ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 394

ตอนที่ 394 มือซ้ายถูกทำร้ายจนพิการ

โม่ฉีหมิงกำลังโทษตัวเองอย่างหนัก คิ้วขมวดขึ้นเป็นปม จู่ๆก็ไม่รู้จะพูดอะไร และไม่รู้จะปลอบใจเยี่ยงไร

ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองพูดจารุนแรงไปรึเปล่า จึงทำให้นางร้องไห้? หรือเป็นเพราะเรื่องของเย่เซียวหลัวทำให้นางกลัว? หรือเป็นเพราะนางรู้สึกตนเองตกระกำลำบากจนร้องไห้?

มีข้อสงสัยมากมายฝังลึกในใจของเขา เขากำหมัดไว้แน่นๆแล้ว และเม้มปากตนเอง

นางได้รับบาดเจ็บ ในใจน่าจะรู้สึกกลัว ตนเองยังจะพูดจาแรงไปทำร้ายนาง นางน่าจะน้อยใจจริงๆ?

“หวินหลาน……อย่าร้องเลย”

โม่ฉีหมิงทำตัวไม่ถูกจึงเช็ดน้ำตาแทนนาง ในใจรู้สึกกังวลมาก แต่ไม่รู้จะสื่อมันออกมาเยี่ยงไร

“เจ้าเป็นอะไรไป? จู่ๆอยู่ดีๆทำไมถึงร้องไห้ล่ะ? ข้าพูดแรงไปใช่หรือไม่? พอเถอะ ไม่ต้องร้องแล้ว…..” คิ้วของเขาขมวดเป็นปม แล้วตบไหล่ของนางเบาๆ

พอฟังเสียงที่ปลอบใจนางแบบไม่รู้ว่านางร้องไห้เพราะเหตุใด นางจึงเสียใจมากยิ่งขึ้น

นางร้องไห้ไม่ใช่เพราะตนเองลำบากหรือน้อยใจ แต่เป็นเพราะเขา ทำไมต้องดีกับตนเองมากเยี่ยงนี้ด้วย?

“อย่าร้องเลย เจ้าร้อง ข้ารู้สึกวุ่นวายในใจมาก” โม่ฉีหมิงทำเสียงแหบ และทำตัวไม่ถูก

ตาของนางบวมตาปรากฏต่อหน้าเขา มุมปากของนางยังกระตุกยิ้มขึ้นอย่างฝืนตนเอง สีหน้าที่ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้มของนางทำให้ดูตลกมากยิ่งขึ้น

โม่ฉีหมิงยื่นมือมาเช็ดน้ำตาของนาง น้ำตาที่เปีกบนมือของเขาค่อยๆแห้งไป

“หวินหลาน……”

ลูกกระเดือกเขาขยับขึ้น เขาทันไม่ได้ที่จะจูบลงบนดวงตาอันบวมแดงที่นาง ที่ได้ลิ้มรสชาติความเค็มของน้ำตา และค่อยๆจูบแก้มของนาง และจบด้วยริมฝีปากของนาง

เสียงริมฝีปากที่ทั้งสองประกบกันมันชัดเจนมากๆ โล่หวินหลานค่อยๆอินไปกับรสจูบของเขา และยื่นมือของกอดคอเขาไว้ น้ำตาได้แห้งลงบนใบหน้าของนาง และรู้สึกทนทุกข์มาก

ตอนนี้ นางแค่รู้สึกว่ามันมีสาระมาก นางกอดตัวของเขาไว้ และลิ้มรสจูบของเขา ทุกจูบของเขาที่สัมผัสบนตัวของนางเหมือนเป็นพลังแปลกๆที่ให้รู้สึกถึงความเร่าร้อน

พวกเขาค่อยๆนอนลงบนเตียง มืออันใหญ่เย็นของโม่ฉีหมิงค่อยๆยื่นเข้ามาในเสื้อของนาง นางรู้สึกสะดุ้งขึ้นมาทันที โม่ฉีหมิงจึงหยุดการกระทำของเขาและไม่กล้าขยับ กำลังจะเตรียมตัวถอยออกมา นางกลับกดมือของเขาไว้

ดวงตาคู่นั้นของนางสื่อให้เห็นว่าเขากำลังมุ่งหน้าต่อไปได้ สายตาของโม่ฉีหมิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และถามขึ้น “ได้หรือ?”

โล่หวินหลานทำสายตาที่เต็มไปด้วยความอยาก และพยักหน้าให้เขา

โม่ฉีหมิงโห่ร้องขึ้นมาอย่างดีใจ เขาจูบนางอย่างดุเดือด และเริ่มการกระทำที่เมื่อครู่ได้หยุดไป

เขาขึ้นไปอยู่บนร่างนาง และแกะกระดุมของนางอย่างรีรอไม่ได้ กลับได้ยินเสียงแรงๆของนาง โม่ฉีหมิงหยุดชะงักไป และไม่ได้ทำต่อ

ทำไมหรือ? ทันโดนเจ้าหรือ?” โม่ฉีหมิงถามขึ้นอย่างกระวนกระวาย

เขาค่อยๆจับมือของนาง ข้างบนยังห่อยาไว้อยู่เลย และยังแนบด้วยแผ่นไม้ เขาจะเอานางมาครอบครองตอนนี้ได้เยี่ยงไร?

“ไม่เป็นไร ถ้าไม่เป็นไรจริงๆ” โล่หวินหลานปล่อยมือเขาลง และปลอบใจเขา

กอดร่างเขาไว้ และกอดเขาไว้ด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายกลับโดยผลักออก

“ตอนนี้เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ยังไงก็รอครั้งหน้าเถอะ ไม่มีอะไรที่สำคัญเท่าแผลของเจ้า” โม่ฉีหมิงใช้สติของตนเองที่มีอยู่ตอนนี้พูดขึ้น

เขาต้องกดขี่ความอยากของตนเองอย่างยากลำบากแค่ไหน ก็เพื่อไม่อยากทำร้ายนาง คิดว่าไม่มีใครทนทุกช์ทรมานเท่าเขาอีกแล้ว

ทุกอย่างเขาก็มักจะปล่อยให้อาหารที่กำลังจะเข้าปากลอยไปต่อหน้าต่อตา ตนเองทรมานเกือบถึงตาย นางกลับทำสีหน้าไม่เป็นไร กลับสัมผัสไม่ได้ถึงความทรมานที่เขามี

โล่หวินหลานมุดไปอยู่ตรงกลางอกของนางอย่างละอายใจ หารู้ไม่ ทำเยี่ยงนี้กลับยิ่งทำร้ายโม่ฉีหมิง

“ใช่แล้ว แผลของไซ่เย่ว่ยังไงข้าก็ต้องไปดูเองให้เห็นกับตา ไม่เช่นนั้นข้าไม่วางใจ”

“อืม”

“เจ้าคิดไว้ว่าจะจัดการกับเย่เซียวหลัวเยี่ยงไร? ยังไงนางคือคนในตระกูลเย่ ห้ามทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด” โล่หวินหลานพูดขึ้นเสียงต่ำ

“อืม”

ทำไมตอบแต่คำว่าอืม? โล่หวินหลานเงยหน้ามองเขาอย่างทนไม่ได้ และพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ?”

โม่ฉีหมิงไม่ได้พูดคำว่าอืมอีกต่อไป และโอบไหล่ของนางไว้ และถอนหายใจเบาๆ “ไม่ได้โกรธ แค่รู้สึกว่าเจ้าดีเกินไป เย่เซียวหลัวทำร้ายเจ้า ยังช่วยนางพูดอะไรเยี่ยงนี้อีก”

แค่นึกถึงวันนี้ที่เย่เซียวหลัวทำกับเจ้า เขาอยากจะลอกหนังนางออกมาให้หมด

“ข้าไม่ได้ใจดี ข้าแค่คิดถึงเจ้า ถ้าเจ้าจัดการนางได้หนักเกินไป ตระกูลเย่ต้องกัดเจ้าไม่ปล่อยอีกแน่นอน แต่พวกเขาโวยวายไปถึงฮ่องเต้เจียเฉิง จะพูดเยี่ยงนี้พวกข้าก็เป็นฝ่ายผิด” นางแค่ไม่อยากให้โม่ฉีหมิงต้องทำเรื่องยาก

นางรู้ว่าโม่ฉีหมิงไม่ยอมปล่อยเย่เซียวหลัวไปง่ายๆอย่างแน่นอน แต่ว่าตอนนี้จะทำร้ายนางไปแล้วจะทำไม?

ตระกูลเย่มีอำนาจสูงส้ง ต้วนกุ้ยเฟนยังมีตำแหน่งเป็นกุ้ยเฟย เย่ฮองเฮายังมีฮองเฮาอีก ถ้าพวกเขาทำร้ายพระชายา ไม่ใช่ว่าแก้แค้นนางแล้วจะทำให้พวกข้าต้องลำบาก?

“เจ้าวางใจเถอะหน่ะ ข้ามีขีดจำกัดของข้า” โม่ฉีหมิงพูดแค่ประโยคเดียวแล้วไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้

ถึงแม้เขาจะถูกด่าว่าเยี่ยงไรก็ไม่สน กล้ามาแตะต้องคนของเขา ยังไงเซ่เซียวหลัวก็คงรู้ตั้งแต่ที่แรกในผลที่ตามมา

ในทิศตะวันตกของตำหนักหมิงอ๋อง มีห้องกักขังอยู่ที่หนึ่ง ข้างในมีบรรยากาศหนาวเย็น หิมะได้ตกเข้าไปในนั้นตลอดเวลา

เย่เซียวหลัวที่สวมเสื้อแค่ชั้นเดียวหนาวจนสั่นไปทั้งตัว ถึงแม้นางจะอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ แต่นางก็ไม่เคยลืมคำสาปแช่ง แล้วก็เรื่องที่ข่มเหงตนเอง

ใบหน้าของนางเสียโฉม แต่ว่าใจของนางก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิม และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

วันนี้ไม่ได้ฆ่าโล่หวินหลานเรื่องที่ผิดพลาดสำหรับนาง แค่มีโอกาส นางจะไม่ยอมเปลี่ยนความคิดนี้อีก

นางขดตัวอยู่ตรงมุม ในห้องเงียบสงบจนได้ยินแค่เสียหายใจของนางเอง ถ้าโม่ฉีหมิงมีปัญญาก็ปล่อยให้นางตายที่นี่เลย แค่กลัวเขาจะไม่กล้า

พึ่งจะคิดถึงเยี่ยงนี้ ข้างหลังของนางกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น และตามมาด้วยเสียงเปิดประตูเหล็ก เสียงหยดน้ำหยดลงบนพื้นได้หยุดลง นางตั้งใจฟังดูเสียงแล้ว น่าจะมีคนกำลังเข้ามา

“ท่านอ๋องสั่งมาว่า ให้มือข้างซ้ายของนางพิการไปเลย แล้วทิ้งนางไปตรงแถวชานเมือง”เสียงโหดเหี้ยมดังขึ้นในคุกแห่งนี้

ไม่รู้ว่าเขากำลังจะบอกเย่เซียวหลัวหรือบอกคนข้างๆ หรือว่าแค่อยากจะให้นางรู้โชคชะตาของตนเอง

เย่เซียวหลัวมองไปยังมือข้างซ้ายของนาง เพราะว่านางเหยียบมือข้างซ้ายของเหอซื่อ จึงต้องทำร้ายมือซ้ายของตนนั้นหรือ?

จู่ๆนางก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา น้ำตาก็ได้ไหลลงมาผ่านแก้มของตน

“ถุ้ย!ถ้ามีปัญญาให้เขามาฆ่าข้า ไม่กล้าใช่หรือไม่? แค่ข้ายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เพียงวันเดียว พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าตนเองจะมีความสุข!จำไว้เลย!”เย่เซียวหลัวยิ้มพอแล้ว และกำลังจะเอ่ยปากด่าคน

คำพูดอะไรน่าฟังน่าเกลียดนางก็จะด่าคำๆนั้นออกมา

มีดแหลมคมเล่มหนึ่งเล็งอยู่ตรงคอของนาง ลมหายใจแรงๆของเขาได้กระทบอยู่กับนาง ทำให้เห็นว่าเขาอดทนกับความโกรธ

“ฆ่าข้าสิ มีปัญญาก็ฆ่าข้าให้ตาย พวกเจ้ามันกากกว่าหมูหมาเสียอีก…….”

มีเสียงสะท้อนออกมาจากคุก

เสียงด่าของเย่เซียวหลัวได้หยุดลง หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ เพราะมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากมือซ้ายของนางอย่างไม่หยุด

ความเจ็บปวดครั้งนี้มันหนักจนกลบความรู้สึกของนางไปแล้ว มีแค่ความเฉยชาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวของนาง และรวมไปถึงใจของนางด้วย

สิ่งที่ถูกทำร้ายยังมีศักดิ์ศรีของนางเอง

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้ายิ่งมองก็ยิ่งมัวและไม่ชัดเจน ค่อยๆสูญเสียความรู้สึกของตนเองไป เล็บที่กำลังขูดอยู่บนฝาผนังได้หยุดดังขึ้น

ไม่มีความรู้สึกใดๆอีก

องค์รัชทายาทที่กลับถึงตำหนักของตนเองพอนึกถึงสิ่งที่ได้เห็นวันนี้ ก็รู้สึกยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่ปกจิ แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนไม่ปกติ

โม่ฉีหมิงกับเหอซื่อมีความสัมพันธ์กันแน่

เหอซื่อเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเซิ่งโจวโม่ฉีหมิงเป็นองค์ชายของแคว้นโม่ฉี ถ้าบอกว่าเจอหน้ากัน ก็เจอกันแค่ 3 ถึง 4 ครั้งก็เท่านั้น

จะพูดถึงความสัมพันธ์ ทีแรกโม่ฉีหมิงจะสู่ขอองค์หญิงเหอซื่อ แต่พอพวกเขาทั้งสองจบกันไม่สวย เลยไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก

ตอนที่โม่ฉีหมิงเห็นนางได้รับบาดเจ็บ ได้รู้สึกโมโหมากๆ และอุ้มเหอซื่อขึ้นมาท่ามกลางผู้คนมากมาย เขาต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมากอย่างแน่นอน

คิดว่าเหอซื่อน่าจะพักอยู่ในตำหนักหมิงอ๋อง หรืออาจเป็นเพราะเหอซื่อเป็นคนเข้าไปอยู่สายสืบ โม่ฉีหมิงส่งนางไปสืบอะไรหรือ?

การคาดเดาเยี่ยงนี้ไม่น่าใช่ ไม่มีทางทีโม่ฉีหมิงจะเอาคนที่ตนรักไปเสี่ยงอันตรายเยี่ยงนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่มีทางตกหลุมรักเหอซื่ออย่างแน่นอน

องค์รัชทายาทยิ่งคิดก็ยิ่งมั่วเข้าไปกันใหญ่ แต่ว่าในใจของเขาได้รู้ขัดในสิ่งๆหนึ่ง เหอซื่อต้องเป็นคนของโม่ฉีหมิงอย่างแน่นอน แต่เรื่องที่เป็นคนของโม่ฉีหมิงได้เยี่ยงนี้ นั้นเขาไม่รู้

“องค์รัชทายาทขอรับ บ่าวมีเรื่องจะทูลขอรับ” คนๆหนึ่งวิ่งพุ่งเข้ามาในตำหนักหลักอย่างเร่งรีบ

องค์รัชทายาทพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “มีเรื่องอะไรหรือ?”

“ทูลองค์รัชทายาท ไม่กี่วันนี้บ่าวได้ไปหาเบาะแสของแม่หญิงจิ่นซื่อในชานเมืองหลวง ไปถามชาวบ้านหลายร้อยคน สุดท้ายก็ได้เจอจิ่นซื่อที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีนามว่าผิงจี๋” คนๆนั้นทูลกลับด้วยความตื่นเต้น

พอได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับจิ่นซื่อ องค์รัชทายาทจึงรีบลุกขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดีใจ

“เตรียมรถม้าและคน และรีบพาข้าไปที่โน่นเดี๋ยวนี้”

บ่าวผู้นั้นได้พยักหน้า และรีบเดินออกจากที่นั่นเพื่อไปเตรียมตัว

องค์รัชทายาทเดินกลับไปในห้อง ได้จับผนังด้านซ้ายขึ้นแล้วค่อยๆเปิดประตูหลับขึ้น ห้องดำมืดกำลังจะปรากฏต่อหน้าตนเอง

เขารีบเดินเข้าไปก้าวใหญ่ๆ และได้สัมผัสถึงธนูที่เกาะไว้กับฝาผนัง ธนูอันใหญ่ที่ทำด้วยทองมันหนักมาก อีกอย่างธนูสีทองดูแล้วก็เหมือนของล้ำค่า เขาค่อยๆจับธนูดูแล้วไม่มีฝุ่นเกาะเลย และออกจากประตูอย่างบ้าอำนาจ

เขาไม่เคยใช้ธนูทองนี่เลย ทุกครั้งที่เขาใส่มัน แสดงว่ามันต้องมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น

องค์รัชทายาทมีกำลังทหารนับร้อยๆ มีชุดเกราะป้องกัน และตรงเอวนั้นมักจะพกดาบยาวไว้ ทุกคนดูสีหน้าโหดเหี้ยม และนัยนต์เลือดเย็น

คนพวกนั้นเป็นคนที่องค์รัชทายาทฝึกฝนออกมาทั้งหมด มีแค่เขาที่สามารถใช้พวกเชาได้ พวกเขาฟังแต่คนที่เป็นนายพวกเขาเท่านั้น

ทหารหลายร้อยคนออกไปนอกเมืองพร้อมกัน และเหยียบอยู่บนพื้นหิมะทำให้เปิดรอยเท้าม้ามากมาย

รอให้พวกเขาออกจากในเมือง คนที่ยืนอยู่ตรงกำแพงสูงได้หายตัวไปทันที มีร่างเสื้อดำเข้าไปในวัง แล้วไปทูลคนที่ยืนอยู่ตรงป้อมปราการ

“ท่านอ๋องขอรับ องค์รัชทายาทได้ออกนอกเมืองไปแล้ว ต้องส่งคนแอบสะกดรอยตามไปหรือไม่เจ้าคะ?” เย่เฟิงทูลถามขึ้น

“สะกดรอยตามก็ไม่ต้อง พวกเจ้าไปยืดเวลาที่พวกเขาออกไปก็พอ” โม่ฉีหมิงทำตาหยีและเย็นชา แล้วมองไปที่ไกลๆ

เสียงม้าวิ่งค่อยๆหายไป เหลือแต่เพียงเสียงลมและหิมะพัดผ่านและทำให้บรรยากาศนั้นสวยงาม ทำให้กลายเป็นบรรยากาศที่ดูเงียบเหงามากยิ่งขึ้น

โม่ฉีหมิงค่อยๆทำสายตาที่อ่อนลง สุดท้ายไม่มีใครหนีคำว่ารัก

ขนาดเขาเองที่เข้มงวดกับตนเองเป็นอย่างมากยังเป็นเลย นับภาษาอะไรกับองค์รัชทายาท?

จิ่นซื่อเป็นคนที่คอยคิดถึงและรู้สึกผิดด้วยในตลอดชีวิตนี้ มีแค่จิ่นซื่อเท่านั้นที่จะสามารถทำให้เขาไม่พูดไม่จาแล้วออกจากเมืองไปอย่างดื้อๆ

“รับทราบขอรับ” เย่เฟิงพยักหน้า หันหลังเดินออกมาจัดการเรื่องทุกอย่าง

โม่ฉีหมิงทำสายตาปกติอีกครั้งและค่อยๆเดินออกจากป้อมแล้วกลับตำหนัก

แค่องค์รัชทายาทออกจากเมืองหลวง เรื่องที่ตามมาข้างหลังก็จะจัดการได้ง่ายมากขึ้น

เรื่องของเย่ฮองเฮาต้องวางแผนใหม่ ยังไงองค์รัชทายาทไม่ยอมให้นางไปอยู่ต่อหน้าต้วนกุ้ยเฟย และพูดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น นั้นเขาก็คงต้องหาวิธีอื่น

กลับไปถึงตำหนัก สวินโม่ออกมาจากตำหนักหลักอย่างเร่งรีบ ไปถึงในห้องไม่เจอโล่หวินหลาน จึงตามหาไปทั่ว

“สวินโม่ เกิดอะไรขึ้น?” พอเห็นเขาเดินไปตามมา แล้วถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ข้ากำลังจะเตรียมลงยาใหม่ให้องค์หญิงเหอซื่อ แต่พอไปถึงในห้องไม่เจอนางเลย ข้ารู้สึกแปลกใจ คนทั้งคนทำไมถึงหายไปได้?” สวินโม่รู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจ

ไม่อยู่ในห้อง เวลานี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากตำหนัก คงมีแค่ที่ๆเดียวที่นางจะไป

“เจ้าตามข้ามา”

โม่ฉีหมิงเข้าใจนาง หันหลังเดินไปทางทิศใต้ของสวน เขาก้าวเดินไปด้วยฝีเท้าที่รู้สึกมั่นใจว่านางต้องอยู่ที่นั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก