ตอนที่ 136 แม้นตายก็ไม่ปริปาก
หลินซินเยียนกระเสือกกระสนขึ้นมาทันที นางอยากจะหลุดพ้นจากการเกาะกุมของโม่จื่อเฟิง พลางโพล่งออกมา “ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป ท่านปล่อยข้าเถิด เว้นแต่ท่านจะช่วยพวกเขา ไม่เช่นนั้นข้ายอมตาย”
สีหน้าโม่จื่อเฟิงยิ่งไม่พึงใจ เขามองอาวุธหน้าไม้เป็นกระพรวนข้างนอกประตูสวนนั่น เกรงว่าจะยิงหญิงสาวที่แหกปากตะโกนร้องผู้นี้
ขณะที่ทั้งสองฉุดกระชากลากถูกันอยู่นั้น อวิ๋นเที่ยนสี่ก็มาถึงหน้าประตูสวนเป็นที่เรียบร้อย “ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว พวกเจ้าใครหน้าไหนก็ไปไม่ได้ แต่ว่าเจ้า...”
เขาชี้ไปที่โม่จื่อเฟิง นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดออกไป เขาชะงักครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เห็นแก่หน้าของไน่ชิงเฉี่ยน ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“น่าขันนัก เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะขัดขวางข้าได้งั้นรึ” โม่จื่อเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย หมุนกายปลดปล่อยลมปราณระดับสูงออกมา ลมปราณเช่นนี้ทำให้อวิ๋นเทียนสี่สั่นระริกอย่างห้ามไม่ได้
อวิ๋นเทียนสี่เบิกตากว้างมองเขาด้วยความพิศวง อดไม่ได้ที่จะถามออกไปอีกครั้ง “เจ้าเป็นใครกันแน่”
“ท่าน ไม่จำเป็นต้องรู้” โม่จื่อเฟิงเอ่ยประโยคนี้ด้วยความเย็นชา จากนั้นค่อยดึงหลินซินเยียนหมายจะเดินออกไป
“เหล้าศักดิ์ไม่ดื่มริจะดื่มเหล้าพิษ ในเมื่อเจ้ามีกะใจรนหาที่ตาย ก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้เมตตา ไม่ว่าเจ้าจะเกี่ยวข้องอะไรกับไน่ชิงเฉี่ยน ข้าก็มิอาจปล่อยเจ้าไปได้หรอก” อวิ๋นเทียนสี่เข้ามาภายในสวน มองไปยังเซียวฝานซึ่งกำลังแบกร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่ พลางกล่าว “เอาล่ะ ตอนนี้จงนำของสิ่งนั้นออกมาซะ หากให้พวกเจ้าช่วยคนออกไปได้ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้านำของมาแลก”
“ของอันใด” เซียวฝานเบิกตากลมโตด้วยความแค้นเคือง
อวิ๋นเทียนสี่หัวเราะเย็นครู่หนึ่ง “หยุดเสแสร้งได้แล้ว ก่อนท่านเยว่ตายจะต้องบอกพวกเจ้าว่าของสิ่งนั้นซ่อนอยู่ที่ใดเป็นแน่ หากฉลาดหน่อยจงรีบนำออกมาเสีย ไม่เช่นนั้นอย่ามาโทษว่าข้าทำให้พวกเจ้าตายทั้งเป็น”
“เพื่อของสิ่งนั้นทำให้ท่านทำร้ายท่านเยว่จนตายหรือ” อู๋อี้ขมวดคิ้ว ทว่ากลับไม่รีบปักใจหรือตอบกลับ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ถ้าหากไม่เป็นเพราะจะเอาของสิ่งนั้น ข้าจะเปลืองกองกำลังมากมายขนาดนี้เพื่ออะไร หากไม่เพราะกลัวว่าท่านเยว่จะเอาของสิ่งนั้นลงโลงไปด้วยแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะทำเรื่องอ้อมค้อมกระนั้นรึ ข้าให้คนไปฆ่าพวกเจ้าตรงๆ ตั้งนานก็จบเรื่องแล้ว” เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว อวิ๋นเทียนสี่แทบจะไม่ปิดบังสิ่งใดแล้ว “รีบนำของออกมาเสีย ไม่แน่ว่าข้าอาจให้เดรัจฉานอย่างพวกเจ้านำร่างสมบูรณ์ออกไป”
เซียวฝานและอู๋อี้มองกันเพียงแวบเดียว ในดวงตาฉายแววไว้อาลัยขึ้นมา อู๋อี้ส่ายหน้าพลางพ่นลมหายใจ “พวกข้าใช้แรงทั้งหมดที่มีทำเพื่อศาลาความลับแห่งสวรรค์ จวนจะมอบทั้งชีวิตนี้อุทิศให้แด่ที่นี่ ถึงตอนนี้ สำหรับประมุขผู้ยิ่งใหญ่ พวกข้าเป็นได้เพียงเดรัจฉานเท่านั้น โชคดีที่ตาเฒ่าจากไปแล้ว ไม่เช่นนั้นหากได้ยินคำเหล่านี้เกรงว่าจะตายทั้งเป็นเป็นแน่แท้”
“ที่น่าเสียดายคือ เจ้าอาจต้องผิดหวัง ก่อนตายตาเฒ่าก็ยังไม่ได้บอกพวกข้าเกี่ยวกับของสิ่งนั้นที่เจ้าต้องการเลย ตาเฒ่าเป็นคนที่หนักแน่นเพียงนั้น แต่เขาคิดถูกแล้ว ก็คงจะทำสำเร็จ ในเมื่อเขาคิดว่าของสิ่งนั้นไม่ควรจะตกไปอยู่ในกำมือของท่าน เช่นนั้นก็เห็นได้ชัดว่าของสิ่งนั้นสำคัญกว่าชีวิตของพวกเราไม่กี่ชีวิตนี้ทั้งสิ้น ในเมื่อตาเฒ่าเลือกแล้ว พวกข้าที่เป็นศิษย์ของเขา ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา ไม่ใช่แค่ตายหรอกหรือ ยังมีสิ่งใดให้ต้องเกรงกลัวอีก” เซียวฝานกล่าวอย่างท้าทาย
มีอะไรให้ต้องกลัว!
ประโยคนี้ทำให้ดวงตาของหลินซินเยียนฉายแววรวดร้าวอยู่ครู่ เพียงแค่ประโยคเดียวนี้ ต้องใช้ความกล้าหาญมากมายเพียงใดจึงจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้
“ท่านเยว่มิได้พูดอันใดหรือ” อวิ๋นเทียนสี่ไม่อยากเชื่อ โพล่งตะโกนอย่างเดือดดาล “ใกล้ตายอยู่รอมร่อพวกเจ้ายังจะปากแข็ง เห็นทีว่าไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...