ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 133

ตอนที่ 133 ศิษย์หลาน

“หลินซินเยียน เจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้มีจิตใจเมตตาขนาดเชียวหรือ” โม่จื่อเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางเหลือบหลังไปมองโดยมิรู้ตัว “พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกับข้าทั้งสิ้น ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือพวกเขา”

“พวกเขาสามารถทำประโยชน์ให้แก่ท่าน และกลายเป็นคนใต้บัญชาของท่านได้” หลินซินเยียนกระวีกระวาดโพล่งขึ้น ก่อนจะส่งสัญญาณผ่านสายตาไปให้เซียวฝานและอู๋อี้

เซียวฝานและอู๋อี้เป็นผู้ฉลาดหลักแหลมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เห็นนางทำเช่นนี้ ทั้งสองมองกันเพียงแวบเดียว พลางกล่าว “พวกข้าตกลง”

“หืม ลมปากไร้น้ำหนัก” โม่จื่อเฟิงยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ชั่วขณะนั้น หลินซินเยียนรู้สึกว่าตนเกือบตกลงไปในหลุมพรางของเขาเสียแล้ว อู่เซวียนอ๋องที่เจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกแต่ไหนแต่ไรมามิเคยทำเรื่องที่ตนขาดทุน เกรงว่ายามนี้ เขาก็ยังสามารถคิดเรื่องที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนเองไว้อย่างถี่ถ้วนแล้วเช่นกัน

“พวกข้าสามารถเขียนหนังสือรับรองให้ท่านได้” เซียวฝานพูดพลางขมวดคิ้ว

ใครจะรู้ว่าโม่จื่อเฟิงกลับส่ายหน้า “หนังสือรับรอง ไม่จำเป็น ที่จำเป็นต้องเขียนคือสัญญาค้าทาส”

“สัญญาค้าทาส ล้อเล่นรึ ไน่เหอฮวน เจ้าอย่าได้หาประโยชน์จากคนไม่มีทางสู้” เซียวฝานกำหมัดแน่นปูดอย่างบันดาลโทสะ

โม่จื่อเฟิงกระแอมเสียงขึ้น โอบหลินซินเยียนพลางเดินไปข้างหน้า “จะเขียนหรือไม่ก็ตามใจพวกเจ้า ไม่ได้มีผลอันใดต่อข้า คนใต้บัญชาของข้ามีมากโขส่วนพวกเจ้ามีไม่มาก ขาดพวกเจ้าไปก็ยังนับว่ามีไม่น้อย”

ดูแล้วเขาไม่มีท่าทีล้อเล่น ประคองหลินซินเยียนเดินไปจนถึงหน้าประตู เซียวฝานและอู๋อี้กัดฟันแน่น ก่อนถลาตามออกไป “ตกลง พวกข้าจะเขียนสัญญาค้าทาสให้ท่าน”

มองชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ต้องทิ้งศิกดิ์ศรีของตนไปเป็นทาสแล้ว หลินซินเยียนรู้สึกแสบคัดจมูก ความเกลียดชังกลางใจที่มีต่อโม่จื่อเฟิงเพิ่มทบทวี ความเกลียดชังนี้ได้ชะล้างวันวานที่เพ้อพกเหล่านั้นต่อโม่จื่อเฟิงไปหมดสิ้น

อำนาจของโม่จื่อเฟิงไม่เคยทำให้หลินซินเยียนผิดหวังจริงๆ เขาพาบุคคลสามคนเดินเข้ามาในเลียบทางเดินของสวน สวนแห่งนี้กับสวนพฤกษ์ของเขาเชื่อมต่อกัน เพียงแต่ว่ามันตั้งอยู่ในส่วนลึกและอับชื้น ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดอาสามาอาศัยอยู่

เขาพาหลินซินเยียนไปนั่งลงบนกองหญ้าแห้งภายในสวน จากนั้นจึงหันไปกำชับเซียวฝานและอู๋อี้ให้ดูแลนางให้ดีก่อนเดินจากไป ก่อนออกไป เขาทำเพียงกล่าวว่าจะนำตัวท่านเยว่เข้ามาด้วย

นี่เป็นค่ำคืนอันปราศจากดวงจันทร์และหมู่ดาว เลียบทางเดินสวนไม่มีคบเพลิง มองเห็นเพียงเค้าหน้าสลัวๆ ของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

เซียวฝานนำเอากระบอกชนวนออกมาพร้อมหาฝืนแห้งจำนวนหนึ่งมาจุดไฟ เปลวไฟส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณ ประกายไฟกระทบหน้าบุคคลทั้งสามให้ล้วนหลงเหลือแต่ความซีดเผือด

ยามนั่งล้อมกองไฟ อู๋อี้มองไปยังหลินซินเยียนด้วยความไม่สบายใจ “ศิษย์น้อง ดูแล้วเจ้ากับไน่เหอฮวนผู้นั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่เพียงผิวเผิน เขาจะนำตัวตาเฒ่าออกมาจากคุกใต้น้ำตามคำสัตย์ได้จริงหรือไม่”

“ใช่แล้วศิษย์น้อง พวกข้าสู้อุตส่าห์คิดแผนการไว้เรียบร้อยแล้วยังไม่กล้ารับประกันเลยว่าจะลุล่วง เขาทำแล้วจะสำเร็จหรือ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดมาโดยตลอดว่าไน่เหอฮวนผู้นี้มิใช่คนดีอะไรนักหรอก” เซียวฝานคล้อยตาม

แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนดี คนผู้นั้นกลับกลอกไร้จิตใจเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เก็บคนที่ไร้ประโยชน์ต่อตน ไม่ทำเรื่องที่ไร้ผลดีต่อตัวเอง ทว่า...

“เขาคงทำได้แน่” อย่างน้อยก่อนหน้านี้ในสายตาของหลินซินเยียน ไม่มีเรื่องอันใดที่โม่จื่อเฟิงทำไม่ได้

นางกล่าวเพียงเท่านี้มิได้เอ่ยต่อ ดูเหมือนว่านางเองก็ไม่ได้อยากพูดมากความ เซียวฝานและอู๋อี้มองออกว่านางไม่ประสงค์จะพูดถึงปัญหาเหล่านี้อีก จึงไม่ได้ถามอันใดต่อ

การรอคอยนั้นแสนทรมาน ทั้งสามคนที่นั่งล้อมกองไฟอยู่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดสิ่งใด ทั้งที่เปลวไฟให้ความอบอุ่นแก่พวกเขาได้ ทว่าทั้งสามกลับตัวสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่

“เอี๊ยด” เสียงแผ่วเบาดังมาจากหน้าประตู สวนแห่งนี้ขาดการซ่อมแซมมาแรมรอนทำให้มันผุพังไม่น้อย ยามที่ถูกคนผลักเปิดก็ยิ่งมีเสียงแสบหูไม่น่าฟัง

ทั้งสามหันขวับกลับไป ก็เห็นโม่จื่อเฟิงเดินนำมาข้างหน้า ข้างหลังเขามีบุคคลที่โพกหน้าสองคนกำลังหามอีกคนเดินเข้ามา ถึงแม้จะห่างออกไปมาก ทว่าอาศัยแสงจากเปลวไฟ ทั้งสามมองแวบเดียวก็เห็นคนที่ถูกหามนั้นได้ชัด หากไม่ใช่ท่านเยว่แล้วจะเป็นใครไปได้อีก

เขา ทำได้จริงๆ

อำนาจของโม่จื่อเฟิงทำให้หลินซินเยียนได้ตระหนักอีกครั้ง ดูเหมือนโม่จื่อเฟิงจะสังเกตเห็นความพิศวงและตกใจในสายตานาง เขาเดินเข้าไปประชิดหลินซินเยียนพลางหัวเราะร้าย “เป็นอย่างไร เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะเข้าศาลาความลับแห่งสวรรค์มาเพียงลำพังหรอกใช่หรือไม่”

“...” ก็ถูก อู่เซวียนอ๋องผู้สูงศักดิ์จะผจญอันตรายเพียงลำพังได้เช่นไร นางเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าแม้แต่คนในศาลาความลับแห่งสวรรค์ก็จะมีคนของเขาแฝงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถช่วยคนออกจากคุกใต้น้ำได้อีก จะต้องเป็นคนใต้บัญชาของอวิ๋นเทียนสี่เป็นแน่ นางยิ่งคิดไปสะระตะว่าเหตุใดเขาถึงมาปรากฏตัวที่ศาลาความลับแห่งสวรรค์

สองคนนั้นหามท่านเยว่เข้ามาวางไว้ที่ข้างกองไฟเรียบร้อย ภายใต้การให้สัญญาณจากโม่จื่อเฟิง ทั้งสองก็ออกจากสวนพฤกษ์ไปทันควัน หนำซ้ำยังมีน้ำใจปิดประตูสวนให้เสร็จสรรพ

ใต้แสงเปลวไฟ หน้าของท่านเยว่ขาวซีดเบ้าตาเป็นรอยหวำ เดิมทีร่างกายก็ผอมโซอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งเห็นสภาพหนังติดกระดูกได้ชัด นอกจากนี้บาดแผลฉกรรจ์บริเวณอกทั้งสองข้างของเขาและรอยคราบเลือดตามเรือนร่าง ยิ่งทำให้อณาบริเวณถูกปกคลุมด้วยความสะพรึง

ท่านเยว่อยู่ในสภาพฟางเส้นสุดท้ายแล้วจริงๆ

เซียวฝานและอู๋อี้คุกเข่าต่อหน้าท่านเยว่ เวลานี้ทั้งสองต่างก็อึกอักมิสามารถกล่าวอันใดออกมาได้

อาจเพราะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ท่านเยว่ค่อยๆ ลืมตาเชื่องช้า เขามองเซียวฝานและอู๋อี้พลางพยักหน้าพึงใจ ริมฝีปากแห้งกรังขยับเอ่ยแช่มช้า “ดี ตาเฒ่าอย่างข้าได้เห็นลูกศิษย์ที่เชื่อฟังก่อนไป ก็จากไปอย่างสงบแล้วล่ะ”

“อาจารย์ ท่านพูดพร่ำอะไรเล่า ท่านต้องไม่ตาย ท่านเคยบอกว่าพวกเราจะร่วมกันประดิษฐ์อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างทั้งโลก หากท่านไปตอนนี้อนาคตผลงานก็ต้องตกเป็นของข้า ศิษพี่และศิษย์น้องแล้ว” อู๋อี้เอ่ยสะอึกสะอื้น ยามที่พูดนั้นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ว่ากันว่าน้ำตาผู้ชายนั้นไหลยาก บางที อาจเพียงเพราะยังไม่ถึงคราวที่รวดร้าวเท่านั้นเอง

ท่านเยว่พยายามยิ้มฝืด ส่ายศีรษะอย่างที่หาดูได้ยาก “ตาเฒ่าเช่นข้าฝืนไว้ไม่ได้แล้ว ฝืนไม่ได้แล้ว คงไม่ได้เห็นวันนั้นแล้ว”

เซียวฝานซัดหมัดลงไปที่พื้นข้างลำตัว ง่ามนิ้วพลันเรื่อแดง ทว่ากลับเทียบไม่ได้กับความแดงก่ำบริเวณขอบตาของเขา เขานึกคำไว้มากมาย แต่สุดท้ายกลับพูดออกไปเพียงประโยคเดียว “อาจารย์ท่านตายไม่ได้!”

“เห็นทีว่าตาเฒ่าเช่นข้าต้องถึงคราวตายแล้วจริงๆ เจ้าเด็กตัวแสบทั้งสองอย่างพวกเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์...” ยามที่ท่านเยว่พูด ใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้ม ทว่าในขอบตากลับเต็มไปด้วยรอยรื้นของน้ำตา เขาไอออกมาหลายครั้ง พลางหันไปมองหลินซินเยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยทักทายเสียงแผ่ว “มานี่ เจ้าเด็กโง่ มา...”

หลินซินเยียนแอบร้องไห้ไม่ให้ได้ยินเสียงนานแล้ว นางนั่งพับลงตรงหน้าท่านเยว่ในทันที “อาจารย์ ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้า หากไม่เพราะข้าแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ไม่มีข้ออ้างมาจับตัวท่านไป!”

ท่านเยว่เลียริมฝีปากแห้ง หลังจากถอนลมหายใจหนักหลายเฮือกจึงค่อยรวบรวมเรี่ยวแรงเอ่ยออกไป “ไม่มีเจ้า พวกเขาก็มีข้ออ้างอื่นอยู่ดี อีกอย่าง...”

สายตาของเขามองไปยังบริเวณท้องของหลินซินเยียน “ข้าคงไม่อาจทนเห็นศิษย์หลานของข้าไปกินข้าวคุกตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดได้หรอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต