ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล นิยาย บท 7

“ดูเหมือนว่าคืนนี้จะพักผ่อนอยู่ที่เรือนของพระชายารองเสิ่น ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของพระชายารองเสิ่นในใจของท่านอ๋องได้!” ฮูหยินสี่เอาผ้าเช็ดหน้าปักลายมาปิดปากปิดจมูก และพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ไม่ยากเลยที่จะได้ยินความหึงหวงในคำพูดของนาง

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ มิเช่นนั้นท่านอ๋องจะมอบหมายให้พระชายารองเสิ่นจัดการเรื่องในจวนได้อย่างไรเล่า?” ฮูหยินสามกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อพูดถึงท่านอ๋องและพระชายารองเสิ่น นางก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจ

ในใจของท่านอ๋อง เกรงว่านางจะเป็นเพียงบ่าวที่ให้ความอบอุ่นบนเตียงกระมัง

แต่ไม่ว่าจะตกต่ำเพียงใดก็ยังดีกว่าพระชายา

พระชายาอยากจะปรนนิบัติท่านอ๋องตาปริบๆ แต่ก็ไม่มีโอกาส!

ฮูหยินใหญ่เงียบกริบ ราวกับใจลอยกำลังคิดอะไรบางอย่าง

ฮูหยินสามที่อยู่ข้างๆ ผลักนาง นางถึงรู้สึกตัวและพูดว่า “หน้าที่เพียงอย่างเดียวของเราคือปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี เรื่องอื่นอย่าไปคิดมาก”

ฮูหยินสามและฮูหยินสี่ตกตะลึง ทำไมวันนี้ฮูหยินใหญ่ถึงดูแปลกๆ เช่นนี้?!

ไม่ใช่แค่ฮูหยินใหญ่เท่านั้น แม้แต่พระชายาก็แปลกๆ ด้วย!

เมื่อพูดถึงความรักของท่านอ๋องกับพระชายารองเสิ่น บนใบหน้าของนางก็ไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับมีรอยยิ้มที่อธิบายไม่ถูก

รอยยิ้มนี้ทำให้ผู้คนสับสน

“น้องตู้พูดถูก หน้าที่ของพวกเจ้าก็คือการปรนนิบัติท่านอ๋อง และสามารถผลิดอกออกผลให้ท่านอ๋องได้จะดีที่สุด”

“ถึงอย่างไรพวกเจ้าทั้งสามคนก็เข้ามาในจวนนานที่สุดก็สองปี สั้นที่สุดก็ครึ่งปี จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีเสียงใดๆ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ถามไถ่ และพระชายารองเสิ่นกับท่านอ๋องก็แค่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่?” มู่จิ่งซีก้มหน้าลงแล้วขยับนิ้วมืออันเรียวยาวขาวผ่อง และพูดด้วยเสียงต่ำโดยไม่มีขึ้นลง

ทั้งสามคนตกตะลึง!

พวกนางมาจากครอบครัวที่ต่ำต้อย แม้ว่าบิดาจะเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ล้วนเป็นบุตรของอนุภรรยา เทียบไม่ได้กับพระชายาที่เป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่!

แม้ว่าชีวิตนี้นางจะไม่มีบุตร ขอแค่ไม่ทำเรื่องที่เกินขอบเขต นางไม่มีวันถูกขอหย่าอย่างแน่นอน

แต่พวกนางแตกต่างออกไป!

ขอแค่ท่านอ๋องหมดความสนใจในตัวพวกนาง และพวกนางไม่มีบุตรข้างกาย แปดในสิบส่วนจะต้องถูกไล่ออกจากจวนอ๋อง!

ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เดิมทีอยากจะยั่วโมโหพระชายาให้ไปหาเรื่องท่านอ๋อง

นึกไม่ถึงเลยว่าการเผชิญหน้ากันเพียงไม่กี่คำ จะทำให้พระชายาตอบโต้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำให้พวกนางกลัวจนตัวสั่น

แต่ละคนต่างคิดคำนวณในใจ หลังจากกลับไปจะต้องทุ่มเงินหาหมอมาตรวจดูให้ดีๆ จ่ายตำรับยาดี และจะต้องตั้งครรภ์โดยเร็วอย่างแน่นอน

“ทำไมน้องสาวทั้งหลายไม่พูด? หรือว่าคำพูดเมื่อครู่ของข้าหนักเกินไป? น้องสาวทั้งหลายไม่จำเป็นต้องใส่ใจ อย่างไรเสียน้องสาวทั้งหลายก็ล้วนเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องมากไม่ใช่หรือ?” มู่จิ่งซียิ้มราวกับดอกไม้ โน้มตัวเล็กน้อย ดวงตาที่อมยิ้มกวาดสายตามองไปที่ใบหน้าของทั้งสามคนทีละคน และพูดประโยคสุดท้ายทีละคำ

เป็นที่โปรดปราน? พวกนางเป็นที่โปรดปรานมากกว่านาง! แต่พวกนางทั้งสามคนได้ปรนนิบัติท่านอ๋องเพียงแค่สามสี่ครั้งในเวลาสองปี และมากที่สุดก็คือห้าหกครั้ง!

พูดถึงการเป็นที่โปรดปราน ใครจะเทียบพระชายารองเสิ่นได้?

สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไปมาก ความอิจฉาริษยาในใจที่มีต่อพระชายารองเสิ่นนั้นท่วมท้นอยู่ในใจ

ดูเหมือนว่ามู่จิ่งซีจะไม่สังเกตเห็น สายตาของนางมองไปที่ทะเลสาบ มองดูปลาทองที่กระโดดขึ้นมาจากน้ำ นางหันหน้าไปทางหงหลิงที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “ไปสั่งให้คนเอาอาหารมาให้ปลาทอง”

“เพคะ” หงหลิงเดินออกไปจากศาลา เรียกคนรับใช้ที่กำลังตัดแต่งต้นไม้ในสวนมา และถ่ายทอดคำสั่งของมู่จิ่งซี

ฮูหยินทั้งสามคนที่อยู่ในศาลาก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายามกุฎเหมย เหนือโบราณกาล