ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 419

ตอนที่ 419 คำหลอกลวง

เขาวุ่นอยู่ในวังหลวงทั้งวัน กว่าจะได้กลับมาที่ตำหนัก ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็เห็นนางกำนัลรีบวิ่งออกมา ราวกับพบเจองูในห้องโถงหลวง

"พวกเจ้าเป็นอะไรไป?" โม่ฉีหมิงถาม

นางกำนัลตอบกลับ “องค์รัชทายาทเพคะ เมื่อครู่พระชายารับสั่งว่าอาหารไม่ถูกปาก ให้ไปทำมาใหม่ ตอนนี้ทำใหม่เป็นรอบที่สามแล้ว แต่พระชายาก็ยังไม่ยอมเสวย กำลังไปลงโทษพ่อครัวเพคะ"

โม่ฉีหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าให้พวกนาง แล้วเดินเข้าไป

"เป็นอะไรไปหรือ? อาหารไม่ถูกปากงั้นก็เปลี่ยนพ่อครัว ไม่เห็นว่าเจ้าต้องทำให้ตนเองหงุดหงิดเลย" โม่ฉีหมิงเดินเข้าไป แล้วตบที่บ่าของนางเบาๆ

โล่หวินหานเมื่อเห็นว่าเขากลับมา ก็ทำหน้าไม่อยากกินอาหารบนโต๊ะ ทั้งที่อาหารบนโต๊ะนั้นดูน่ากินมาก ไม่มีสิ่งใดที่นางไม่ชอบเลย

"ท่านพี่ดูสิเพคะ งดงามแค่เพียงภายนอก พอกินเข้าไปกลับไร้รสชาติ พ่อครัวยังไม่ยอมรับอีกว่าตนแอบอู้งาน!” โล่หวินหลานตบไปที่โต๊ะเสียงดัง

โม่ฉีหมิงมองไม่ออกว่าอาหารจานใดมีปัญหา แต่ใบหน้าที่หงุดหงิดของนางทำให้เขาเอ็นดูยิ่งนัก จึงจับไปที่ใบหน้านั่นอย่างแผ่วเบา

"หากไม่อร่อย พวกเราก็ไม่กิน ข้าจะพาเจ้าไปกินด้านนอก เจ้าอยากกินอะไรก็กินสิ่งนั้น หากไม่อร่อยก็สั่งให้พวกเขาทำใหม่" โม่ฉีหมิงพูดพลางโอบไหล่นาง จากนั้นก็กวาดสายตาเย็นชาไปให้พ่อครัว

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำสิ่งใดผิด แต่หากทำให้โล่หวินหลานต้องหงุดหงิด ก็ถือว่าทำผิดใหญ่หลวง

"พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องมาแล้ว เก็บของแล้วออกจากตำหนักองค์รัชทายาท"

พ่อครัวทำงานที่ตำหนักนี้มานานแรมปี ที่ผ่านมาโม่ฉีหมิงก็ทานในสิ่งที่เขาทำ วันนี้คิดจะไล่เขาไปเสียดื้อๆ แล้วเขาจะไปทำงานที่ไหน?

"องค์รัชทายาท ข้าน้อยทำอาหารตามที่พระชายารับสั่ง ไม่กล้าที่จะทำผิดพลาดแม้แต่น้อย แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดพระชายาจึงกล่าวว่ารสชาติไม่ดี องค์รัชทายาทได้โปรดเห็นใจข้าน้อยด้วย!” พ่อครัวกล่าวแล้วคุกเข่าตรงหน้าโม่ฉีหมิง

โม่ฉีหมิงพูดเสียงเรียบ “อาหารที่เจ้าทำรสชาติย่ำแย่ เจ้ายังกล้าร้องขอกลับข้า? เจ้าคงไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม?"

โล่หวินหลานเองก็ไม่อยากให้เขาออกไป นางเพียงอยากสั่งสอนเขาเท่านั้น แต่เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนี้ นางจึงให้โม่ฉีหมิงลองชิมอาหารบนโต๊ะ

อาหารจานแรกคือซี่โครงสามรส โม่ฉีหมิงกัดไปคำหนึ่ง ก็เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟัน

จากนั้นก็ชิมอาหารจานถัดไป ซึ่งหน้าตานั้นดูเผ็ดจัด เขากลืนเข้าไป แล้วรู้สึกว่าทานยากยิ่ง

"อาหารรสชาติแย่เยี่ยงนี้ เจ้าทำออกมาได้อย่างไร?" โม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว

"คือ ข้าน้อยทำตามที่พระชายารับสั่ง และเติมชูรส พริก ตามที่นางบอก เหตุใดจึงรสชาติแย่?" ประโยคสุดท้ายเขาพูดพึมพำเสียงเบา

โล่หวินหลานรู้สึกอารมณ์ร้อนอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด

"เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ? ข้ารับสั่งให้เจ้าใส่ชูรสและพริก แต่เจ้ากลับทำเช่นนี้? ไม่มีรสชาติแม้แต่น้อย ข้ากินไม่ลง!” โล่หวินหลานกล่าว

โฒ่ฉีหมิงจับมือของนาง ตอนนี้เขาคิดว่าการรับรู้รสของโล่หวินหลานคงมีปัญหา เหตุใดนางจึงไม่รู้สึกเปรี้ยวและผิด?

พ่อครัวไม่พูดสิ่งใด เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด

ตอนที่ทำอาหารเขาเองก็ชิมแล้ว ซึ่งมีรสชาติเปรี้ยวมากและเผ็ดมาก แต่เหตุใดพระชายาจึงบอกว่าจืดชืด?

"หวินหลาน เจ้าอยากกินอะไร? เดี๋ยวข้าทำให้เจ้าด้วยตัวเอง?" โม่ฉีหมิงกล่าวแล้วยิ้มให้นาง

โล่หวินหลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อยากกินซุปถั่วเหลืองเพคะ ท่านทำเป็นไหม?"

โม่ฉีหมิงทำหน้าไม่ถูก เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “ไม่เป็น เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นสิ"

โล่หวินหลานไม่พูดสิ่งใด แล้วชี้ไปที่พ่อครับ “ข้าอยากกินซุปถั่วเหลือง ให้เขาไปทำ"

พ่อครัวเงยหน้าขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาจึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วเช่นนี้

"ยังไม่รีบไปอีก?" โม่ฉีหมิงกลาว

พ่อครัวรีบวิ่งออกไป

หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จ อารมณ์ของโล่หวินหลานก็ดีขึ้น นางอาบน้ำแล้วขึ้นเตียง แต่กลับนึกถึงเรื่องที่เทียนซีพูดในวันนี้ จึงรีบถามโม่ฉีหมิง

โม่ฉีหมิงไม่ปิดบังนางแต่อย่างใด เขาเล่าทุกอย่างให้นางฟัง แต่ตอนที่เล่าถึงฮ่องเต้ เสียงของเขาก็นิ่งไป

โล่หวินหลานหัวเราะอย่างไร้จิตใจ “หากท่านพ่อเป็นอะไรไปในตอนนี้ ท่านก็จะกลายเป็นที่ครหาของทุกคน ทุกคนจะคิดว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นก็เพื่อได้เป็นฮ่องเต้ ส่วนหลินอ๋องนั้น คงจะเกลียดท่านมาก"

"ร่างกายของท่านพ่อไม่ดีเท่าไหร่มานานแล้ว หลายปีมานี้ท่านพ่อต้องคอยกินยามากมาย เพื่อประคองอาการ ไม่สามารถตกใจหรือเหนื่อยมากได้ แต่ช่วงนี้กลับมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายไม่หยุดหย่อน ตอนนี้เรื่องของต้วนก้วยเฟยก็ยังไม่ได้จัดการ หากท่านพ่อไม่หายประชวร ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?" โม่ฉีหมิงขมวดคิ้ว

"วางใจเถอะ ฮ่องเต้ต้องไม่เป็นไรเพคะ" โล่หวินหลานพูดปลอบเขา

โม่ฉีหมิงหัวเราะในลำคอ “ฮ่องเต้ก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่อาจมีชีวิตอัมตะ การที่ฮ่องเต้ประชวรเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพระาข้า"

โล่หวินหลานบอกกับเขา “อย่าพูดจาเหลวไหลนะเพคะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น แล้วจะเป็นความผิดของท่านได้อย่างไร?"

เมื่อได้ยินคำปลอบโยนของนาง โม่ฉีหมิงก็รู้ว่า นางเชื่อใจเขา

แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะคิดว่าโม่ฉีหมิงเป็นคนทำ แต่นางกลับยังคงยืนหยัดกับเขา และเชื่อมั่นว่าเขาบริสุทธิ์

โม่ฉีหมิงจับที่หัวของนาง แล้วพูดเสียงเบา “แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ในราชสำนักขุนนางน้อยใหญ่ก็ยังอยู่ข้างโม่ฉีซิว อีกทั้งเรื่องของหลินอ๋องและต้วนก้วยเฟยก็ยังไม่เรียบร้อย ฮ่องเต้ไม่อาจล้มลงไปในตอนนี้ได้"

นานครู่หนึ่ง กว่าเขาจะได้ยินนางตอบ เขาก้มลงมองดู ตอนนี้นางหลับตรงหน้าอกของเขาเสียแล้ว

"หวินหลาน....." เขาห่มผ้าห่มให้นาง จากนั้นก็ประทับจูบลงไปอย่างแผ่วเบา

ใครจะไปคิดว่า โล่หวินหลานที่ปกติอยู่นิ่ง ครั้งนี้กลับข้องมาที่คอของเขา จากนั้นก็ค่อยๆนิ่งลง

โม่ฉีหมิงเห็นนางนอนไปแล้ว จึงไม่ได้แกล้งนางต่อ เขาวางมือของนางลง จากนั้นก็มองหน้านาง

นี่เป็นอีกคืนที่เขาจะฝันดี

ทางวังหลวงมีข่าวแจ้งมา ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงฟื้นแล้ว แต่ก็พูดได้เพียงสองสามประโยค จ้าวกงกงจึงเรียกเขาเข้าวัง

หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จ โม่ฉีหมิงก็กลับมาที่ห้อง เห็นนางยังคงหลับอยู่ จึงห่มผ้าให้นาง แล้วออกไป

เขายังไม่ทันได้เข้าวังหลวง ก็เห็นหลี่ปู้นั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกตำหนัก ตอนที่เขาเดินเข้าตำหนักหลี่ปู้ก็มองมาที่เขา

ตอนนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังกินยา

หลังจากที่ทำความเคารพเขาเสร็จ โม่ฉีหมิงก็มองไปที่ประตู “ท่านพ่อ เมื่อครู่ตอนที่ลูกข้ามา ท่านหรงยังคงคุกเข่าอยู่หน้าประตู?"

พูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิง “ข้าเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่จะคุกเข่าเช่นนี้ไปหลายวันมันก็ไม่ใช่เรื่อง ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าควรจัดการหลินอ๋องเช่นไร และไม่อยากจัดการโดยไม่ไตร่ตรอง ซึ่งจะเป็นการไม่ดีต่อทุกฝ่าย"

โม่ฉีหมิงพยักหน้า แต่เขาก็รู้ว่าฮ่องเต้กำลังคิดอย่างไร ประเดี๋ยวคงถามความเห็นเขาว่าควรทำเช่นไรดี

หลังจากที่ฮ่องเต้กินยา ก็วางถ้วยยาไว้ด้านข้าง แล้วพูดขึ้น “หลินอ๋องเอาแต่ร้องไห้จนข้าก็รำคาญใจ หรงเจี้ยนคุกเข่าเช่นนั้นข้าก็ไม่สบายใจ แต่ละคนไม่มีใครทำให้ข้าวางใจได้เลย ทั้งร้องไห้ ทั้งคุกเข่า จะสามารถแก้ปัญหาได้?

"ท่านพ่อพูดถูกพะยะคะ" โม่ฉีหมิงก้มหน้า

เป็นไปตามที่เขาคิด ฮ่องเต้เจียเฉิงถามขึ้น “จากความเห็นของเจ้า เจ้าคิดว่าควรทำเช่นไร?"

โม่ฉีหมิง ในตอนแรกเขาคิดเพียงจะใช้เรื่องของหลี่ปู้มาทำให้เสือตื่น แต่ไม่คิดเลย่าหรงเจี้ยนจะทำถึงเพียงนี้

"ท่านพ่อ จากความคิดของข้าแล้วนั้น ตอนนี้ท่านหรงพูดแน่ชัดแล้วว่าหลินอ๋องฆ่าคน เอาแต่คอยทวงความยุติธรรมกับท่านทั้งวนั แต่หากจะให้คำตอบเขาได้นั้น ท่านพ่อก็เพียงแต่ต้องทำโทษหลินอ๋อง?"

ปัญหาคือนี่แหละสิ่งที่ทำให้เขากังวลใจ กลัวว่าถ้าหากลงโทษเบาไปหลี่ปู้ก็คงไม่ยอม แต่หากลงโทษหนักไป ก็เกรงว่าหลินอ๋องจะทนไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

"ท่านพ่อ ท่านหรงก็เพียงแต่อยากทวงความยุติธรรม องค์ชายทำผิดต้องรับโทษเท่าประชาชน" โม่ฉีหมิงกล่าว

"เจ้า.....เจ้าทำเช่นนี้กับน้องชายของตนเองได้อย่างไร?" ฮ่องเต้เจียเฉิงไอไปสองที แล้วถามหน้าแดง

"ท่านพ่อ ข้าไม่ได้จะให้หลินอ๋องตายจริง เพียงแต่แกล้งตายก็เท่านั้น" โม่ฉีหมิงกล่าว

เมื่อเขาพูดออกมา ฮ่องเต้เจียเฉิงก็พอใจมาก แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้หลินอ๋องนั้นแกล้งตาย

เขาจึงให้โม่ฉีหมิงเป็นคนจัดการเรื่องนี้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นฮ่องเต้คนถัดไป เขาต้องเริ่มเรียนรู้แล้ว

ฮ่องเต้เจียเฉิงมองเขา ใบหน้าเรียบเฉย จัดการทุกอย่างเด็ดขาด เขาเหมือนตนเองในวัยหนุ่มนัก

และฮ่องเต้ ก็เห็นความแน่วแน่ ตั้งใจ ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีในตัวเขา

"ฮ่องเต้ ได้โปรดลงพระราชโองการ หากเป็นเช่นนี้หม่อมฉันจะได้จัดการทุกอย่างง่ายขึ้น" โม่ฉีหมิงกล่าว

ฮ่องเต้เจียเฉิงมองดูเขา แล้วครุ่นคิด “ตอนนี้ข้าไม่อาจขยับตัวได้ดีนัก เจ้าไปนำกระดาษมาแล้วเขียนเสีย จากนั้นข้าจะประทับตรามังกรหยกให้เจ้า"

บรรยากาศในตำหนักเย็นไปครู่หนึ่ง โม่ฉีหมิงมองดูเขา จากนั้นก็รีบนำกระดาษ พร้อมทั้งตรามังกรหยกมาให้ฮ่องเต้เจียเฉิง

สุดท้าย ก็มีมือของเขาที่ช่วยประคองฮ่องเต้ประทับตรา

เขาหยิบพระราชโองการออกไป แม้ว่าหรงเจี้ยนจะไม่พอใจกับคำสั่ง แต่เขาก็ยอมออกจากวังหลวงอย่างว่าง่าย

โม่ฉีหมิงจับพระราชโองการในมือไว้แน่น เขาผ่านเรื่องต่างๆมามากมาย กว่าจะมีวันนี้ได้นั้น เขาไม่อาจประมาทได้เลย

โม่ฉีหมิงเดินตามหลี่ปู้ออกมา จากนั้นก็ติดดอกไม้สีขาวแสดงความอาลัย ทั้งตำหนักถูกประดับด้วยผ้าขาว

"เชิญพะยะคะ องค์รัชทายาท" หลี่ปู้เชิญโม่ฉีหมิงเข้ามา

ทั้งสองเดินเข้ามา จากนั้นโม่ฉีหมิงก็เดินเข้าไปนั่งยังตำหนักด้านใน

ในเวลานี้เอง บ่อน้ำข้างๆ ก็มีร่างของใครบางคนเดินออกมา แล้วมองดูพวกเขาสองคนที่เดินเข้าไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก