ตอนที่58ปกป้อง
ตรงกลางให้เขาเปลี่ยนยาหนึ่งครั้ง แล้วก็ป้อนยาให้เขาดื่มหนึ่งครั้ง ห่มผ้าให้เขาปกคลุมร่างกาย จนถึงตอนเช้าเหงื่อเริ่มออกไข้ถึงค่อยๆลดๆ และตัวก็ไม่ร้อนแล้ว
ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น โล่หวินหลานก็อยู่แต่ในห้องลับ คอยเช็กดูความเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย เย่หวินยกสำรับกับข้าวและข้าวต้มมาหลายครั้งแล้ว นางก็กินเพียงแค่หนึ่งคำก็วางตะเกียบไม่กินต่อ
ข้างนอกสายฝนเริ่มโปรยลงมา เสียงฝนตกซู่ซ่าดังกระทบบานหน้าต่าง
โล่หวินหลานมองไปที่นอกหน้าต่าง ฝนตกลงมาไม่ขาดสาย นางยื่นมาห่มผ้าห่มขึ้นให้โม่ฉีหมิง ทันใดก็รู้สึกวิงเวียนหน้ามืด ตาเริ่มพร่ามัว รอบตัวเริ่มหมุน สักพักก็เหมือนโลกดับไปเลย นางยื่นมือแตะหน้าผาก แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ในวัง บานหน้าต่างด้านบนมีดอกกล้วยไม้งามแขวนอยู่ด้านบน ตั้งใจให้เลื้อยห้อยออกไปให้ฝนสาดโดนยอดของดอกกล้วยไม้
มีแขนหนึ่งสวมใส่กำไลหยกเต็มแขน โต๊ะหยกหนึ่งมีมือบางๆดึงใบมันลงมา หยดน้ำกระเด็นมาตามแขนของนางมาโดนโต๊ะไม้
สายตาของนางจับจ้องแต่ดอกกล้วยไม้กระถางนั้น ไม่นาน ก็มีเสียงของอวี่หลานดังมาจากด้านหลัง “เหนียงๆ รัชทายาทมาแล้ว”
“รีบเชิญเข้ามาสิ” พระชายาเย่มีน้ำเสียงดีใจ พอพูดจบ ก็นั่งที่เก้าอี้เบาะนุ่มข้างๆ
ไม่นาน เสียงก้าวเท้าหนักแน่นก็ก้าวเข้ามาในห้อง โม่ฉีซิวทำความเคารพ แล้วก็นั่งอีกด้านของเบาะนุ่ม บนหน้านั้นมีแต่ความมั่นใจในยิ้ม
พระชายาเย่จะไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นคนยังไงได้อย่างไร ถึงจะเจอเรื่องร้ายแรงขนาดไหนก็จะยังคงเห็นเค้ายิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าเสมอ นางมั่นใจว่าต้องมีข่าวดีอะไรแน่ๆ
“ซิวเอ๋อ ลูกเจอเรื่องดีอะไรหรือ?” พระชายาเย่ถามยิ้มๆ
ไม่มีอะไรลอดผ่านสายตานางได้ ตั้งแต่เด็กแล้ว โม่ฉีซิวหุบยิ้มสวยลง ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ เพราะเขาไม่รู้ว่าตอนนี้มันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
“ท่านแม่ หลายวันก่อนลูกพบหญิงคนหนึ่ง ข้าช่วยนางรักษาแม่ที่ป่วยของนาง ไปขายร่างกาย ลูกทนไม่ได้ ก็เลยช่วยนางหาหมอดีๆสักท่าน อีกทั้งยังให้เงินมากพอที่จะรักษาแม่ของนางให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้” โม่ฉีซิวเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง เขาไม่เคยปิดบังพระชายาเบ่แม้แต่เรื่องเดียว นอกจาก……เรื่องของโล่หวินหลาน
ได้ฟังถึงตรงนี้ เย่ฟางเซว๋ก็เงยหน้าขึ้นมามองลูกตัวเอง ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา คนในราชวงศ์ ทำไมถึงลดตัวลงไปช่วยคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้อย่างไร แล้วจะยังเป็นคนยากจนอีก?
“ซิวเอ๋อ……” พระชายาเย่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ถูกโม่ฉีซิวหัวเราะขัดขึ้น
“ท่านแม่ ที่ลูกทำอย่างนี้ แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลของลูก” โม่ฉีซิวยิ้มอย่างมีเลศนัย ทันใดนั้นก็ปรบมือสองที ก็มีเสียงลมพัดเข้ามา
“ขอพบพระชายา ทรงพระเจริญ”
เสียงนี้มีความคล้ายคนๆหนึ่ง พระชายาเย่อึ้งไปพักใหญ่ ค่อยๆลุกขึ้นจากเบาะนั่ง สายตาจ้องเข้าไปที่ม่านเขม็ง ม่านสีขาวโพลนกลัวจะจ้องจนตาทะลุม่านออกมาแล้ว
พระชายาเย่ใช้มือจับอกเบาๆ คิ้วขมวดผูกเป็นหูกระต่าย เห็นโม่ฉีซิวพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่
“ท่านแม่ เสียงนี้เหมือนเสียงพระราชาหมิง!” เสียงแหบพร่าของโม่ฉีซิวดังอยู่ข้างหูของพระชายาเย่
“เหมือน เหมือนมากเหลือเกิน!” พระชายาเย่พูดเสียงเบา นี่คือโล่หวินหลานรึป่าว?
ถ้าฟังละเอียดอีกครั้ง จะเห็นว่าคำพูดคำจาของทั้งสองคนไม่เหมือนกันเลยสักนิด ถึงเสียงจะเหมือนกัน แต่ไม่มีความเด็ดขาดเหมือนโล่หวินหลาน แต่กลับมีความอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนเด็กผู้หญิง ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสบายใจ
“ซิวเอ๋อ นี่เป็นคนที่เจ้าช่วย?” พระชายาเย่นั่งลงอีกครั้ง ดูไปแล้วเหมือนจะอะไรให้สนุกแล้วสิ
โม่ฉีซิวพยักหน้า “หรูซู ออกมาสิ”
พอได้ยิน หลังม่านก็มีหญิงนางหนึ่งเดินออกมา ที่แท้ก็เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ไม่มีพิษมีภัยนางหนึ่ง ถึงใบหน้าจะแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ แก้มสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเฉี่ยวขึ้น ริมฝีปากมีชาดทาปากสีแดงทาอยู่ นางเหมือนดอกโบตั๋นสีแดงสดสวย
ใบหน้านี้ไม่เหมือนโล่หวินหลานเลย นางมีเสน่ห์ แต่โล่หวินหลานมีความสง่าผ่าเผย ให้ความรู้สึกเหมือนลมที่ผ่านสบายอารมณ์
หรูซูไม่เคยผ่านการอบรมของนางใน ให้ความรู้สึกกิริยาท่าทางมีความธรรมชาติ ไม่มีจริตจะก้านของหญิงในวัง หากเปรียบความงามของนางแล้วเหมือนดอกโบตั๋นที่ขึ้นสวยอยู่ในหุบเขา
“รัชทายาท พระชายา หม่อมฉันคือหรูซู” นางยิ้มให้พระชายาเย่
“หรูซู นี่คือท่านแม่ของข้า ต่อไปนี้ก็จะเป็นเจ้านายเจ้าเหมือนกัน” โม่ฉีซิวกล่าวแนะนำ
นับตั้งแต่วันที่เขสช่วยชีวิตแม่นาง หรูซูก็ถูกโม่ฉีซิวลากเข้าในจวน ทุกวันก็จะให้นางเข้าฝึกเรียนต่างๆไม่ซ้ำ ให้นางผ่านพิณเล่นหมากรุกหนังสือและการวาดรูป และยังมีวรยุทธ์ นางเป็นลูกคนยากจน วรยุทธ์จึงมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว และมีความอดทนสูง ดังนั้นโม่ฉีซิวจึงชอบตรงนี้
นางรู้ หากนางไม่มีผลประโยชน์ โม่ฉีซิวจะเห็นหัวนางหรือ และก็เป็นไปได้ที่จะโอกาสเข้ามาในวังพบพระชายาและพูดคุยต่อเบื้องหน้า
เพราะฉะนั้น นางเจียมตัวดีว่านางเป็นใคร
“เพคะ” หรูซูทำความเคารพพระชายาที่อยู่ด้านบน
พระชายาเย่ชายตามองนางหนึ่งที มีแค่เสียงที่เหมือนโล่หวินหลาน บนตัวก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย จิบชาอย่างใจเย็น
โม่ฉีซิวบอกให้หรูซูถอยไปก่อน มองไปที่พระชายาเย่ บนใบหน้านางไม่มีสีหน้าใดๆ เขาคาดเดาไม่ถูกว่านางคิดอะไรอยู่
“ท่านแม่ หรูซูจะมีประโยชน์กับเรามาก ไม่สิ ต้องพูดว่าเสียงของนาง” โม่ฉีซิวกล่าวเสียงต่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก