ตอนที่ 135 จะไป หรือไม่ไป
นางทั้งร่ำไห้ทั้งวิงวอน อาจเพราะการจากไปของท่านเยว่สำหรับนางแล้วช่างกระทบกระเทือนใจเหลือเกิน นางในตอนนี้ หวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียอีกหนึ่งชีวิตไปจริงๆ ฉะนั้นแล้วหากให้คุกเข่าต่อหน้าเข่าแล้วจะทำให้เขาปล่อยนางไป นางก็มิลังเลที่จะทำมัน!
โม่จื่อเฟิงเดิมทีลูบหลังนางอย่างแผ่วเบา ทว่าเพราะนางคร่ำครวญอ้อนวอนมือหนาจึงชะงักแข็งทื่อ มือของเขากดแรงลงบนหลังนาง เผลอใช้กำลังโดยไม่รู้ตัว ในม่านตามีเพลิงโทสะราวกับถูกจุดให้ลุกโชน ชั่วขณะนี้ความอ่อนโยนแต่เดิมได้มลายลงในพริบตา “ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นเพียงคนที่จะฆ่าเด็กในท้องของเจ้าอย่างไม่ลังเลเท่านั้นหรือ”
ไม่รู้เพราะเหตุใด ความคิดเช่นนี้ของนางทำให้เขารู้สึกคัดแน่น
หลินซินเยียนร่ำไห้ไร้สำเนียง อยากเอ่ยอันใด เรียวปากขยับทว่ากลับเอื้อนคำใดไม่ออก ทำเพียงร้องไห้พลางส่ายหน้าไปมา นางมองออกว่าเขากำลังบันดาลโทสะ
อีกด้านหนึ่ง เซียวฝานและอู๋อี้เดิมทียังไม่ได้มีปฏิกิริยาอันใดในเรื่องที่พวกเขาพูด ได้ยินถึงตอนนี้ทั้งสองตกตะลึงในเวลาเดียวกัน ดวงตาของอู๋อี้แดงก่ำอีกครั้ง ตะโกนด้วยเสียงต่ำเย็นเยียบ “เจ้าคือพ่อของเด็กรึ พวกเจ้าสองคน...”
เซียวฝานยิ่งเดือดดาลหน้าขึ้นเลือด ออกแรงดึงหลินซินเยียนมาด้วยมือเดียว จากนั้นจึงซัดหมัดใส่โม่จื่อเฟิง “เจ้าคือพ่อของเด็ก ตอนที่ท่านเยว่ใกล้จากไป แม้แต่เปล่งเสียงจากลำคอเจ้ายังไม่กล้า!”
แน่นอนว่าหมัดของเซียวฝานไม่โดยโม่จื่อเฟิง เขายกมือขึ้นเชื่องช้า ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถหยุดหมัดของเซียวฝานได้แล้ว ครู่ต่อมาจึงสวนหมัดกลับทันควัน
เพียงลงหมัดเดียว กำเดาของเซียวฝานพลันไหลออกจากรูจมูกทั้งสองข้าง อู๋อี้เห็นเช่นนั้น ฉับพลันก็จะเข้าไปต่อยโม่จื่อเฟิง ทว่าเพียงแค่เขาขยับ โม่จื่อเฟิงก็เตะเขาล้มกลับไปกองกับพื้น
เลือดของเซียวฝานและเสียงหอบหายใจต่ำของอู๋อี้ปลุกหลินซินเยียนที่สติสัมปชัญญะหลุดลอยให้กลับมาในที่สุด นางหมุนกายแช่มช้า ทันใดนั้นก็ห้ามเซียวฝานและอู๋อี้ที่จะลุกตามไปประทุษร้ายโม่จื่อเฟิงอีกครั้ง นางร้องเสียงหลง “หยุดได้แล้ว หยุด! ข้าเป็นเพียงสาวใช้อุนเตียงของเขาเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องแต่งกับข้า”
เซียวฝานและอู้อี้หันขวับมองหน้าด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าสายตานั้นเสมือนดั่งมีดที่กรีดลงบนหัวใจของหลินซินเยียน
“ใช่แล้ว พวกท่านฟังไม่ผิด ข้าเป็นเด็กรับใช้บนเตียงของเขา ร่างกายข้าไม่ผุดผ่อง ทำให้พวกท่านผิดหวังแล้ว ข้าขออภัย” เอ่ยประโยคนี้จบ หลินซินเยียนปล่อยปาก ก้าวมาหยุดบริเวณข้างหน้าของโม่จื่อเฟิง จากนั้นจึงทิ้งกายคุกเข่าฟุบลงกับพื้น “ท่านปล่อยพวกเขาไปเถิด...”
โม่จื่อเฟิงกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาคุ้นชินกับการที่ผู้คนจำนวนมากเคารพและหมอบกราบตน ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่นางคุกเข่าทำเพื่อเซียวฝานและอู๋อี้ต่อหน้าเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่คุ้นชิน หนำซ้ำยังโมโหเป็นอย่างยิ่ง
เขาไม่กล่าวคำใด และปราศจากการอธิบาย หันหลังเดินออกไปทางนอกสวน เขาไม่ประสงค์ชี้แจง ก็ถือว่าเจ้าคนอวดดีทั้งสองมันยั่วโมโห ซ้ำยังซัดหมัดใส่เขาอีก อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตทั้งสองคนนั้นอยู่แล้ว
เซียวฝานและอู๋อี้มองหลินซินเยียนที่ลดตัวเองลงไปเช่นนี้ ล้วนแต่เดือดดาล “ศิษย์น้อง เหตุใดเจ้าจึงขอร้องคนเช่นนั้น มันคิดว่ามันเป็นใครกัน คิดอยากเอาชีวิตของพวกเรานั้นเป็นไปได้หรือ ใครเป็นใครตายยังไม่แน่ว่า...”
“เขาคืออู่เซวียนอ๋อง” หลินซินเยียนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นจึงกล่าวประโยคนี้
ก่อนอื่นใดเซียวฝานและอู๋อี้สะพรึงเพริศ บัดนี้เขาทั้งสองล้วนเหมือนกับชะตาขาดแล้ว
อู่เซวียนอ๋องหรือ หากว่าเป็นอู่เซวียนอ๋องจริง เช่นนั้นเพียงแค่เขาชี้นิ้วสั่งก็สามารถเอาชีวิตใครต่อใครได้แล้ว
โม่จื่อเฟิงหรี่ตาลง เขากลับมาช่วยหญิงสาวผู้นี้ด้วยความประสงค์ดี นางกลับไม่สำนึก “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรอยู่ ข้างนอกไม่ได้มีเพียงแค่สิบกว่าคน ยังมีอาวุธหน้าไม้ที่อยู่ข้างบนอีก เจ้าอยู่ที่นี่ ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย เพียงเพื่อเจ้าคนที่เพิ่งจะรู้จักไม่กี่วัน คุ้มรึ”
“คุ้ม!” หลินซินเยียนเอ่ยอย่างไม่ลังเล แววตามุ่งมั่นไร้ที่เปรียบ
“เกินเยียวยา!” โม่จื่อเฟิงหุนหันพลันแล่นหมุนกายเดินออกไป ทว่าเพียงไม่กี่ก้าว กลับต้องหยุดชะงัก เขาหันหน้ากลับพลางถาม “ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ไป หรือไม่ไป”
หลินซินเยียนไม่ตอบ ทำเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ แต่แฝงความหนักแน่น
ชั่วขณะนั้น เปลวเพลิงกระทบบนใบหน้าของนาง ทำให้หยาดน้ำตาบนแก้มนางส่องประกายวิบวับ เค้าหน้าของนางนั้นงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เหมือนวิญญาณได้กลับเข้าร่างกายของนางอีกครั้ง ทำให้นางมองเห็นถึงความเป็นจริง เขาโกรธเพียงนั้นหรือนางไม่รู้เลย นางในยามนั้นแสนงดงามไร้ที่ติ
“ศิษย์น้อง เจ้าไปกับเขาเถิด หากวันนี้พวกข้าไม่มีชีวิตรอดออกไป เจ้าโปรดจำไว้ แก้แค้นแทนพวกเราด้วย” เซียวฝานและอู๋อี้ยันกายขึ้น พลางดึงให้หลินซินเยียนลุกตามขึ้นมา จากนั้นจะดันนางให้ไปหาโม่จื่อเฟิง
หลินซินเยียนถลาไปทางโม่จื่อเฟิง โม่จื่อเฟิงรั้งตัวนางไว้ ยามที่รอให้นางหันมา ก็เห็นเซียวฝานนำร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่แบกขึ้นหลัง จากนั้นอู๋อี้ก็ลุกขึ้นยืนเคียงบ่าเคียงไหล่
จนกระทั่งหลายปีให้หลัง หลินซินเยียนยังจำฉากนั้นได้ เซียวฝานแบกร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่ที่เข่าห้อยต่องแต่ง สองมือสั่นระริกของอู๋อี้นำกริชเล่มหนึ่งออกมา ก็เหมือนกับพันธุ์พืชหนึ่งเมล็ด หยั่งรากฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ ไม่สามารถดับสลายไปชั่วนิจนิรันดร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...