ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 21

สรุปบท บทที่ 21 อยู่เงียบๆสงบเสงี่ยมหน่อย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล

ตอน บทที่ 21 อยู่เงียบๆสงบเสงี่ยมหน่อย จาก ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 21 อยู่เงียบๆสงบเสงี่ยมหน่อย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล ที่เขียนโดย ซูเกอ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ไก่มีความยืดหยุ่นมาก หนังไม่มันเยิ้ม เมื่อเทียบกับไก่ย่างและไก่ตุ๋นที่เขากินเมื่อก่อนก็มีรสชาติที่ดี เมื่อเห็นมู่จิ่งซีที่ตั้งใจกิน เขาก็รู้สึกแปลกใจมาก

เขารู้ดีว่า พวกแม่นมข้ารับใช้ในครัวเล็กเรือนดอกเหมยไม่มีทางทำอาหารรสเลิศเช่นนี้ได้แน่

ดูแล้ว มู่จิ่งซีไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้น และเหมือนจะมีหลายจุดที่เขายังไม่เข้าใจ

มองดูนางเสร็จแล้ว ก็ก้มหน้ากินไก่นึ่งเกลือต่อ

นี่! ไหนว่าไม่กินไง? ทำไมถึงกินเก่งเช่นนี้? แถมยังแอบมองนางอีก! มู่จิ่งซีแอบด่าในใจ

หลังจากได้กินไก่แล้ว ฉู่เทียนฉือรู้สึกตัวเองกินได้มากขึ้น หงหลิงเห็นฉู่เทียนฉือมองไปยังซุปเป็ดถังเช่า ก็รีบตักใส่ถ้วยให้ฉู่เทียนฉือทันที

ในตอนที่ดื่มคำแรกนั้น ก็รู้สึกได้ถึงรสชาติที่เอร็ดอร่อย

แตกต่างจากซุปเป็ดที่เคยกินก่อนหน้านั้น และสีของซุปก็ทำให้คนอยากกินมากขึ้น เขาอดใจไม่ไหวดื่มไปอีกหลายคำ

มู่จิ่งซีเห็นเขาดื่มหมดทั้งถ้วย ก็ให้หงหลิงตักอีกถ้วย แต่นางก็รู้สึกเสียดายนิดๆ

นางแอบเบะปาก แล้วพูดว่า: “นี่คือซุปเป็ดถังเช่า ใช้เวลาในการต้มเกือบชั่วโมง สามารถดับความร้อนและล้างพิษ บำรุงปอด ลดอาการร้อนใน และป้องกันความชรา แม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ดื่มแล้วก็ดีเหมือนกัน แต่วันนี้ข้าทำมาแค่ประมาณห้าถ้วยเท่านั้น”

คำพูดนี้ก็คือ เจ้าดื่มไปถ้วยหนึ่งแล้ว และกินข้าวแล้วด้วย จะโลภมากไม่ได้ กินแค่นี้ก็พอ

ฉู่เทียนฉือเหมือนจะฟังออกว่านางหมายความว่าอย่างไร ใบหน้าเย็นชาของเขายังคงไม่เปลี่ยน แค่พยักหน้าแล้วเอ่ยชมสองคำอย่างขี้เหนียว: “ไม่เลว”

ต่อมาก็ดื่มอีกสองคำเงียบๆ

หลังจากดื่มหมดอีกถ้วย หงหลิงก็คีบขาหมูที่นุ่มและมันเงาให้เขาอีกชิ้น แต่เขาแค่เหลือบมองมันและไม่ได้กินมัน

มู่จิ่งซีกวาดตามอง เห็นว่าเขาไม่กิน นางก็เบะปาก ไม่กินก็ดี!

ฉู่เทียนฉือมองไปยังอาหารอีกจาน ก็คือไข่ข้นหน้าเนื้อ

ไข่สีเหลืองห่อเนื้อเอาไว้ด้วยกัน เขามองอยู่นานก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็เลยรีบหันไปมองมู่จิ่งซีในทันที

รู้สึกได้ถึงสายตาของเขา มู่จิ่งซีก็อธิบายเสียงเรียบ: “อาหารจานนี้เรียกว่าไข่ข้นหน้าเนื้อ วัตถุดิบหลักก็คือไข่กับเนื้อวัว มีประโยชน์ทางโภชนาการมากๆ”

ฉู่เทียนฉือพยักหน้า หงหลิงรีบคีบใส่จานเล็กให้เขา เขาก็คีบมันเข้าปากอย่างสง่างาม

เนื้อหอมนุ่มเนียน ไข่หอมไม่คาว ไม่เลวเลย!

หงหลิงเห็นสีหน้าของเขาเหมือนจะถูกใจอาหารจานนี้มาก ก็เลยคีบให้เขาอีกสองชิ้น

“พระชายา กินข้าวต้มไหมเจ้าคะ?” ชิงผิงเห็นมู่จิ่งซีวางตะเกียบลงแล้ว ก็เลยเอ่ยปากถาม

มู่จิ่งซีพยักหน้า: “เอามาถ้วยหนึ่งก็ได้”

ชิงผิงรีบตักอีกถ้วย ยังไงชาติก่อนมู่จิ่งซีก็ได้รับการศึกษาขั้นสูง และเป็นพี่ใหญ่ในบ้าน มารยาทการรับประทานบนโต๊ะอาหารนั้นดีมาก ตอนกินข้าวต้ม ไม่ช้าเกินและไม่เร็วเกินไป สง่างามน่าชมมาก

ฉู่เทียนฉือหันไปมองมู่จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พอมองแล้วก็ไม่ละสายตาอีกเลย หงหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นแล้ว คิดว่าฉู่เทียนฉืออยากกินข้าวต้มเหมือนกัน ก็เลยรีบไปตักมาให้หนึ่งถ้วย

ในตอนที่วางไว้ตรงหน้าฉู่เทียนฉือ เขาก็ขมวดคิ้วไม่ได้กิน

เห็นภาพนี้แล้ว มู่จิ่งซีก็กระตุกมุมปากอีกครั้ง เขาคงกินไม่ลงแล้วสินะ?

ต่อไป ถึงแม้จะทำอาหารจานสองจานทุกวัน อย่างน้อยก็เก็บใจของท่านอ๋องไว้ได้บ้าง!

แต่พระชายากลับพูดเหมือนไม่อยากให้ท่านอ๋องอยู่ต่อ

ฉู่เทียนฉือก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของมู่จิ่งซี

คำพูดพวกนี้ ภายนอกเหมือนคิดแทนเขา และความถ่อมตัวทำตามมารยาทของนาง กลับมีความจริงหนึ่งปรากฏขึ้นในตอนที่นางกำลังเยาะเย้ยตัวเอง นั่นก็คือ นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา!

หลังจากที่รู้ตัวแล้ว ฉู่เทียนฉือก็ตั้งสติครุ่นคิด

นิสัยของนางเปลี่ยนไปกะทันหัน ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ตอนที่ก้มหน้ามองดูอาหารพวกนี้ ก็รู้สึกแสบตาขึ้นมา

มู่จิ่งซีไม่รู้เลยว่าแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ในสายตาของฉู่เทียนฉือ คำพูดของนางก็กลายเป็นกลอุบายปล่อยเสแสร้งเพื่อจับเขา!

“ฝีมือการทำอาหารของพระชายาไม่เลวเลย อาหารพวกนี้ก็ถือว่ารสเลิศมาก แต่บางที บางเรื่องก็จะทำเกินกว่าเหตุไม่ได้ และจะโลภมากเกินไปไม่ได้ ต้องหัดรู้จักพอเสียบ้าง”

“อยู่เงียบๆ สงบเสงี่ยม ก็จะมีวันที่สุขสบายได้” ฉู่เทียนฉือพยักหน้า ใบหน้างามนั้นแข็งทื่อและเย็นชา ทุกคำพูดนั้นถึงแม้จะไม่ต่างจากวันปกติ แต่กลับมีน้ำเสียงเข้มกว่าปกติ และแฝงไปด้วยการตักเตือน

คำพูดนั้นหมายความว่า ทางที่ดีนางอย่าคิดเล่นตุกติกเลย คิดว่าแค่ตั้งใจทำอาหารก็จะมัดหัวใจเขาไว้ได้งั้นเหรอ

และอย่าคิดกลอุบายแย่งกับรองพระชายาเสิ่นเลย ขอแค่นางอยู่เงียบๆไม่ก่อเรื่อง ชีวิตของนางก็จะเป็นสุข อย่าคิดของที่ไม่ใช่ของตัวเองเลย!

พล่ามไร้สาระอะไรของเขา! มู่จิ่งซีแอบด่าในใจ

ถึงแม้ในใจจะแอบด่า แต่ใบหน้ากลับยิ้มร่าเริง “ข้าเข้าใจแล้ว แต่บางทีข้าเองก็อยากจะอยู่เงียบๆ แต่กลับมีใครบางคนมาทำลายความเงียบนี้ ข้าก็ลำบากใจมากเช่นกัน อีกอย่าง เรื่องสกปรกพวกนั้น ข้าก็ไม่อยากไปยุ่งด้วย ไม่งั้นก็จะทำให้ตัวข้าเองสกปรกไปด้วย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล