ตอนที่12ไม่ไมีใครกล้าพูดคำว่าไม่
“ร่างกายอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ดูเหมือนว่าต่อไปคงต้องฝึกให้มากๆหน่อย”โม่จื่อฟงทำหน้าเย็นชาอีกครั้งใช้ขากระตุกตรงท้องม้า ม้าพุ่งไปหาหลินซินเยียนอีกนิดก็จะชนร่างของนางแล้ว โม่จื่อฟงที่อยู่บนหลังม้ายื่นมือลงมาดึงนางขึ้นมานั่งข้างหน้าตนเอง
การเคลื่อนไหวที่เป็นขั้นตอนทำให้หลินซินเยียนตกใจจนหน้าซีดขาว กว่านางจะตั้งสติได้ข้างหูก็ได้ยินเสียงเกือกม้าวิ่งต่อเนื่องกันเป็นระลอก
บนถนนใหญ่ม้าสิบกว่าตัวออกวิ่งอย่างเต็มแรงจนฝุ่นทรายกระจายฟุ้งไปทั่วเกิดเสียงสั่นสะเทือน
หลินซินเยียนถูกโม่จื่อฟงทำเป็นเหมือนสิ่งของที่วางอยู่ข้างหน้าไม่ได้สนใจนางเลยสักนิด แม้พวกทหารที่อยู่ด้านหลังก็ไม่มีใครเกิดความรู้สึกแคลงใจใดๆเลย ในสายตาของพวกเขา อ๋องอู่เสวียนในสภาพแบบนี้ถึงจะดูปกติดีทุกอย่าง
วิ่งมาสอง-สามชั่วยามระหว่างทางได้เปลี่ยนม้า1ครั้ง ตอนที่ท้องฟ้าใกล้มืดในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเล็กติดชายแดน หมู่บ้านนี้อยู่ใกล้ชายแดนแม้จะไม่ใช่หมู่บ้านใหญ่แต่ก็มีความเจริญอยู่มาก ถึงจะเป็นเวลาที่ควรเข้านอนแล้วบนถนนก็ยังมีผู้คนมากมาย ร้านค้าขายของก็ยังตะโกนเรียกคนเข้ามาซื้อของ
ตอนที่พวกของอ๋องอู่เสวียนหยุดตรงหน้าเรือนหลังหนึ่งในหมู่บ้านหลินซินเยียนก็เป็นลมล้มพับไป
โม่จื่อฟงลงจากหลังม้าจับคอเสื้อของหลินซินเยียนแล้วโยนนางไปทางจินมู่“หาคนมาช่วยทำความสะอาดนาง”
ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน จินมู่รับตัวนางอย่างไม่เต็มใจเพื่อที่จะเลี่ยงโดนตัว เขาจึงยื่นแขนสองข้างออกไปทำให้หลินซินเยียนนอนอยู่บนแขนของเขาเพราะเกรงว่าจะไปสัมผัสโดนส่วนอื่นของร่างกายนาง
จินมู่ยังคงหวาดผวาอยู่ครั้งที่แล้ว เขาได้ออกความเห็นสตรีผู้นี้ไป ท่านอ๋องเกือบจะให้เขาไปที่ชายแดนตอนเหนือที่ทุรกันดาร ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าพูดตามอำเภอใจแล้ว
การกระทำของเขาทำให้โม่จื่อฟงมองแล้วขำ“ก็แค่ของเล่น ใจกล้าของเธอเล็กเกินไปหรือเปล่า”
กล้ามเนื้อที่หน้าของจินมู่กระตุกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไร พอเห็นสีหน้าขาวซีดของหลินซินเยียน บนปากเริ่มเป็นสีม่วง เขาลังเลไปสักพัก“ท่านอ๋องเชิญหมอมาตรวจอาการให้นางดีหรือไม่”
โม่จื่อฟงไม่ได้หันหน้ากลับเพียงเดินเข้าไปในเรือนก่อน“ตรวจอะไร ไม่ตายง่ายๆหรอก”
จินมู่ชะงักไปช่วงหนึ่งไม่ได้พูดอะไร เพียงอุ้มหลินซินเยียนด้วยแขนที่แข็งทื่อแล้วเดินตามเข้าไปในเรือน ในเรือนมีสาวใช้ที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงแก่ที่เป็นคนดูแลที่นี่เห็นจินมู่พาสตรีเข้ามาแล้วใบหน้าก็ไม่ได้ปรากฏความรู้สึกประหลาดใจ สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางก็ไม่มีใครสักคนเกิดความรู้สึกประหลาดใจหรือสงสัยแต่อย่างใด
เรือนที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กที่ติดชายแดน คนที่นี่ล้วนฝึกฝนมาอย่างเคร่งครัด ทุกคนต้องวางตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
หญิงแก่รับหลินซินเยียนจากจินมู่และพาสาวใช้สองคนเข้าไปในห้องอาบน้ำ แม้ว่าหลินซินเยียนจะมีสีหน้าขาวซีดแต่ยังมีลมหายใจอยู่ พวกนางก็ไม่ได้สนใจอะไรเพียงคิดว่านางเป็นสิ่งของที่ต้องทำความสะอาด
ค่ำคืนในช่วงฤดูหนาวมักจะทำให้คนหนาวสั่นจนฟันกระทบกัน
ในห้องนอนได้เตรียมเตาผิงไว้สามเตา ถ่านไฟที่ลุกโชก หน้าต่างได้เปิดแง้มไว้ ลมหนาวได้พัดเข้ามาในห้องอุณหภูมิในห้องไม่ได้ลดต่ำลงแต่กลับทำให้อากาศในห้องดูสดชื่นขึ้น
หลินซินเยียนถูกความหนาวปลุกให้ตื่นขึ้นมา นางลืมตาขึ้นเห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นตา นางไม่ได้ร้อนรนอะไรแต่กลับประเมินสถานการณ์อย่างใจเย็น
บนตัวของนางสวมชุดผ้าแพรบางคล้ายกับปีกของจักจั่น ชุดผ้าแพรบนตัวของนางส่องสว่างระยิบระยับ ผ้าห่มที่พับอย่างดีกลับไม่มีคนใจดีห่มผ้าให้นางเลย
นางหนาวสั่นไปทั้งตัวยื่นมือไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาคิดอยากจะใช้ผ้าห่มคลุมตัวให้ร่างกายอบอุ่น ปลายนิ้วยังไม่ได้แตะโกนผ้าห่มก็มีคนเปิดประตูห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...