ตอนที่ 415 ความเขินอาย
สุราไหลรินลงไปในลำคอ ร้อนไปทั้งกระเพาะ
"รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?" โม่ฉีหมิงเอาแก้วสุรามาจากมือของนาง จากนั้นก็วางไว้บนโต๊ะด้านข้าง แล้วจับมือของนาง วางไว้บนตักของเขา
"มีกลิ่นฉุนเล็กน้อยเพคะ" โล่หวินหลานกล่าว จากนั้นก็ไอสองสามที
"ไหน? ข้าขอชิมดูหน่อย?" โม่ฉีหมิงพูดจบ ก็เชยหน้านางขึ้นมา จากนั้นก็ชิมสุราผ่านริมฝีปากของนาง
โล่หวินหลานหน้าแดงระเรื่อ สองมือของนางผาดไปที่คอของเขา ตอบรับการจูบในครั้งนี้ แสงจันทร์สีนวลส่องสว่างเข้ามาด้านใน
ภายใต้แสงจันทร์นี้ โม่ฉีหมิงถอดชุดของนางออก จากนั้นชั่วพริบตาทั้งคู่ก็เปลือยเปล่า
ผิวสีขาวดุจหิมะเมื่อต้องอากาศด้านนอก ก็หนาวเล็กน้อย โล่หวินหลานเอาตัวเข้าชิดตัวเขา เพื่อรับความร้อนจากคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนนี้ตัวของเขาช่างร้อนละอุ
"เจ้ารอไม่ไหวแล้วหรือ?" โม่ฉีหมิงยิ้มและพอใจที่นางกระชับตัวเข้ามา เขายื่นมือไปจับที่เอวของนาง
โล่หวินหลานที่กำลังจะตอบเขานั้น ก็ถูกร่างใหญ่กดทับลงมา
แววตาของเขามองนิ่งมายังใบหน้าของนาง หน้าของนางตอนนี้แดงระเรื่อ เต็มไปด้วยความสุข ในที่สุดนางก็เป็นของเขาแล้ว ช่วงเวลานี้เขารู้สึกว่าไม่มีสิ่งที่ค้างคาในใจอีกต่อไป
"หวินหลาน....." เขาร้องเรียกชื่อของนาง
มือหนาไล่สัมผัสไปทั่วร่างของนาง ในค่ำคืนที่เร่าร้อนนี้ เขาอยากที่จ้องมองดวงตาของนาง มองทุกการกระทำของนาง มองดูนางบรรเลงเพลงรักกับเขาอย่างสุขสม
หลายปีมานี้ พวกเขาพบเจอกัน พลัดพรากกัน แล้วพบเจอกันอีกครั้ง ราวกับเทวดากำลังกลั่นแกล้ง ตอนนี้โชคดีที่เขาได้พบเจอกับนางอีกครั้ง ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านางอีกแล้ว
เขาเคยนอนละเมอเพ้อฝันถึงนางยามค่ำคืน ในฝันนั้นนางเดินจากเขาไป และเขาไม่เคยคว้าตัวนางไว้ได้ทัน
ตอนนี้นางได้มาอยู่ข้างกายเขาแล้ว ในที่สุดนางก็เป็นของตน
เขาค่อยๆสอดใส่เข้าไปในตัวนาง เพลงรักที่ร้อนละอุนี้ ราวกับอดทนมานานแล้วระเบิดออกมาจนสิ้น
"อ๊า.....ท่านเบาหน่อย....." โล่หวินหลานกล่าว นางกัดที่ไหล่ของเขา รองรับพายุที่เขานำมานี้
นี่เป็นครั้งแรกของนาง เขากลับรุนแรงกับนางเช่นนี้ ช่างเกินไปเหลือเกิน!
แต่มองดูหน้าของเขาในตอนนี้ เต็มไปด้วยความสุข เป็นความเจ็บปวดที่มีความสุข เขากอดนางแน่นจากนั้นก็พรมจูบจนทั่ว แล้วสอดใส่เข้าไปในตัวนางอีกครั้ง
"หวินหลาน หวินหลาน หวินหลาน......" เขาร้องเรียกชื่อนาง
เทียนสลัวส่องสว่างทั้งคืน จนใกล้รุ่งสางของเช้าวันที่สองจึงค่อยๆมอดไป
พระอาทิตย์ขึ้น สาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา
โล่หวินหลานขมวดคิ้ว นางพลิกตัวไปอีกด้าน ก็พบกับใบหน้าของเสือที่ดุร้ายเมื่อคืน ที่ตอนนี้กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์มองนางอยู่
ผ้าห่มที่ห่มเอาไว้นั้น ลดลงไปทำให้เห็นทรวงอกของนาง
"ทำไมตื่นเช้าจัง? ไม่นอนให้มากหน่อยหรือ?" โม่ฉีหมิงถามด้วยเสียงแหบพร่า
นางเองก็ไม่รู้ว่าเขาจ้องมองดูนางเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขามองดูนางดุจของล้ำค่า โล่หวินหลานรู้สึกเขินอาย จึงหลบสายตาของเขา
"หืม เป็นอะไรไป? เจ้าอายหรือ?" โม่ฉีหมิงถามอย่างเจ้าเล่ห์ เขายิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนี้ทำให้โล่หวินหลานแทบละลาย
"ใครจะเหมือนท่านพี่ล้ะ ที่ไม่รู้จักการเขินอาย" โล่หวินหลานหน้าแดงระเรื่อ แล้วมุดตัวลงไปในผ้าห่ม ไม่ไปมองหน้าเขา
เมื่อคืนเขาไม่ยอมปล่อยให้นางได้นอนเลย ตนกว่านางจะเหนื่อยและบอกให้เขาปล่อยตัวนาง นางจำไม่ได้แล้วว่าเพลงรักเมื่อคืนจบลงเช่นไร นางรู้เพียงว่านางเหนื่อยจนเผลอหลับไป
เพียงแต่ มือหนาไม่ยอมให้นางมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาช้อนตัวนางขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกระซิบที่ข้างหู “สิ่งที่ควรเห็น และไม่ควรเห็น ล้วนเห็นหมดแล้ว หลังจากนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว เรื่องอย่างนี้เจ้าต้องเผชิญหน้ากับมัน มีอะไรน่าอายกัน?"
โล่หวินหลานที่ถูกเขาช้อนขึ้นมา ทำให้ผ้าห่มที่นางห่มตัวตกลงไปบนพื้นจนหมด เผยเนื้อตัวของนางที่เต็มไปด้วยรอยแดง และยังมีรอยฟันรอยหนึ่งอีกด้วย
โม่ฉีหมิงมองดูหัวไหล่ของนาง ราวกับจะพ่นไฟ แววตาเช่นนี้ของเขา เมื่อคืนโล่หวินหลานเห็นมาหลายรอบแล้ว นางรู้ว่าเขาอยากจะทำสิ่งใด จึงรีบเอาผ้าห่มที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาห่มตัวเอาไว้
"ท่านพี่มองสิ่งใด? สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือของท่านที่รุนแรง....." นางพูดได้เพียงครึ่งเดียว จากนั้นโล่หวินหลานก็หยุดพูดไปกลางคัน
นางพูดสิ่งใดไป
โม่ฉีหมิงมองนิ่งมาที่นาง แล้วยิ้ม “เมื่อคืนใครกันที่เอาเท้าทั้งสองมารัดตัวข้าเอาไว้ พูดอีกครั้งสิ?
โล่หวินหลานเขินอาย นางชกไปที่หน้าอกของเขาเบาๆ
"ทั้งหมดก็เพราะท่านพี่......ไม่พูดแล้ว รีบตื่นกันเถอะเพคะ" นางมองดูท้องฟ้า ที่ตอนนี้สว่างแล้ว แต่ยังไม่ตื่นนอนกันอีก
หากถูกชิวโม่ไป๋และหมิงซีรู้เรื่องนี้เขา คงต้องรู้แน่ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
เขาเก็บหมอนขึ้นมา จากนั้นก็ปัดฝุ่นให้สะอาด แล้วเอาไปวางข้างตัวนาง มือหนาจับไปที่ตัวของนางซึ่งตอนนี้มีผ้าห่มกั้นเอาไว้ แล้วพูดเสียงน่าหลงใหล “รอพี่นะ"
ขณะที่เข้าวังหลวงนั้น ฮ่องเต้ได้เข้าไปยังห้องหนังสือแล้ว จ้าวกงกงยืนเฝ้าตรงหน้าประตู ไม่ได้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายฮ่องเต้เจียเฉิง
โม่ฉีหมิงจัดชุดของตนให้เรียบร้อย แล้วเดินเข้าไป
ด้านในห้องหนังสือนั้นเย็นยะเยือกกว่าทุกครั้ง โม่ฉีหมิงทำความเคารพ แล้วลุกขึ้นยืน
"เรื่องเมื่อวานเจ้าจัดการอย่างไรบ้าง?" ฮ่องเต้เจียเฉิงเอ๋ยถาม
"ขณะที่หม่อมฉันกำลังจะจัดการโม่ฉีหาน เย่เซียวหลัวก็ได้วางยาพิษทำให้ทุกคนนั้นสลบลงไป นางจับพระชายาเป็นตัวประกัน หม่อมฉันกลัวว่าพระชายาจะเป็นอันตราย จึงได้ยิงธนูออกไป ทำให้เย่เซียวหลัวนั้นสิ้นใจ" โม่ฉีหมิงตอบอย่างไร้อารมณ์ เขาพูดให้ทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา
"ส่วนโม่ฉีหานนั้นในตัวของเขามีพิษลืมรัก บวกกับยาพิษที่เย่เซียวหลัวใช้ ทำให้ตอนที่หมอหลวงมาถึง เขาก็สิ้นใจแล้วพะยะค่ะ"
ในเมื่อทั้งสองต่างก็ตายไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะตายอย่างไร ก็อย่าได้กล่าวถึงอีกเลย
ฮ่องเต้เจียเฉิงลืมตาขึ้น เขาจ้องมองไปยังโม่ฉีหมิง แล้วหัวเราะในลำคอ “ตายเช่นนี้กันหมด? หรือเจ้าวางแผนเอาไว้อยู่แล้ว?"
เมื่อได้ยินคำถามของฮ่องเต้ โม่ฉีหมิงเองก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่อย่างใด แม้แต่คิ้วของเขายังไม่ขมวดแม้แต่น้อย “โม่ฉีหานชักนำองค์ชายดงเหอเพื่อมากล่าวโทษพระชายา สุดท้ายเขาก็แพ้ในครั้งนี้ ทางด้านเย่เซียวหลัวที่คิดจะจับพระชายาเป็นตัวประกัน ก็ไม่อาจทำสำเร็จได้ ทั้งสองมาที่นี่ก็เพราะพระชายา หม่อมฉันไม่อาจที่จะปล่อยพวกเขาไปได้ ท่านพ่อโปรดลงโทษหม่อมฉันด้วย"
อ๋องหลัวสิ้นพระชนม์ โม่ฉีหานเองก็สิ้นพระชนม์ ส่วนโม่ฉีซิวก็สละตำแหน่ง ฮองเฮาเองก็ออกจากวังหลวงเพื่อไปปฏิบัติธรรม ต้วนก้วยเฟยก็ทำความผิดทำให้ถูกขังอยู่ในคุกหลวง ตอนนี้เหลือเพียงโม่ฉีหมิง
ฮ่องเต้เจียเฉิงคิดบางอย่างขึ้นได้ เขามองไปทางโม่ฉีหมิง ที่ตอนนี้เป็นองค์รัชทายาท หรือทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเขา เพื่อให้ตนได้เป็นองค์รัชทายาท
"เจ้ากล้าพูดหรือไม่ ว่าเรื่องตั้งมากมายนี้ ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย?" ฮ่องเต้เจียเฉิงเอ๋ยถาม คนที่ดูน่าเกรงขามอย่างเขา ตอนนี้คล้ายกับเริ่มสั่นคลอน
เขากลัวความคิดของตนเอง เขาไม่อยากคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของโม่ฉีหมิง แต่ก็มีเพียงเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ในตอนท้ายที่สุด ในขณะที่พี่น้องคนอื่นนั้นต่างหายไป
ซึ่งมันน่าแปลกยิ่งนัก
"ท่านพ่อไม่เชื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องเหล่านี้ ลอบฆ่าพี่น้อง ทำร้ายพี่น้องทั้งหมดล้วนไม่ใช่แนวทางการกระทำของหม่อมฉัน นับตั้งแต่วันที่หม่อมฉันได้นั่งอยู่บนรถเข็นเป็นวันแรก หม่อมฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะมายืนอยู่จุดนี้ได้พะยะคะ" โม่ฉีหานกล่าว
เมื่อพูดถึงรถเข็น พูดถึงเรื่องในอดีต สีหน้าของฮ่องเต้ก็ดูอ่อนลง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดต่อโม่ฉีหมิงยิ่งนัก
นานครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้น “องค์ชายดงเหอล้ะ เป็นเช่นไร?"
"หม่อมฉันได้เขียนจดหมาย ซึ่งเนื้อความเกี่ยวข้องกับความสงบของแคว้นโม่ฉีและแคว้นเซิ่งโจว และให้องค์ชายดงเหอนำกลับไปแล้วพะยะคะ คิดว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก