ตอนที่ 137 วางแผนล่วงหน้า
คำพูดของหลินซินเยียน แน่นอนว่าทำให้อวิ๋นเทียนสี่ตื่นเต้น สำหรับเขาแล้ว การฆ่าพวกเขาไม่กี่คนนั้นไม่ใช่เป้าหมายของเขา จุดประสงค์ของเขาก็เพียงแค่ต้องการได้รับของที่เขาอยากได้เท่านั้น
เขามุ่นคิ้วพิเคราะห์ จากนั้นจึงหัวเราะพลางกล่าว “ที่เจ้าพูดนั้นมีหลักการอยู่ไม่น้อย แต่ว่า ศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาเช่นเจ้า เกรงว่าคนไม่รอบคอบอย่างท่านเยว่คงไม่ให้เจ้าเป็นศิษย์รัก แต่ว่าเจ้าคนถ่อยทั้งสองนั่นน่ะหรือ ข้าเดาว่าคงไม่ให้เจ้าทำเรื่องนี้ เก็บเจ้าไว้เป็นตัวประกันของข้า ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ ไม่สู้ให้เก็บเซียวฝานหรืออู๋อี้ หนึ่งในสองคนนี้”
หลินซินเยียนสะพรึงเพริศ หันหลังกลับไปมองเซียวฝานและอู๋อี้ ยิ่งทำให้ทั้งสองพ่นลมหายใจออกมาในเวลาเดียวกัน
ตอนที่นางลุกพรวดเอ่ยประโยคนี้ออกมา บนใบหน้าของทั้งสองล้วนฉายแววไม่อยากเชื่อและชื่นชม จะทำการเช่นนั้นต้องมีความรับผิดชอบอย่างหนัก พวกเขาล้วนมีเลือดของชายชาตรี เรื่องเช่นนี้เหตุใดจึงให้ผู้หญิงลุกขึ้นทำ
บัดนี้อวิ๋นเทียนสี่เอ่ยเช่นนี้ ฉับพลันทั้งสองพยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเล ทั้งสองทำเพียงแค่เหลือบมองกัน ในแววตาของฝ่ายตรงข้ามกลับแลเห็นความแจ่มแจ้ง
“ศิษย์พี่...” อู๋อี้เอ่ยปาก พูดยังไม่ทันจบดีก็ถูกเซียวฝานตัดบท
เซียวฝานเอ่ย “เอาเถิด เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่แล้ว เวลาเช่นนี้จะให้เจ้าไปแทนเช่นไร หน้าที่ดูแลศิษย์น้องและจัดพิธีศพเงียบๆ ให้ท่านอาจารย์ล้วนยกให้เจ้า เจ้าไม่สามารถปฏิเสธ ข้าเป็นศิษย์พี่ ข้าพูดสิ่งใดจงทำตาม”
เขาเอ่ยประโยคนี้จบ ก็นำร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่มอบให้อู๋อี้ จากนั้นจึงจ้ำอ้าวออกไปทางอวิ๋นเทียนสี่
อู๋อี้ยังอยากกล่าวเพิ่ม ทว่ายามที่กอดร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่ ความรู้สึกยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือ ความยะเยือกนี้ย้ายไปยังสติสัมปชัญญะของเขา ริมฝีปากหนาขยับเขยื้อน ไม่เอ่ยคำใด สุดท้ายจึงกัดฟันพร้อมกับพยักหน้า
หลินซินเยียนรู้สึกแสบร้อนในดวงตา นัยน์ตาจับจ้องที่เซียวฝานซึ่งเดินตรงหน้าของอวิ๋นเทียนสี่ จากนั้นไม่นานก็มีคนใช้อาวุธพาดลงที่ลำคอของเขา
จากต้นจนจบ เซียวฝานไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งวัน ภายในหนึ่งวันพวกเจ้าจะต้องเอาของสิ่งนั้นมาแลกกับข้า หากของนั่นถึงมือข้า แล้วพวกเจ้าไม่เล่นตุกติก บางทีข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
ปิดฉากความเป็นความตายไว้ด้วยวิธีเช่นนี้
กองไฟในสวนยังคงส่องสว่างลุกโชน ไม่กี่คนที่ล้อมรอบกองไฟกลับจ้องมองเปลวไฟอันโชติช่วงโดยไม่ปริปาก
อู๋อี้นำร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่วางลงอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นดวงตายังเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ท้ายที่สุดกลับเลือกจัดการทั้งหมดด้วยเหตุผล เขากอดร่างไร้วิญญาณของท่านเยว่เดินไปยังสวนของตน หลินซินเยียนเช็ดหยาดน้ำตาและเดินตามอย่างเงียบๆ
ยามที่เดินผ่านร่างของโม่จื่อเฟิง ฝีเท้าของนางหยุดลงพร้อมหมุนกายมองไปทางเขา “คืนนี้ขอบคุณท่านมาก”
นางย่างก้าวเพื่อจะเดิน โม่จื่อเฟิงกลับรั้งแขนนางไว้ “สรุปว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไรกัน”
หลินซินเยียนเงยหน้าอย่างงงงวย ก่อนแสยะยิ้ม “ไม่ใช่ว่าข้าเคยพูดไปแล้วหรือ หากว่าศิษย์พี่ทั้งสองตายที่นี่ ข้าไม่เกี่ยงที่จะตายไปพร้อมกับพวกเขา”
“โง่เง่า!” โม่จื่อเฟิงสบถสองคำนี้ออกมา หัวคิ้วทั้งสองข้างขมวดกันเป็นปมแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...