ตอนที่13มัดอยู่ในลาน
ท้องฟ้ายังไม่สว่างดีตรง เทือกเขาเป็นชั้นๆที่อยู่ไกลออกไปมองเห็นดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆส่องแสงสีแดงออกมา
ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว
สาวใช้ที่รับผิดชอบกวาดลานบ้านเดินกวาดไปหาวไป ทันใดนั้นก็เห็นเงาคนตรงมุมกำแพง นางตกใจจนความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งกำลังจะร้องตะโกนออกมาพอดีกลับเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน
สตรีที่คลุมเสื้อขนสัตว์สีดำยืนอยู่ใต้ต้นไทรยักษ์ตรงมุมกำแพง ไม่รู้ว่านางกำลังมองอะไร เห็นนางแหงนหน้าขึ้นมองไปยังบนท้องฟ้า ใบหน้าที่งดงามนั้นปราศจากความรู้สึกใดๆ
สาวใช้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร สักพักก็รวบรวมความกล้าเอ่ยเรียก“แม่นาง?”
หลินซินเยียนยังคงยืนอยู่ไม่ได้ขยับไปไหนเพียงหันหน้ามา นางเพียงแวบเดียวกลับทำให้สาวใช้รู้สึกหวาดผวา ตอนที่มองหลินซินเยียนอีกครั้ง ในสายตาของสาวใช้ได้แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อคืนเรื่องทุกอย่างในห้อง คนในเรือนนี้ล้วนได้ยินทั้งหมด แม้แต่สาวใช้ยังเริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจนางเลย
มุมปากของหลินซินเยียนปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก นางเลิกมองท้องฟ้าแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง
สาวใช้ที่กวาดลานบ้านจ้องมองแผ่นหลังของนาง มองอยู่สักพักก็เรียกสติกลับมา หญิงแก่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาส่ายหน้าไปมา“ทีนี้พวกเจ้ายังกล้ามีความคิดอะไรต่อท่านอ๋องอีกรึ”
“เออ...ไม่กล้าแล้ว”เมื่อคืนเสียงที่ดังมาจากในห้องได้ให้บทเรียนอันล้ำค่ากับชีวิตของพวกนางแล้ว
“ไม่กล้าก็ดี ถึงแม้ว่าท่านอ๋องไม่ได้อธิบายอะไร แต่คนที่ท่านอ๋องเคยเรียกรับใช้ต้องคอยรับใช้เป็นอย่างดี”หญิงแก่ถอนหายใจแล้วเดินกลับไปกำชับในโรงครัวให้ต้มยาคุมกำเนิดและนำเข้าไปส่งในห้อง
ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หลินซินเยียนนั่งจ้องมองกระจกทองแดง คนในกระจกมีรูปร่างที่งดงามยิ่งนัก เพียงแต่ใบหน้าขาวนั้นกลับมีสายตาที่ว่างเปล่า หรือว่าจากนี้ไปนางจะกลายเป็นดั่งนกน้อยในกรงทองของโม่จื่อฟงรึ?
ไม่ ขอเพียงนางยังไม่ตายย่อมมีโอกาสหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้!
“คิดอะไรอยู่?”ทันใดนั้นก็มีเสียงของบุรุษดังขึ้น หลินซินเยียนชะงักไปช่วงหนึ่งไม่ได้หันหน้าไป เพียงมองโม่จื่อฟงที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้กระจก
ตอนเช้าตรู่เขาสั่งให้จินมู่ออกจากเรือนไปดูเหมือนว่าการมาในที่แห่งนี้คงต้องมีเรื่องอะไรให้จัดการ เพียงแต่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินซินเยียน
“กำลังคิดว่าเมื่อไรท่านอ๋องจะเบื่อข้า?”หลินซินเยียนลุกขึ้น และไม่ได้ขุ่นเคืองทำท่าทางหญิงสาวเล็กกับโม่จื่อฟง นางเดินมารับเสื้อคลุมจากเขาอย่างนอบน้อมคล้ายกับสาวใช้ที่รู้ความพร้อมกับรินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่ง
โม่จื่อฟงมองสักครู่จากนั้นก็รับถ้วยน้ำชามาดื่มแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่นาง“เจ้านี่อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ”
“โอ้?”หลินซินเยียนแค่นเสียงเหยียดหยามออกมา“หรือหลังจากที่ข้าหลับนอนกับท่านแล้ว เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์และไม่ยอมจำนนต่อท่านข้าควรจะแสดงละครหนึ่งร้องไห้ สองโวยวาย สามผูกคอตายอย่างนั้นรึ?ท่านชอบดูหรือไม่?”
“ไม่ ข้าจะฆ่าเจ้าให้”โม่จื่อฟงพูดอย่างง่ายดายสายตามองไปยังถ้วยยาบนโต๊ะ กลิ่นหอมของยาที่เบาบาง ยาถ้วยนี้น่าจะวางอยู่ตรงนี้นานแล้ว
“ข้ารู้ว่าท่านอ๋องไม่ชอบสตรีที่ร้องไห้คร่ำครวญเช่นนั้น ข้าถึงไม่ร้องไม่โวยวาย”ตอนที่หลินซินเยียนพูดคล้ายกับไม่มีอารมณ์ใดๆที่แสดงถึงความไม่พอใจ หากว่าการร้องไห้สามารถใช้ได้ผลจริง โม่จื่อฟงก็คงไม่พูดออกมาอย่างโหดเหี้ยมไร้อารมณ์เช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...