ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 393

ตอนที่ 393 ซ้ำเดิมให้เจ็บมากขึ้น

โม่ฉีหมิงนั่งอยู่ข้างๆ สายตามองโล่หวินหลานไม่มาไหน ผ่านไปสักพัก เชาเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างทนมาไหว “นี่เสร็จกันหรือยัง?”

สวินโม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้น “อาการไม่ได้ร้ายแรงอะไรใดๆ แค่นิ้วได้รับบาดเจ็บ ข้าจะเอาแผ่นไม้แนบไว้ให้สักสองวัน และทายาหน่อยก็คงหายดี”

เมื่อครู่เขาเห็นโล่หวินหลานได้รับบาดเจ็บตรงนิ้ว เลยเรียกสวินโม่มาเมื่อดูอาการของนิ้ว

ถึงแม้จะไม่ร้ายแรงอะไรใดๆ แต่ในนัยน์ตาของโล่หวินหลานไม่สามารถเห็นโล่หวินหลานถูกทำร้ายแม้แต่นิดเดียว แผลเล็กๆแค่นี้ สำหรับเขาแล้วมาร้ายแรงมากๆ

“รักษาให้ดี” โม่ฉีหมิงพูดไม่ถึงสองประโยค แล้วเดินออกจากที่นั่น

มองเห็นเขาค่อยๆเดินจากไป โล่หวินหลานรู้สึกสลดใจมากๆ นางอยากรั้งเขาไว้ แต่ร่างของเขาได้ออกจากห้องไปแล้ว

เขาต้องโกรธมากๆแน่ๆ ทั้งๆที่กำชับให้ไซ่เย่ว่ห้ามให้ตนเองออกจากตำหนัก แต่เพียงเพราะอยากจะเล่นอะไรสนุกๆ จึงแอบหนีออกไป และทำให้เย่เซียวหลัวได้โอกาสแก้แค้น

ไม่เพียงแต่ทำร้ายตนเอง แล้วยังทำร้ายไซ่เย่ว่อีกแล้ว อีกอย่างยังทำให้ทุกคนไม่มีความสุข

โล่หวินหลานถอนหายใจเบาๆ พอมองไปยังนิ้วมือที่ม่วงแดงและบวมของตนเอง ตอนนี้คนที่บาดเจ็บคือตนเอง

“เห้อ !” จู่ๆน้องก็ร้องออกมา และสายตาของนางมองไปตรงขอบเตียง

สวินโม่ที่กำลังจะทายาให้นาง หันมามองนาง “นี่ข้ายังไม่ได้ถอนหายใจเลย ทำไมเจ้าต้องมาถอนหายใจด้วย”

“ทำไมเจ้าต้องถอนหายใจด้วย?” โล่หวินหลานไม่เปลี่ยนทีท่าของตนเอง ยังคงมองไปตรงขอบเตียง

“วันนี้เป็นวันดี แทนที่ข้าจะออกไปท่องโลกกับผู้หญิงของข้า แต่สุดท้ายก็ต้องทำรักษาเจ้าที่นี่!ช่างไม่สมดั่งปรารถนาจริงๆ”

พอฟังสวินโม่พูดเยี่ยงนี้ โล่หวินหลานจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง ถ้าจำไม่ผิด ผู้หญิงของสวินโม่น่าจะเป็นหรูซู?

ปีกว่าผ่านมาแล้ว พวกเขายังคงความสัมพันธ์ที่ดีแสดงว่ามันคือรักจริง

“พวกเข้าจะจัดพิธีสมรสกันเมื่อใด?” โล่หวินหลานถามขึ้นลอยๆ

“น่าจะครึ่งปีก่อน” สวินโม่กำลังตำยาแล้วตอบกลับลอยๆ

“ก็ดี คนเราต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่มัวแต่คิดถึงเรื่องราวในอดีต หลังจากสมรสกันแล้ว เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าหรูซูดีกว่ายี่ย่างตั้งมาก?” สายตาของโล่หวินหลานเปล่งประกายขึ้น และทำคิ้วขมวดถามขึ้น

สวินโม่ตำยาไปแล้วตอบกลับไป “หรูซูของมีดีของหรูซู ยี่ย่างไม่เหมือนกัน หลังจากสมรสกัน ข้าก็ไม่เคยนึกถึงยี่ย่าง มันอาจจะเป็นเพราะเวลาที่ทำให้ข้าลืมทุกอย่างไปจริงๆ”

“เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป ตอนนี้สามารถครอบครองสิ่งที่มีในปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องดีกับหรูซูให้มากๆ นางก็ไม่ง่ายเหมือนกันที่มาถึงจุดๆนี้ได้”

“เรื่องจริง…….” สวินโม่พยักหน้า และหยุดชะงักไปทันที

เสียงที่กำลังตำยาก็ได้หยุดดังขึ้น ได้ยินแค่เสียงหายใจแรงๆของทั้งสองคน

สวินโม่หันไปมองนาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ และจับจ้องไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง เหมือนมองอะไรออกจากนัยน์ตาของนาง

นางรู้เรื่องของตนเองเยอะเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไร? ขนาดเรื่องของหรูซูและยี่ย่างยังรู้?

สายตาที่กำลังสงสัยของเขา ทำให้โล่หวินหลานตกใจไปสักพัก ตายแล้ว เผลอพูดอะไรออกไป ทำไมนางถึงต้องเอาเรื่องที่ผ่านมามาพูดด้วย?

สวินโม่ยิ้มเยาะเบาๆ และค่อยๆเดินไปตรงขอบเตียง และก้มตัวลงมองนาง

“เจ้ารู้เรื่องหรูซูกับยี่ย่างได้เยี่ยงไร? และยังรู้เรื่องไม่น้อย พูดออกมา ใครเป็นคนบอกเจ้ากันแน่?” นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชามากขึ้น

นางเป็นใครกันแน่? ทำไมช่วงนี้มีแต่ถามคำถามนี้กับนาง?

“โม่ฉีหมิงบอกข้าเอง พวกข้าก็ไม่ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ขึ้นหรอก” ตอนนี้นางได้แค่จะเอาโม่ฉีหมิงเป็นเกราะป้องกัน

โม่ฉีหมิง? เขากระตุกมุมปากขึ้น นอกจากคนๆนั้น ไม่มีใครกล้าเรียกนามเต็มของหมิงอ๋อง

แต่นางกลับพูดออกมาอย่างไม่ลังเล และพอนึกถึงท่าทีของโม่ฉีหมิงที่มีต่อนาง รวมไปถึงเมื่อครู่ที่ทำท่าทางกระวนกระวายเมื่อเห็นนางได้รับบาดเจ็บ ก็สามารถเดาตัวตนที่แท้จริงของนางออก

“ท่านอ๋องบอกเรื่องนี้กับเจ้านั้นหรือ? ทำไมพวกเจ้าถึงพูดถึงข้า?” สวินโม่ไตร่ถามขึ้นอย่างไม่ตายใจ

หน้าผากโล่หวินหลานเต็มไปด้วยเหงื่อ และกำลังลังเลว่าสมควรบอกความจริงกับเขาหรือไม่ แต่พอบอกไป ก็กลังเขาจะไม่เชื่อ?

“ก็คือพูดขึ้นเป็นบางครั้ง ไม่เช่นนั้นเจ้าลองไปถามเขาดู” โล่หวินหลานรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ไซ่เย่ว่ก็บาดเจ็บด้วยเช่นกัน เจ้าไปรักษานางก่อนเถอะ”

สวินโม่เห็นนางไม่พูดความจริง ก็ไม่อยากไตร่ถามอีกต่อไป เขาจึงเชิดหน้าใส่นางแล้วตำยาต่อ ตำไปจนใบไม้สีเขียวเลอะจนมีน้ำสีเขียวออกมาจึงจะหยุด

“มีหมออื่นไปดูไซ่เย่ว่แล้ว หน้าที่ของข้าคือดูแลเจ้า” สวินโม่ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์

เขาเอาน้ำของยาเทไปตรงผ้า นิ้วของโล่หวินหลานห่อเป็นนิ้วๆไป ตอนที่ยาโดยแผลมันเจ็บมากๆ โล่หวินหลานกัดฟันอดทนไว้

สวินโม่เชิดหน้าใส่นางอีกครั้ง “ยาดีย่อมต้องเจ็บ อดทนหน่อย”

นางเคยเจอสีหน้าที่เย็นชาของสวินโม่เยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อก่อน โล่หวินหลานไม่ได้รู้สึกอะไร ตนเองก็รู้ว่านิ้วของตนเองควรรักษาด้วยยาอะไร และจะเจ็บปวดแค่ไหน

มีความเจ็บปวดเยี่ยงนี้นางรู้ ดังนั้นนางได้เตรียมใจไว้แล้ว ก็ไม่ถือว่าเจ็บ

รอให้เขาห่อยาให้โล่หวินหลานแต่ละนิ้วจนเสร็จ และแนบแผ่นไม้ไว้ด้วย มือทั้งห้านิ้วของนางถูกห่อจนบวมใหญ่มาก

“ห้ามโดนน้ำ ห้ามยกของหนัก และห้ามกินอาหารรสจัด และควรนอนพักอยู่บนเตียงดีๆ จนกว่าจะหาย” สวินโม่กำชับนางด้วยไม่หันไปมองนาง

พูดจนกว่าตนเองจะหันไป โล่หวินหลานก็ได้ยืนอยู่ตรงประตู

“เจ้าจะไปไหน?” สวินโม่ถามขึ้น

“ไซ่เย่ว่ต้องบาดเจ็บเพราะข้า ข้าจะไปดูนางหน่อย” โล่หวินหลานยังคงกังวลนาง

ไซ่เย่ว่ช่วยนางต้านไว้มันแสนสาหัสมาก ไม่รู้ว่าวิชาการแพทย์ของหมอผู้อื่นจะเป็นเยี่ยงไร ถ้าตนเองไม่ได้ไปดู ก็คงจะไม่วางใจอะไรทั้งนั้น

“เจ้ายังจะเอาตนเองไม่รอด ยังจะอยากไปดูนางอีก? นอนอยู่ที่นี่ดีๆเถอะ” สวินโม่เก็บของของตนเอง และกำลังเตรียมตัวจะดึงนางเข้ามา

ใครจะไปนึกถึงว่าโล่หวินหลานได้เปิดประตูเรียบร้อย

ลมหนาวได้ค่อยๆพัดเข้ามาในห้อง ตรงประตูมีร่างใหญ่ๆคนนั้นได้ยืนอยู่ โล่หวินหลานเดินไปแนบชิดกับแผงอกของเขา และค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นคางของเขา

โม่ฉีหมิงมองลงด้านล่าง ลูกกระเดือกขยับเบาๆ และเอ่ยปากด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ “เข้าไป”

โล่หวินหลานรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่กวนใจเขา และวิ่งกลับห้องไป

พอสวินโม่เห็นเขาเข้ามา จึงหิ้วตลับยาของตนเอง แล้วเดินออกไป

ประตูถูกปิดลง ในห้องเหลือแค่เขาสองคน โม่ฉีหมิงยังคงเต็มไปด้วยความเลือดเย็น และค่อยๆเดินมาหานาง

แต่ว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร โล่หวินหลานโดนเขาจับจ้องจนหนังศรีษะชา สุดท้ายก็ต้านทานความโกรธของเขาไว้ไม่ไหว

“นั่งสิ ยืนไว้ไม่เหนื่อยหรือ?” โม่ฉีหมิงมองไปที่เขา นัยน์ตาอันใสๆของนางดูใส่ซื่อมากๆ

พอนิ้วของนางได้ไปแตะโดนนิ้วของโม่ฉีหมิง เขาขยับตัวขึ้นมาสักที และนั่งอยู่ขอบเตียง สายตาของเขาจับจ้องไปยังนิ้วที่ถูกห่อไว้หนาๆ

ในขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่ โล่หวินหลานอยากจะเก็บมือของตนเองกลับไป แต่กลับถูกเขาจับไว้จับขยับไม่ได้

“ข้าไม่สมควรแอบหนีออกไป ทำไมเจ้าต้องเป็นห่วง ยังดีที่มีไซ่เย่ว่อยู่ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีชีวิตรอด” โล่หวินหลานเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ และด้อมๆมองๆเขา

ฟังได้ยินคำว่า “ไม่มีชีวิต” ในใจของโม่ฉีหมิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที สีหน้าดูแย่ขึ้นกว่านี้ แต่ไม่นานก็กลับสู่สีหน้าปกติ

“เจ็บไหม?” โม่ฉีหมิงทำเสียงแหบ

โล่หวินหลานส่ายหัว “ไม่เจ็บเลยสักนิด”

พอเห็นนางส่ายหัวไปมา โม่ฉีหมิงอยากจะให้แผลของนางมาลงที่ตนเองเต็มทัน

“ทำไมเจ้าไม่เชื่อฟังเยี่ยงนี้? รู้ทั้งรู้ว่าข้างนอกมันอันตราย ทำไมจะออกไปอย่างไม่สนใจอะไรใดๆ?” โม่ฉีหมิงด่าว่านางอย่างทนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะตนเองมาทันเวลา ก็คงรู้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้น

โล่หวินหลานรู้ดีแก่ใจ จะเตียงไปเยี่ยงไรก็เท่านั้น เรื่องอันตรายก็เกิดขึ้นแล้ว ไซ่เย่ว่ก็บาดเจ็บไปแล้ว นางก็คงหนีไม่พ้นกับภาระครั้งนี้ที่ต้องรับผิดชอบ

“ขอโทษ” โล่หวินหลานทำเสียงต่ำ

พอได้ยินคำว่าขอโทษที่แฝงไปด้วยความหมายที่โทษตัวเอง ในใจของโม่ฉีหมิงเจ็บจนเหมือนโดนอะไรกัด

“พูดคำว่าขอโทษทำไม? เจ้าไม่ผิด ข้าแค่เครียดที่เจ้าไม่ยอมฟังข้า จนทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บเยี่ยงนี้ เจ้าเห็นในใจของข้าเจ็บแค่ไหนหรือไม่?” โม่ฉีหมิงขึ้นเสียงสูง เกือบจะควบคุมสติไว้ไม่ได้

ผู้หญิงของเขาไม่เคยผิด และไม่เคยต้องพูดคำว่าขอโทษ เขาโปรดปรานนาง รักใคร่นาง และอยากจะปกป้องนางไว้ ถึงแม้ว่านางจะทำผิด แต่ก็คือความผิดของตนเอง

แต่มีแค่สิ่งๆเดียว นางจะไม่ยอมให้ตนเองต้องบาดเจ็บอีก ครั้งก่อนก็ผิดพลาดไปครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้เขาต้องเสียใจมากๆ เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก

“ข้ารู้แล้ว ครั้งหน้าจะไม่ยอมแอบออกไปข้างนอก ข้าสัญญา” โล่หวินหลานสาบานกับเขาอย่างเคร่งครัด

โม่ฉีหมิงหันไปมองนาง มองนัยน์ตาใสๆของนางเต็มไปด้วยคำขอโทษ นางรู้ถึงข้อผิดพลาดของตนเองสักที และรู้ถึงความรุนแรงที่นางแอบหนีออกไป

“ไม่มีครั้งหน้า” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเลือดเย็นมากๆ ไม่อยากให้โต้แย้งกลับมาใดๆ

โล่หวินหลานพยักหน้าอย่างแรง สาบาน “จะไม่มีครั้งหน้าอีกต่อไป เจ้าไม่โกรธแล้วใช่หรือไม่?”

มองเห็นทีท่าที่อยากจะเลียแข้งเลียขาของนาง ความโกรธของโม่ฉีหมิงก็ได้จางหายไป

เขาแพ้ใจตอนที่นางโกหกมากที่สุด ทุกครั้งที่ทำเยี่ยงนี้ เขาก็จะรู้สึกอยากจะกลืนกินนางเข้าไปในท้อง

แต่ว่าวันนี้ นางทำสีหน้าเยี่ยงนี้ ทำให้โม่ฉีหมิงกดอารมณ์โกรธของตนเองไว้ สายตาเต็มไปด้วยความโปรดปรานนาง ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางเยี่ยงไรดี

“ถ้าเจ้าเกิดเรื่องจริงๆ ข้าไม่รู้จริงๆว่าจะทำเยี่ยงไร?” โม่ฉีหมิงลงไปนอนบนเตียงแล้วกอดร่างของนางไว้ คางของเขาพาดอยู่บนหน้าผากของนาง และถอนหายใจเบาๆ

“ทำไมไม่เชื่อฟังเลย? เป็นเด็กดีหน่อยได้หรือไม่?” เขาพูดกับตนเองและเหมือนกำลังขอร้อง

โล่หวินหลานผลักตัวไปกอดเขาไว้แน่นๆ หัวของนางมุดเข้าไปกลางอกของเขา นัยน์ตาเหมือนมีไข่มุกใสๆออกมา และเปียกโดนเสื้อของเขา

นางร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆและไม่มีเสียง ในใจรู้สึกเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

นางรู้ว่าเขากลัวมา รสชาติที่สูญเสียไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาไม่อยากจะลองอีกครั้ง แต่ว่าตนเองก็ยังคงไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักที ชอบเอาเรื่องของตนเองมาล้อเล่น จนทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายตลอดเวลา

แต่ถ้าตนเองคิดคำนึงถึงเขาสักนิด เขาก็คงไม่ต้องหวาดกลัวเยี่ยงนี้

“พอเถอะ ข้ายังมีเรื่องต้องทำ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”

เย่เซียวหลัวถูกนำตัวกลับมา เขายังไม่มีเวลาไปจัดการเลย ตอนนี้ไปดูนางหน่อย นางทำร้ายโล่หวินหลานเยี่ยงนี้ เขาก็จะทำให้มันรุนแรงกว่า 10 เท่า

เขาค่อยปล่อยร่างของนางออก และพึ่งเห็นว่าตาของนางแดงบวม และมองเขาด้วยน้ำตา อารมณ์ที่เมื่อกี้นางได้พยายามอดกลั้นไว้ ถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มที่

ให้ตายเถอะ กลัวนางร้องไห้ที่สุด

นางติดตามตนเองมานานเยี่ยงนี้ ยังไม่เคยเห็นนางร้องไห้ ครั้งนี้กลับด่านางไปอย่างไม่คำนึงถึงจิตใจนาง ทำให้นางต้องเสียใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก