ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 391

ตอนที่ 391 เจอผู้ร้ายกลางตลาด

“เจ้ารู้แล้วหรือ?”ต้วนกุ้ยเฟยพูดแต่คำๆนี้ออกมาทั้งวัน

ทั้งตัวของนางสั่นๆกลัวๆ สายตาคู่นั้นไม่กล้ามองไปที่นางเลย

เย่ฮองเฮาผิงไฟตรวเตาผิงเล็กๆ มือคู่นั้นอุ่นขึ้นมาก

“เจ้าน่าจะค้างคาใจว่าข้ารู้ได้เยี่ยงไรใช่หรือไม่? สิบปีกว่าผ่านไปแล้ว ถ้ารู้ตั้งนานแล้วทำไมถึงพึ่งมาพูดวันนี้ ถ้าพึ่งมารู้ไม่นานมานี่ เรื่องพวกนั้นก็คงผ่านไปนานแสนนาน ใครจะเป็นคนขุดคุ้ยออกมาบอกข้าล่ะ?” เย่ฮองเฮาพูดสิ่งที่นางกำลังค้างคาใจออกมา

แต่ก่อนต้วนกุ้ยเฟยเคยถอดทิ้งคนอื่นจนทำให้พวกเขาวุ่นวาย จนตอนนี้นางกลับโดนเองบาง

พอพูดๆแล้ว ทุกอย่างมันคือกรรมตามสนองเท่านั้น

พอมองตาของเย่ฮองเฮาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ต้วนกุ้ยเฟยรู้สึกว่าตนเองโดนสาดน้ำเย็นใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นคนสืบหาเจอ สิบกว่าปีผ่านไปแล้ว ถ้าสืบเจอก็คงเจอนานแล้ว” ต้วนกุ้ยเฟยทำเสียงแข็ง เสียงนั้นดังขึ้นในจมูก

เรื่องตอนนั้นที่นางปิดบังได้เงียบเยี่ยงนี้ แอบไปซื้อใจบ่าวที่ติดตามเฉินเฟยจนนางได้ตายจากไปแล้ว สิบกว่าปีผ่านมา ไม่มีใครสืบค้นเจอ

ถึงแม้จะเป็นโม่ฉีหมิงก็เป็นไปไม่ได้

“ไม่ใช่ข้าอย่างแน่นอน ข้าก็คงไม่ไปสืบหาความจริง ยังไงคนๆนั้นก็ตายไปแล้ว แค่ว่าข้าไม่เตือนเจ้าไม่ได้ โม่ฉีหมิงก็รู้เรื่องนี้ ตอนนี้เจ้าไม่มีอำนาจอะไรใดๆ เขาจะแก้แค้นเจ้ามันเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว”

เย่ฮองเฮาคอยชี้แนะและจูงใจนางเยี่ยงนี้ สำหรับนางแล้ว ต้วนกุ้ยเฟยก็เหมือนปลาที่อยู่บนเขียง จัดการได้ง่ายมาก

พูดเยี่ยงนี้ออกมาก็เพื่อจะให้นางกลัว จะได้รู้เรื่องจริงของนาง

“ฮ่าๆๆๆๆ…….” เสียงหัวเราะได้ดังขึ้น

เสียงหัวเราะที่ฟังดูแปลกๆของต้วนกุ้ยเฟยทำให้รู้สึกหนวกหูมาก นางไม่เสียใจหรือไม่หวาดกลัวอะไรเลย แต่กลับหัวเราะออกมา?

“เจ้าหัวเราะอะไร? ใกล้จะสุดท้ายตันแล้วยังไม่รู้จักหาวิธีแก้ปัญหา?” เย่ฮองเฮาถอยหลังไปหนึ่งก้าว กลัวว่านางจะเป็นบ้าและทำร้ายตนเอง

“ข้าหัวเราะเพราะเจ้าโง่” ต้วนกุ้ยเฟยหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา และกว่านางจะหยุดหัวเราะได้ก็นานพอสมควร

“นี่เป็นเรื่องที่โม่ฉีหมิงสืบออกมา? ยังไงถ้าเขารู้แล้ว ก็ต้องช่วยเฉินเฟยแก้แค้นอย่างแน่นอน ท่านจุดไฟเผาเฉินเฟยให้ตาย เจ้านี่แหละทำความผิดบาปที่ร้ายแรง และข้าเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น ถ้าจะแก้แค้น เจ้าต้องเป็นคนตายก่อนถึงจะถูก!”

พอพูดเยี่ยงนี้ มันก็ฟังดูสมเหตุสมผล

เย่ฮองเฮาก็ยังเอาตัวเองไม่รอด ขนาดเกือบจะตายแล้ว และกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด?

นางคิดใคร่ครวญไปสักพัก ถึงแม้ตอนนี้องค์รัชทายาทกับโม่ฉีหมิงร่วมมือกันแล้ว

แต่โม่ฉีหมิงก็คงจะมาหาเรื่องตนเองไม่ช้าไม่นานนี้ คนที่เผาเฉินเฟยให้ตายเป็นนางทำจริงๆ ไม่มีทางที่โม่ฉีหมิงจะไม่ลงมือทำอะไรกับตนเอง

เย่ฮองเฮารู้สึกหวาดกลัวขึ้นทันที นางจึงรีบหันไปแล้วเดินออกจากที่นั่นอย่างเร่งรีบ

ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ตั้งใจจะมาพูดเกลี้ยกล่อมของต้วนกุ้ยเฟยกลัว ดูว่านางจะอดทนคำดูถูกได้สักกี่น้ำ เย่ฮองเฮาคงไม่คิดถึงเรื่องๆนี้อย่างกะทันหันเยี่ยงนี้

ต้องเตือนองค์รัชทายาทให้ระวังโม่ฉีหมิงหน่อย

“ฮ่าๆๆๆๆ…..”

หลังจากที่เย่ฮองเฮาเดินออก ก็มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ต้วนกุ้ยเฟยหัวเราะจนหยุดไม่ได้ จนต้องพิงโต๊ะหัวเราะไม่หยุด

น้ำตาตกตรงหางตาของนางกลับทำให้รู้สึกว่านางกำลังอึดอัดใจ

ไม่มีบ่าวผู้ใดกล้าเข้าไปเลย มีแค่ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูและเดินไปเดินไปอย่างลังเล

จู่ๆก็เงียบขึ้นมาทันที

ทันใดนั้น สีหน้าต้วนกุ้ยเฟยดูแย่ และรู้สึกแน่นอกทันที จู่ๆก็มีเลือดพุ่งออกมาจากปาก

นางเอามือพยุงกับโต๊ะไว้ หัวใจเต้นแรง สายตาเหมือนมองอะไม่ค่อยชัดเจน

โล่หวินหลานตื่นขึ้นมา ไซ่เย่ว่รีบตักน้ำมาให้นางหน้าล่างแต่งตัว

พอลืมตาขึ้นฟ้าก็ได้สว่างแล้ว โล่หวินหลานตบหน้าผากตนเองเบาๆ วันนี้ทำไมถึงนอนตื่นสายได้เยี่ยงนี้?

พอเห็นนางทำหน้าตาสงสัย ไซ่เย่ว่จึงทูลนาง “องค์หญิงเจ้าค่ะ ตอนท่านอ๋องตื่นมาได้กำชับพวกบ่าวอย่างเรียกท่านตื่น”

เมื่อคืนโม่ฉีหมิงมาค้างคืนกับนางนั้นหรือ? ทำไมนางไม่รู้?

เมื่อวานพวกเขาทะเลาะกันเพราะเรื่องเด็ก จึงทำให้ทั้งสองใจแข็ง ทั้งสองไม่มีใครยอมก้มหัวยอมแพ้ก่อน

เมื่อคืนเขารู้สึกยังเป็นห่วงตนเอง เลยมาที่ห้องมาดูแลตนเองนั้นหรือ?

“ท่านอ๋องล่ะ?” โล่หวินหลานถามขึ้นลอยๆ

“ออกไปตั้งแต่เช้าครู่แล้วเจ้าค่ะ” ไซ่เย่ว่กำลังหวีผมให้นางและถามกลับ

“ไปไหน?”

ไซ่เย่ว่ส่ายหัว “บ่าวไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ มีแค่พี่เย่เหวินและฉี่นหยิ่นติดตามท่านอ๋องไป”

ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ ไม่ใช่ไปตำหนักองค์รัชทายาทก็ไปเข้าวัง

คดีที่ได้สืบมามีผลสรุปแล้ว คงจะเข้าวัง

โล่หวินหลานกำลังจะบิดตัว และมองไซ่เย่ว่ที่กำลังตั้งแต่หวีผมให้นาง ในใจแค่รู้สึกเบื่อหน่ายมากๆ ไม่เช่นนั้นต้องออกไปเดินเล่นๆหน่อย?

ตลาดในสมัยโบราณนี้มักน่าจะดึงดูดเป็นพิเศษ ครั้งก่อนที่ออกไปเดินในตลาด ได้เจอคนเฮงซวยอย่างหลินอ๋อง ยังไม่ทันไปไหนเลย แค่รู้สึกเสียดายของเล่นที่เล่นอยู่

ถ้าของเล่นชิ้นนั้นเอาไปในสมัยปัจจุบัน คงเป็นวัตถุโบราณที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์

สมัยปัจจุบัน? โล่หวินหลานอึ้งไปสักพัก นางกลับไม่เคยคิดจะกลับไปในโลกปัจจุบัน?

ตอนนี้พอนึกๆดูแล้ว คนและเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว และมันจะแฝงลึกเข้าไปในสายเลือด

“องค์หญิง……องค์หญิง……” ไซ่เย่ว่เรียกมาหลายรอบ โล่หวินหลานกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

“องค์หญิงเจ้าค่ะ ทรงผมทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ออกไปรับประทานอาหารเช้าเถอะเจ้าค่ะ ท่านอ๋องกำชับมาว่าต้องคอยดูว่าท่านได้รับประทานสำลักเช้าแล้ว อีกอย่างต้องทานให้เยอะๆ จะได้มีสารอาหารครบถ้วน ไม่สามารถเลือกทาน ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ต้องทาน อีกอย่างห้ามกินขนมถั่วเยอะเกินไป……”

ไซ่เย่ว่ได้เดินตามนางออกมา แล้วกำลังบ่นถึงเรื่องที่โม่ฉีหมิงกำชับไว้อย่างน่ารำคาญ

นี่ยังแค่บ่นมาครึ่งเดียวเท่านั้น โล่หวินหลานจึงรีบขัดขึ้น “ไซ่เย่ว่ หยุดเถอะ เจ้ากลายเป็นเรื่องนี้เยี่ยงได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

แก้วหูจะขึ้นรากแล้ว

ไซ่เย่ว่ทำสีหน้าจริงจังแล้วพูดขึ้น “นี่เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องสั่งมา”

โล่หวินหลานโบกมือไปมา “ข้ารู้แล้วหน่ะ”

ออกจากห้องแล้ว เห็นหิมะที่ข้างนอกได้หยุดลง โล่หวินหลานเดินบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ พอมองเห็นแสงอ่อนๆที่สว่างขึ้น เลยอยากออกไปเดินเที่ยวข้างนอก

“ไซ่เย่ว่ ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ ตอนนั้นเสื้อที่ข้าไปสั่งตัดแถวตลาดยังไม่ได้ไปเอา อีกสักพัก เจ้าไปกับข้า” โล่หวินหลานมองไปยังบนท้องฟ้า และเอาเรื่องนี้มามาแอบอ้าง

ไซ่เย่ว่รู้ว่านางอยากพูดอะไร เลยปฏิเสธไปอย่างไปลังเลใดๆ “องค์หญิงเจ้าค่ะ ท่านอ๋องได้สั่งไว้ว่าตอนนี้ท่านยังออกไปไหนไม่ได้”

ถ้าท่านออกไป คนที่จะได้ก็คงเป็นบ่าว

“ข้าแต่งเป็นชายออกไปก็ได้ ไม่มีใครดูออกหรอก” โล่หวินหลานกระตุกคิ้วแล้วอมยิ้มขึ้น

“ยังไงก็คือไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านยังทำให้บ่าวต้องลำบากใจเลยเจ้าคะ” ไซ่เย่ว่ร้องขอนาง

เห็นไซ่เย่ว่ให้เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมตกลง โล่หวินหลานทำสีหน้าที่ดูแย่ลง สายตาที่ดูเยือกเย็นมองนางอยู่ “เจ้ายังเป็นไซ่เย่ว่ของข้าหรือไม่? ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนบ่าวมารับใช้ข้า?

ไม่ใช่บอกว่าจะเป็นทูตสวรรค์ที่คอยปกป้องข้า ทำไมเจอเรื่องเยี่ยงนี้ถึงกับเปลี่ยนใจ

ไซ่เย่ว่ห้อยมุมปากลง ไม่รู้ว่าควรตอบเยี่ยงไร

ถ้าจะเปลี่ยนคนมารับใช้นาง โม่ฉีหมิงต้องนึกว่าตนเองดูแลนางไม่ดี เพราะเรื่องนี้ นางโดนลงโทษไปไม่รู้กี่หน

“องค์หญิงเจ้าค่ะ นั้นบ่าวตกลงเจ้าค่ะ ออกไปได้เท่าที่เวลาธูปเล่มหนึ่งจะดับนะเจ้าคะ?” ไซ่เย่ว่ชูนิ้วชี้ขึ้นมาเบาๆ

“ข้าสัญญา” โล่หวินหลานเอานิ้วก้อยไปคล้องกับของนาง

นางเปลี่ยนชุดแล้วแอบหนีออกมาจากประตูหลังของตำหนักหมิงอ๋อง นางที่ได้แต่งเป็นชายก็รู้หล่อเหลาและสุภาพบุรุษมากๆ ไม่แพ้ชายแท้เลย

ในตลาดเต็มไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา ทุกๆร้านกำลังขายของกันจะวุ่นวาย มีแต่เสียงเรียกขายของดังขึ้นไม่หยุด และมีเสียงของผู้คนปะปนเข้ามา ทำให้โล่หวินหลานได้สัมผัสถึงบรรยากาศของตลาดในยุคสมัยโบราณอย่างแท้จริง

ข้างหน้ามีที่โรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ไป๋ซู่โหลว ที่เต็มไปด้วยอาหารดั้งเดิมของเมืองหลวง ทุกคนก็จะมีแขกเข้าไปนั่งเต็ม

โล่หวินหลานตบไหล่ของไซ่เย่ว่บอกๆ และชี้ไปยังไป๋ซู่โหลว “ไซ่เย่ว่ เดี๋ยวข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้าที่นั่น”

ไซ่เย่ว่กำลังมองไปรอบๆว่ามีคนได้แอบตามมาหรือไม่ แต่พอรู้สึกว่ามือของตนเองกำลังสัมผัสกับความอุ่น โล่หวินหลานก็ได้จูงมือนางเข้าไปในไป๋ซู่โหลว

นึกไม่ถึงเลยว่า ด้านหลังของพวกนางจะมีชายหลายๆคนกำลังถือดาบตามมา สายตาอันโหดเหี้ยมกำลังมองมายังทิศทางที่พวกนางเดินไป

“หรือว่าจะไล่ตามไปถึงโรงน้ำชานั้น?“ มีเสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้น

หญิงผู้นั้นยื่นมือตนเองออกไป และทำสีหน้าที่ดูเลือดเย็น “รอสักพัก ดูก่อนค่อยว่ากัน”

นางไม่เชื่อว่าโล่หวินหลานแอบออกมา โดยแค่พาบ่าวคนเดียวออกมา ข้างหลังนางต้องมีคนคอยติดตามเพื่อปกป้องนางอย่างแน่นอน

ไปเอาตัวพวกมันออกมา แล้วจัดการให้สิ้นซาก เป้าหมายของพวกเขาคือจับตัวโล่หวินหลานไว้ให้ได้

ยังดีที่ไป๋ซู่โหลวคนไม่เยอะ นางจึงรีบได้โต๊ะนั่ง

หญิงผู้อื่นสวมใส่ชุดขาวกำลังต้อนรับแขกด้วยการแนะนำอาหาร ชา และของว่างที่ขึ้นชื่อของที่นี่

ไม่ผิดหวังเลยโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง มีอาหารที่พวกเขาไม่เคยได้ยิน แม้แต่ชื่อของของว่างยังมีความหมายพิเศษ

โล่หวินหลานได้สั่งอาหารและของว่างที่ขึ้นชื่อของร้าน เสียวเอ๋อได้ลงไปสั่งอาหาร

ไซ่เย่ว่พูดขึ้นมีสีหน้าจริงจัง “องค์หญิงเจ้าค่ะ แม่ครัวที่อยู่ในตำหนักหมิงอ๋องยอดเยี่ยมกว่านี้เยอะ ที่โรงน้ำชาต้องไม่อร่อยเท่าของตำหนัก”

ไซ่เย่ว่ทำคิ้วขมวดเป็นปม โล่หวินหลานตบหน้านางเบาๆ แล้วดีดหน้าผากนางเล่นๆ

“สูดลมหายใจเข้าลึกๆสองครั้ง แล้วผ่อนคลายๆ……อย่าตื่นเต้น วันนี้แค่จะออกจากหาความสดใหม่ อย่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

พอเห็นนางทำหน้าตาเยี่ยงนี้ จึงให้นางสูดลมหายใจลึกๆ

อาหารจานหนึ่งได้ยกวางบนโต๊ะด้วยหน้าตาที่ดูจะเอร็ดอร่อย สีสันดูครบถ้วยและน่ารับประทานมากๆ

“เชิญทั้งสองท่านรับประทานอาหารอย่างอร่อย” เสี่ยวเอ้อพูดเสร็จแล้วหันไปดูแลแขกท่านอื่น

โล่หวินหลานจับตะเกียบขึ้นมาอย่างไม่รีรอ และคีบไปยังเนื้อเป็ดตัวนั้น ตอนที่นางกำลังจะคีบมันขึ้นมานั้น ไซ่เย่ว่ผลักตะเกียบของนางออก

“องค์หญิง มีพิษเจ้าค่ะ” ไซ่เย่ว่ตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ และรีบดึงโล่หวินหลานออก

มือของนางไปจับเข็มที่กำลังจะกลายเป็นสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่ และโล่หวินหลานกำลังทำหน้าตาตกใจ

โล่หวินหลานอึ้งไปสักพัก และหยุดชะงักไป

“ไซ่เย่ว่ พวกข้าต้องรีบออกจากที่นี่” โล่หวินหลานทำสายตาเลือดเย็นขึ้นมาทันที และรีบดึงไซ่เย่ว่กำลังออกจากที่นั้น

ทันใดนั้น บนหลังคามีคนสวมเสื้อดำบินลงมา และกำลังถือดาบพุ่งเช้ามาหาโล่หวินหลาน

“องค์หญิง ระวัง รีบออกจากที่นี่เร็ว” ไซ่เย่ว่รีบชักดาบออกมาจากข้างหลัง และผลักโล่หวินหลานออกมาจากโรงน้ำชา

ตนเองได้หันไปต่อสู้กับคนชุดดำพวกนั้นอย่างดุเดือด และฟันดาบกันอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง แขกที่อยู่รอบๆนั้นตกใจจึงพากันหนีออกจากไป๋ซู่โหลว ในนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ผู้คนที่อยู่ที่นั่นวิ่งไปวิ่งมาอย่างวุ่นวายแล้วรีบออกจากประตู โล่หวินหลานอยู่ในตลาด เห็นแค่ไซ่เย่ว่ที่กำลังต่อสู้อย่างใช้แรงอย่างดุเดือด

พอหันไปปุ๊บ กลุ่มคนเสื้อดำที่อยู่รอบๆกำลังวิ่งพุ่งขึ้นมา จู่ๆโล่หวินหลานก็ถูกล้อมรอบไว้ ดาบอันเยือกเย็นได้เปล่งประกายออกมาอย่างน่ากลัว

มันชัดเจนมากที่พวกเขาจ้องกับจับแต่ตนเอง

โล่หวินหลานจับเข็มที่อยู่ตรงเอวของตน และกำลังยิงเข็มเข้าไปแทงบนลำคอของพวกเขาอย่างแม่นยำ

กลุ่มคนเสื้อดำจับคอของตนเองไว้ กำลังจะตะโกนด่า แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็สลบไปกับพื้น

“เป็นอะไรไป?” เสียงดุๆของชายผู้หนึ่งดังขึ้น

ยังไม่ทันได้เห็นนางต่อสู้เลย พวกเขากลับสลบอยู่บนพื้น?

“พวกเจ้ารีบเข้าไปจับตัวมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก