ตอนที่ 417 มองหาความสนุก
ผ่านไปหลายวัน ชิวโม่ไป๋พร้อมด้วยลูกศิษย์และลูกศิษย์สะใภ้ได้เข้ามาทูลลา พวกเขาอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทนี้มานานหลายวัน ขืนอยู่ต่อไปคงจะทำให้ชาวบ้านว่าเอาไว้
อีกทั้ง ที่หุบเต๋นั้นพวกเขายังมีสมุนไพรเก็บเอาไว้ ต้องมีคนคอยดูแล ซึ่งสมุนไพรเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งล้ำค่า หากเสียไปแล้ว ก็คงเสียดายน่าดู
เคยชินกับความสงบสุขบนหุบเขา อยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทมีคนคอยปรนนิบัติทั้งหน้าหลัง ทำให้ไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก เขาเป็นคนชอบทำทุกสิ่งด้วยตนเอง จึงอยากกลับไปอยู่ที่หุบเต๋เสียมากกว่า
ฟังเหตุผลมากมายที่ชิวโม่ไป๋พูดขึ้น โล่หวินหลานก็ไม่อาจรั้งเขาเอาไว้ได้
"ท่านตา หากมีเวลา หลานกับโม่ฉีหมิงจะกลับไปเยี่ยมพวกท่านที่หุบเต๋" โล่หวินหลานเองก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ นางจึงพูดเช่นนี้ไปก่อน
ชิวโม่ไป๋ตอบรับ เขามองไปทางอาลั่วหลัน “เจ้าก็จะไปด้วยไหม?"
อาลั่วหลันพยักหน้า แล้วเดินไปข้างหมิงซี “หมิงซีอยู่ที่ใด หม่อมฉันก็อยู่ที่นั่นเพคะ"
หมิงซีลูบหัวของนาง อย่างรักใคร่
นางรู้อยู่แล้วว่าอาลั่วหลันต้องตอบเช่นนี้ นางรู้ว่าอาลั่วหลันนั้นรักหมิงซีมาก ยอมที่ไปกับเขาทุกที่ ก็ดีเหมือนกัน ที่ได้พบเจอคนที่พร้อมจะอยู่กับเราไปตลอด ไม่รู้ว่าหมิงซีทำบุญด้วยอะไรจึงเจอเข้ากับนาง
"เสี่ยวฮัว หัวใจของคนเรานั้นอยากที่จะหยั่งถึง เจ้าต้องระวังทุกย่างก้าว อย่าให้โดนใครรังแกได้ ตาไม่อาจอยู่ข้างกายเจ้า คอยปกป้องเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี" ชิวโม่ไป๋กล่าวย้ำเตือนนาง
เมื่อได้ยินคำพูดอย่างเป็นห่วงของเขา นางก็น้ำตาซึม นางคลี่ยิ้มออกมา รู้สึกเพียงว่าได้อยู่ด้วยกันไม่นาน ก็ต้องลาจากแล้ว หากเป็นเช่นนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่แรกคงจะเสียใจน้อยกว่า
"ค่ะ ท่านตา" โล่หวินหลานพยักหน้า
ชิวโม่ไป๋ก็กล่าวอีกสองสามประโยค โล่หวินหลานเองก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะออกไปนางก็นำให้เขาจำนวนเงิน แต่ชิวโม่ไป๋ก็ได้ปฏิเสธ
ที่หุบเต๋นั้นห่างไกลผู้คน เขาไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เงินนั้นก็ใช้เพียงนำไปแลกอาหารและเสื้อผ้าก็เท่านั้น อีกอย่างสมุนไพรที่เก็บได้บนหุบเต๋ก็พอต่อการใช้จ่ายของเขาแล้ว
โล่หวินหลานรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร นางจึงไม่ได้ดันทุลันจะยัดเยียดให้ จากนั้นจึงรับสั่งให้บ่าวไพร่เตรียมรถม้า แล้วให้เย่หวินส่งพวกเขาไป
โล่หวินหลานส่งเขาไปถึงนอกเมือง ชิวโม่ไป๋ก็บอกให้นางกลับไป นางมองดูรถม้าสีฟ้าครามที่วิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ โล่หวินหลานรู้สึกโหว่งเหวงในใจ
นางทะลุมิติมาที่โลกนี้ก็นานหลายปี จนนางเริ่มจะเคยชินกับวิถีชีวิตของคนที่นี่เสียแล้ว นางมีทั้งคนรัก มีทั้งญาติ มีเพื่อน และคนที่นางสามารถไว้ใจได้คนที่สามารถปกป้องนางได้ และนางก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
บางที นางก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน.....
นางเพียงไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนของนางในโลกปัจจุบันจะเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่นางจากมา พวกเขาจะคิดถึงนางบ้างไหม นางได้กลายเป็นหนึ่งในบทสนทนาของพวกเพื่อนๆหรือไม่
บางทีนางเองก็คิดว่าเวลานั้นช่างผ่านไปแล้ว แต่ในทางกลับกันกลับเดินช้าเหลือเกิน
ค่ำคืนนี้โม่ฉีหมิงก็กลับมาในเวลาค่ำมืดแล้ว นางบอกกับเขาเรื่องที่ชิวโม่ไป๋กลับไปยังหุบเต๋ เขามองหน้านางแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าเอาแต่อยู่ในตำหนักรู้สึกเบื่อหน่ายใช่หรือไม่? ไว้รอข้าจัดการงานของหลวงให้เรียบร้อย จะพาเจ้าออกไปพักใจ"
เขาจะมีเวลาได้อย่างไร โล่หวินหลานไม่ได้พูด แต่นางรู้ว่าเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท เขาไม่มีเวลาออกไปนอกเมืองง่ายๆหรอก
โม่ฉีหมิงราวกับเดาได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาหยีที่ผมของนางอย่างเอ็นดู “เจ้ากำลังคิดสิ่งใดข้ารู้ดี ท่านพ่อกำลังจะส่งขุนนางไปที่หนางเจียง ซึ่งต้องผ่านมือข้า ถึงเวลานั้นเราจะใช้ข้ออ้างนี้ไปเที่ยวหนานเจียงกัน"
โล่หวินหลานหันกลับมา แล้วจับไปที่ใบหน้าของเขา ตอนนี้หน้าของเขาซูบลงมาก ใบหน้าเองก็เริ่มมีริ้วรอย มองดูเขาช่างอิดโรยนัก
"ท่านพี่ซูบผอมลงไปเสียแล้ว ช่วงนี้มีงานที่แก้ปัญหายากหรอเพคะ?" นางเอ๋ยถาม
โม่ฉีหมิงคว้ามือของนางเอาไว้ ไม่อยากให้นางเป็นกังวลกับเรื่องในราชสำนัก ขุนนางเก่าที่อยู่ฝ่ายโม่ฉีซิวยังอยู่ เขาต้องตัดปีกคนพวกนั้น ไม่ให้ปีกกล้าขาแข็ง จึงต้องใช้เวลา
แม้ว่าตอนนี้ตำแหน่งจะอยู่ในมือเขา แต่ก็ไม่อาจที่จะมองข้ามขุนนางเก่าแก่เหล่านั้นได้ หากพวกเขาต่อต้าน ฮ่องเต้เจียเฉิงก็คงไม่วางใจในตัวเขา
แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเห็นคนพวกนั้นอยู่ในสายตา หลังจากที่เขารับตำแหน่ง เขาก็จะค่อยๆกำจัดทิ้ง
"ไม่มีสิ่งใดหรอก ช่วงนี้ข้ามัวแต่สนใจเรื่องในราชสำนัก จนไม่มีเวลาให้เจ้า ข้ารู้สึกคิดถึงเจ้ามากก็เท่านั้น" โม่ฉีหมิงยิ้ม
"ปากหวานเกินไปแล้วเพคะ!” โล่หวินหลานตีไปที่อกของเขาเบาๆ
"หม่อมฉันบอกให้นางกำนัลเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ท่านไปอาบเถอะเพคะ" โล่หวินหลานกล่าว
โม่ฉีหมิงจับที่ผมของนาง แล้วไปค้องที่หู จากนั้นก็พูดกระซิบ “คืนนี้รอข้านะ"
โล่หวินหลานรีบผลักเขาออกไป “รีบไปอาบน้ำเถอะเพคะ!”
เขายิ้มแล้วเดินจากไป ตอนที่แผ่นหลังนั้นเดินห่างออกไป แววตาของเขายังคงยิ้มอยู่
ไม่นานเขาก็กลับมา นางตั้งใจนอนอยู่บนเตียงแล้วแกล้งหลับ บนตัวของเขามีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นนั้นเดี๋ยวใกล้เดี๋ยวไกล แล้วสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงเตียง
โม่ฉีหมิงมองดูใบหน้างดงามของนางราวกับงานศิลปะ เขายื่นมือออกไปจับอย่างอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว มือหนาลูบไล้ไปที่ใบหน้าของนาง เขาจับจากคิ้วของนาง ไปยังดวงตาและหยุดตรงที่ริมฝีปากบาง
เขาลูบไล้นางอย่างทะนุถนอม โล่หวินหลานกลั้นหัวเราเอาไว้ แต่ขนตาของนางกลับสั่นเทา เขาหัวเราะ “แกล้งหลับ?"
โล่หวินหลานลืมตาขึ้น “หม่อมฉันกำลังจะนอนหลับไปแล้วเพคะ แต่ถูกท่านพี่ปลุกให้ตื่น"
มือหนาของเขาค่อยๆลืบคลานเข้ามาในผ้าห่ม จากนั้นเขาก็กดทับลงมาในตัวนาง ทั้งคู่เริ่มบรรเลงเพลงรักกันอีกครั้ง และนี่ก็เป็นอีกค่ำคืนที่ยากจะลืมเลือน
หลินอ๋องไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในราชสำนักกว่าครึ่งเดือน เขาแสร้งป่วยแล้วซ่อนตัวในตำหนัก
ทั้งต้วนก้วยเฟยและเย่ฮองเฮาต่างก็หมดอำนาจแล้ว ตอนนี้เขาเป็นดั่งวัชพืชที่ไร้ที่พึ่ง ไม่รู้ว่าควรไปทางไหนดี
ตอนแรกเขายังไม่เป็นกังวลเพราะยังมีเวินอ๋อง เขาสามารถไปขออยู่กับเวินอ๋องได้ และสามารถอยู่อย่างร่ำรวยอีกหลายปี แต่วันนี้แม้แต่เวินอ๋องก็ไม่อยู่แล้ว ทั้งราชสำนักตกอยู่ในมือของโม่ฉีหมิง แล้วเขาจะสบายใจได้อย่างไร?
หากรู้เช่นนี้เขาคงไม่รังแกโม่ฉีหมิง และไม่ค่อยไปเชยชิมชายาของเขา และจะไม่ค่อยยุแยงโล่หวินหลาน เขาเกลียดสิ่งที่ตนเองเคยทำ หากรู้เช่นนี้ เขาคงไม่เป็นเพียงหลินอ๋อง แต่คงเป็นองค์รัชทายาทแล้ว!
"ท่านอ๋อง นี่เป็นเหยือกที่สามแล้วนพขอรับ หากท่านยังดื่มอีก คงต้องเมาแน่" พ่อบ้านกล่าวเตือนหลินอ๋อง
เมื่อเห็นเขาดื่มสุราเหยือกแล้วเหยือกเล่า ยิ่งดื่มก็จะยิ่งมา พ่อบ้านเองก็เป็นห่วงสุขภาพของเขา
หลังจากที่โม่ฉีหมิงกลายเป็นองค์รัชทายาท เขาก็ไม่เคยเข้าไปในราชสำนักอีกเลย ไม่เคยวางแผนชีวิตของตนเอง เอาแต่หลบตัวอยู่ในตำหนัก ไม่ออกจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว
"เจ้าไม่ต้องมาสนใจ ออกไป!” หลินอ๋องร้องตะโกน แล้วเอาสุราเข้าปาก
พ่อบ้านเองจึงไม่อาจที่จะห้ามเขาได้ เขาจึงเดินออกไป แต่กลับถูกหลินอ๋องเรียกเอาไว้ “ช้าก่อน เจ้าไปตามหรงอันมาให้ข้าที เร็วเข้า!”
หรงอันคือบุตรขายของหลี่ปู้ กว่าเขาจะมีบุตรก็ตอนที่อายุสี่สิบกว่าแล้ว จึงตามใจหรงอันมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในคนร้ายกาจของเมืองหลวง
หลินอ๋องและหรงอันนั้นเป็นคนประเภทเดียวกัน ชื่นชอบเที่ยวเตร่และสาวงาม ทั้งคู่มักจะมีบทสนทนาเดียวกัน วันๆเอาแต่เที่ยวนารีและสุรา
แต่หลังจากที่หลินอ๋องสูญเสียเย่ฮองเฮาและต้วนก้วยเฟยไปแล้วนั้น หรงอันก็ไม่เคยมาหาเขาอีกเลย ราวกับไม่อยากเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย
วันนี้ที่เขาเรียกคนไปตามหรงอัน คงเพราะต้องการให้เขาพาตนไปมีความสุขเสียหน่อย เพราะหลายวันมานี้เขาดูเบื่อหน่ายเหลือเกิน
"ท่านอ๋อง คุณชายหรงอันให้มาเรียนท่านว่าคืนนี้เขาไม่ว่าง ดังนั้นจึงไม่อาจมาพบท่านได้" พ่อบ้านกล่าว
หลินอ๋องทั้งดื่ม ทั้งตะวาด หรงอันก็เป็นเพียงบุตรชายของหลี่ปู้ องค์ชายอย่างเขาเชิญมาพบยังไม่มาอีกหรือ ช่างไม่ไว้หน้ากัน จากนั้นเขาก็เตะเก้าอี้
"ไปเชิญเขาอีก!ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไม่มา!”
ครั้งที่สอง พ่อบ้านก็ยังคงมาบอกเขาอีกว่าหรงอันไม่ว่าง หลินอ๋องโมโหมาก จึงไม่ยอม รับสั่งให้พ่อบ้านไปเชิญเขาอีก
สามครั้ง สี่ครั้ง จนสุดท้ายคงเพราะหรงอันทนไม่ได้จึงมาหาเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก