ตอนที่ 134 ข้าจะแต่งกับนาง
ศิษย์หลาน!
คำสองคำนี้ทุบลงกลางใจของหลินซินเยียนอย่างจัง นางมองตามสายตาของท่านเยว่ไปยังบริเวณท้องของตน นางนึกถึงตอนที่ตนป่วยครั้งนั้นท่านเยว่ได้ตรวจชีพจรให้นาง ทว่าเพียงแค่อัตราการเต้นของชีพจรไม่กี่ขณะ ท่านเยว่ก็ตรวจพบอะไรแล้วหรือ
ที่น่าขันคือ แม้แต่ตัวนางเองยังไม่รู้สึกเลย
หากไม่เชื่อว่าท่านเยว่จะล้อเล่นในเวลาเช่นนี้แล้วล่ะก็ หลินซินเยียนต้องไม่เชื่อความจริงอันแสนเจ็บร้าวนี้เป็นแน่
“ท่าน ท่านบอกว่าข้า...” หลินซินเยียนสะอื้นในครู่ต่อมา อาจเพราะความสะเทือนใจ นางลืมไปสนิทว่าต้องร่ำไห้
ท่านเยว่ได้ยินนางถามอย่างนี้ ถอนหายใจไร้เรี่ยวแรงหนึ่งเฮือก “ดูแล้วตัวเจ้าเองจะยังไม่รู้สินะ”
เขาหันไปมองชายผู้อยู่ในอาการสะเทือนใจแบบเดียวกันกับนางซึ่งอยู่ถัดไปข้างหลัง นัยน์ตาคู่นั้นทอประกายปั้นยาก สุดท้าย สายตาของเขาก็หยุดมองไปยังร่างของโม่จื่อเฟิง เขากระแอมไอควานหาเสียง “เจ้าคือพ่อของเด็กรึ”
โม่จื่อเฟิงที่ถูกท่านเยว่ถามอย่างไม่ทันตั้งตัว พลันหน้าดำคร่ำเครียด เกิดมาทั้งชีวิต เขาเพิ่งสติหลุดแบบเรียกวิญญาณกลับมามิได้ก็ครั้งนี้เอง
เพียงเขาขยับย่างก้าว และขบคิดว่าจะเอ่ยเช่นไรดี กลับได้ยินเสียงสะอื้นของหลินซินเยียนที่ฟุบหมอบอยู่ต่อหน้าท่านเยว่ “ไม่ใช่เขา”
หลินซินเยียนไม่ได้หันมอง ไม่เห็นสีหน้าของเขา ทว่านางรู้สึกว่าเขาคงไม่ได้หวังอยากจะให้นางตั้งท้องหรอก ในความเป็นจริง อู่เซวียนอ๋องอยู่ในฐานะใด แล้วตัวนางอยู่ในฐานะใด ในสายตาของเขานั้น นางคงไม่พ้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือระบายกามารมณ์เท่านั้น ที่ต่างกันไปคือก่อนหน้านี้นั้นเครื่องนี้อันนี้ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แววพิศวงในดวงตาของท่านเยว่ดับไป ทั้งที่อายุปูนนี้แล้ว ขอบตากลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำ เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนเอ่ย “เอาเถิด เอาเถิด เด็กสาวเช่นเจ้าจะก่อความผิดร้ายแรงอันใดเล่า หญิงสาวตัวคนเดียวไม่มีสถานภาพแต่ตั้งครรภ์แล้ว เจ้าจะใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตเยี่ยงไร เจ้าเด็กโง่ หากตาเฒ่าอย่างข้าตายไปก็คงตายตาไม่หลับ”
ค่ำคืนที่เงียบสงัด เสียงหดหู่ของท่านเยว่ท่วมท้นไปยังต่อรับความรู้สึกของทุกคน
ในที่สุดหลินซินเยียนก็อดมิได้ที่จะร้องโพล่งออกมาอย่างเจ็บเจียน เพียงชั่วขณะถัดไป นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เนื่องจากเรียวปากที่อ้าอยู่ของท่านเยว่ค่อยๆ ปิดเข้าหากันทีละน้อย แม้กระทั่งเปลือกตาของเขาก็กำลังจะปิดสนิท
“ท่านอาจารย์!” เซียวฝานและอู๋อี้รับรู้ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของท่านเยว่นั่นหมายความว่าอย่างไร ทั้งสองฟุบตัวลงร่ำไห้ฟูมฟาย
มองดูดวงตาของท่านเยว่ที่กำลังจะปิดลงสนิท เซียวฝานคว้ามือเรียวของหลินซินเยียนมากุมไว้ จากนั้นจึงตะโกนพูดกับท่านเยว่ “อาจารย์ ท่านไม่ต้องกังวลศิษย์น้อง ข้าจะสู่ขอนาง ข้าจะแต่งกับนาง”
ตอนที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง ดวงตาของท่านเยว่ก็ปิดสนิท เพียงแต่ไม่รู้ว่าคำพูดของประโยคสุดท้ายของเขานั้นท่านเยว่จะทันได้ฟังหรือไม่
เขาคิดไม่ถึง ครั้งแรกที่เห็นนางแสดงอารมณ์ที่แท้จริงของตนออกมา ที่แท้เป็นสภาพเช่นนี้เอง มองนางที่ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดสิ้นหวัง ใบหน้าซีดเผือด แม้แต่ดวงตาคู่กลมโตของนางยังหวำลึกลง โดยเฉพาะแววไร้หวังในตานาง ได้บาดลึกเขาให้เจ็บปวด
ยามที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เขาย่อตัวลงเพื่อดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด โอบรัดนาง ปราศจากคำปลอบโยน ทำเพียงลูบแผ่นหลังนางอย่างแผ่วเบา
ความอบอุ่นเช่นนี้ มีอยู่วูบหนึ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าไม่คุ้นชิน
อีกอย่าง เมื่อครู่นี้ท่านเยว่บอกว่าในท้องของนางมีเด็ก ข้อมูลนี้ทำให้เขาแทบเรียกสติกลับไม่ได้ เขาขมวดคิ้วมุ่น เดิมทีควรจะปกปิดเอาไว้ ผู้หญิงเช่นนี้จะคลอดบุตรของเขา...โม่จื่อเฟิงได้อย่างไร ทว่า มองดูสีหน้าไร้หวังของนาง เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาโดยไม่ทันได้พิเคราะห์ “ขอร้อง หากไม่คิดว่าทำเพื่อตนเอง ก็ถือว่าทำเพื่อเด็กในท้องเจ้าเถิด
หลินซินเยียนเงยหน้าขึ้นอย่างท้อแท้ ดูเหมือนเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าเขากำลังโอบกอดตนอย่างอ่อนโยน ทัศนวิสัยของนางคลุมเครือ ดูเหมือนสักพักจะไร้การตอบสนองใดๆ ครู่ใหญ่ต่อมา ม่านตาจึงค่อยมองเห็นชัดเจนขึ้นทีละน้อย นางคิดซ้ำไปมา กล่าวพลางสะอื้น “ขอร้องท่านล่ะ อย่าให้ข้าเอาเขาออก ได้หรือไม่”
นางสูญเสียคนที่เอาใจใส่นางไปแล้วหนึ่ง ตอนนี้ยิ่งไม่อยากสูญเสียอีก คิดว่าหนึ่งชีวิตนี้กำลังดิ้นอยู่ภายในครรภ์ของนาง
มองดูสายตาวิงวอนของนาง สดับฟังการอ้อนวอนแสนต่ำต้อยของนาง หัวคิ้วของโม่จื่อเฟิงยิ่งขมวดกันเป็นปมแน่น รู้สึกอัดอั้นตรงกลางใจ ทว่ากลับหาสาเหตุของความรู้สึกอัดอั้นนั้นไม่เจอ
“ข้าขอร้อง! ข้ารับรองว่าจะไม่เรียกร้องสถานะใดๆ ท่านไม่จำเป็นต้องยอมรับเด็กคนนี้ ข้าเลี้ยงเขาเองได้ ข้าจะไม่ให้เขาไปปรากฏกายต่อหน้าท่าน ยิ่งไม่ให้เขาไปปรากฏต่อหน้าชายาของท่าน เพียงแค่ท่านให้ข้าเก็บเขาไว้ ขอร้อง ขอร้องล่ะ ข้าขอร้อง...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...