั้นจริง นางข้ามเวลามาก็เสียเปล่าสิ?

“ข้ารู้ว่าหลอกเจ้าไม่ได้แค่นั้น คนอื่นน่าจะไม่มีปัญหานะ” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว แล้วมั่นใจมาก

เห็นนางได้ใจ หมิงอ๋องก็รู้สึกพอใจมาก ขอแค่มีนางอยู่ ไม่ว่าที่ไหนก็ดูอบอุ่นขึ้นทันตา

“แน่นอน เจ้าไม่มีทางปิดข้าได้หรอก” โม่ฉีหมิงพูด

ไม่ว่าจะเวลาไหน นางไม่มีทางรอดสายตาของเขาไปได้แน่

ในตอนแรก เขาสามารถจำนางได้ ก็เพราะนางหลอกเขาไม่ได้

โล่หวินหลานเขยิบตัวเข้าไปใกล้เขา เอาตัวเองแนบชิดไปที่หน้าอกของเขา

“ถ้าอย่างนั้น รัชาทายาทจะยอมรับข้อเสนอของเจ้าไหม? เขาจะยอมให้เย่ฮองเฮามาเสี่ยงไหม?” โล่หวินหลานถาม

สายตาของโม่ฉีหมิงนิ่งไป “ไม่ว่าเขาจะตกลงหรือเปล่า ยังไงความจริงก็ต้องเปิดเผย ช้าเร็วก็ต้องเชื่อมโยงถึงเย่ฮองเฮาอยู่ดี”

เรื่องในตอนนั้นมันก็เกี่ยวข้องกับเย่ฮองเฮาอยู่แล้ว ถ้าต้วนกุ้ยเฟยสารภาพความจริงออกมา เย่ฮองเฮาเองก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

จะกระทำการเรื่องนี้ ก็ต้องมีคนเสียสละ อีกทั้งเย่ฮองเฮาสำหรับเขาแล้ว ก็ไม่ใช่การเสียสละอะไรอยู่แล้ว

ต้วนกุ้ยเฟยกลับไปที่ตำหนักอย่างจนใจ นางสู้จนเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากจะสู้ต่อไปอีกแล้ว

แย่งชิงทุกอย่างมาก็เพื่อเกียรติยศความสุขสบายเท่านั้น ทั้งหมดก็เพื่ออำนาจ วันนี้นางส่งมันให้คนอื่นไปกับมือ นางไม่เอาอะไรอีกแล้ว

เวินอ๋องถูกปลดเป็นสามัญชน นางอยู่ไปจะมีความหมายอะไรอีก? แม่ต้องพึ่งพาลูก นางยังมีลูกให้พึ่งพาอีกหรอ?

“พระสนม ท่านต้องรักษาพระวรกายด้วยนะเพคะ .......” เสียงนางกำนัลดังเข้าหูของนาง

ต้วนกุ้ยเฟยกวาดของบนโต๊ะลงกับพื้น ใบหน้าของนางมีแต่ความโกรธ “ออกไปให้หมด ไป ไปเดี๋ยวนี้”

นางกำนัลเห็นของตกแตกเละเทะไปหมด ก็รีบออกจากห้องไป

แม้แต่นางกำนัลคนสนิทของนาง ก็ไม่อยู่

พอออกจากตำหนักไปก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ เย่เซียวหลัวเดินมาเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ก็เลยลองสอบถามดู ถึงได้รู้ว่าต้วนกุ้ยเฟยกริ้วอยู่

นางโกรธ แสดงว่าเรื่องในวันนี้ไม่สำเร็จ

ล้มเหลวก็ล้มเหลวไปสิ จะไปสำเร็จในครั้งแรกเลยได้ยังไงกัน อีกทั้งคู่ปรับคือโม่ฉีหมิงด้วย ล้มเหลวก็แค่เริ่มใหม่

นางผลักประตูเข้าไป ต้วนกุ้ยเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ของทุกอย่างเละเทะเต็มพื้นไปหมด

เมื่อมองไปที่ต้วนกุ้ยเฟยอีกครั้ง เครื่องประดับหัวของนางหายไปแล้ว มีเพียงผมเพ้าที่ยุ่งเหยิง สายตาของนางมีแต่ความสิ้นหวัง นางนั่งมองไปที่คานเสา เหมือนกำลังสิ้นหวังกับการใช้ชีวิตมาก

เย่เซียวหลัวตะลึงไป หรือว่าวันนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น? จนทำให้นางมีสภาพแบบนี้?

“เสด็จแม่ เกิดอะไรขึ้นเพคะ? ทำไมท่านถึงเป็นแบบนี้ได้?” เย่เซียวหลัวรีบเดินขึ้นหน้าไปหา

สีหน้าของต้วนกุ้ยเฟยไร้อารมณ์มาก ไม่ขยับสายตาเลย

“เวินอ๋อง เวินอ๋องถูกปลดเป็นสามัญชน” ต้วนกุ้ยเฟยพูด มันยากลำบากมากกว่าจะพูดออกมาแต่ละคำ

พริบตาเดียว เหมือนกับทุกอย่างระเบิดออก เย่เซียวหลัวเหมือนถูกจุดประทัดใส่หู นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

นางถามว่า “นี่ นี่เรื่องจริงหรอเพคะ? ถูกปลดเป็นสามัญชน? ฝ่าบาทไร้เยื่อใยได้ขนาดนั้นเลยหรอเพคะ? เวินอ๋องเป็นลูกชายของพระองค์ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ล่ะเพคะ ......”

นางไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อ

ฮ่องเต้เจียเฉิงทำไมถึงได้ปลดลูกชายตัวเองเป็นสามัญชนง่ายๆแบบนี้ล่ะ? อีกทั้งตอนนี้ยังหาเวินอ๋องไม่พบเลย แล้วราชโองการนี่ประกาศให้ใคร?

ต้วนกุ้ยเฟยจับไปที่กระโปรงของตัวเองแน่น นางเงยหน้าขึ้นมามองเย่เซียวหลัว ไม่รู้ควรจะพูดยังไง

ความคิดของฮ่องเต้คาดเดาได้ยากที่สุด มันจะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไงกัน?

“ข้าเองก็ไม่อยากเชื่อเลย แต่ว่าเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้เขากลับมา ก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่แล้ว” ต้วนกุ้ยเฟยยิ้มแห้ง

เวินอ๋องเป็นคนอุดมการณ์สูง ทำอะไรระวังตัว แล้วจะตกอยู่กำมือของพวกเขาได้ยังไงกัน?

เย่เซียวหลัวค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วเดินไปที่หน้าประตู

“ข้าต้องไปหาท่านพ่อ ให้เขาช่วยเราคิดหาวิธี เขาจะต้องมีทางช่วยแน่” เย่เซียวหลัวเองก็สติหลุดไป นางล้มลงหน้าปากประตู

ปากของนางแตกจนเลือดไหลออกมา ขาของนางถูกธรณีประตูขวางเอาไว้ ผ้าที่ปิดหน้าเอาไว้หลุดออก ทำให้ทุกคนเห็นใบหน้าที่เสียโฉมของนางหมด

ใบหน้าของนางทำให้เหล่านางกำนัลถึงกับร้อง “ว้าย” ออกมา แต่ละคนวิ่งหนีกันไปหมด

แต่มีนางกำนัลอีกหลายคนที่กล้าหน่อย ที่ยังยืนดูอยู่ที่เดิม

ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะเย้ยใบหน้าของเย่เซียวหลัวอยู่ แล้วลืมที่จะเข้ามาพยุงนาง แต่ละคนยืนหัวเราะอย่างสะใจอยู่ข้างๆอย่างนั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหมดหนทางขนาดนี้ นางลืมที่จะด่าที่จะตำหนิ นางรีบเอามือปิดหน้า เอามือไปคลำหาผ้าปิดหน้ามา แต่กลับคลำไม่เจออะไรเลย

“หุบปาก หุบปากเดี๋ยวนี้ ห้ามหัวเราะ ไปให้พ้นเลยนะ” เย่เซียวหลัวตำหนิไปอย่างแรง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมาก

ทันใดนั้นเอง ก็มีมือสองข้างวางบนไหล่ของนาง ต้วนกุ้ยเฟยลุกขึ้นมาพยุงนาง แล้วเก็บผ้าปิดหน้ามาให้นาง

นางกำนัลที่หัวเราะต่างหุบปากเงียบทันที พวกนางตะลึงอยู่ที่เดิม ไม่มีใครกล้าขยับ

ต้วนกุ้ยเฟยจับมือของเย่เซียวหลัวเอาไว้ แล้วพูดว่า “พวกเจ้า ตบปากตัวเองคนละร้อยครั้งเดี๋ยวนี้ แรงๆด้วย”

เมื่อพูดจบ เหล่านางกำนัลก็เข่าอ่อนลงทันที

ต้วนกุ้ยเฟยด่าอีกครั้ง “ยังไม่ทำอีก หรือว่าจะต้องให้ข้าสั่งให้คนมาตบปากพวกเจ้าแทน?”

เสียงตบหน้าดังเรียงกันเป็นแทบ นางกำนัลหลายสิบคนคุกเข่าลงกับพื้น หน้าของพวกนางเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

ต้วนกุ้ยเฟยกำมือของเย่เซียวหลัวไว้แน่น แล้วมองทะลุไปที่ดวงตาของนาง

เย่เซียวหลัวทำเพื่อเวินอ๋องได้ทุกอย่าง สิ่งที่นางต้องทำคือการคุ้มครองทุกคนที่ดีกับเวินอ๋อง

เย่เซียวหลัวหันหลังไปยิ้มให้นาง รอยยิ้มนั้นมันเจ็บปวดเย็นชาไปถึงกระดูกเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก