ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 15

ตอนที่15เอาใจใส่แต่กลับโดนทิ้งข้างๆ

“ไม่เพียงหนี นางยังใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมหลอกล่อคนในเรือนด้วย”โม่จื่อฟงหรี่ตาลงเปิดม่านในรถม้าออก อินทรีตัวนั้นได้บินหายไป บนท้องฟ้าที่ไกลจะมืดค่ำ

กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมเป็นกลยุทธ์หนึ่งในศึกสามก๊กหมายถึงการโจมตีศัตรูจนไม่ทันได้ตั้งรับโดยหลอกล่อให้ศัตรูบุกโจมตีผิดตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย

“ท่านอ๋อง”จินมู่ขี่ม้าเดินไปด้านข้างของรถม้ามีสีหน้าจริงจัง“อยากส่งคนออกไปตามหรือไม่?”

ไม่มีใครกล้าต่อต้านท่านอ๋อง สตรีผู้นั้นกลับกล้าหนีไปหากไล่ตามจับมาได้มีกี่ชีวิตก็คงชดใช้ไม่ได้

คนในรถม้านิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน ตลอดจนเขาปิดม่านลงและส่งน้ำเสียงเย็นชาออกมาจากในรถม้า“ให้คนจากสำนักมี่หวี่ออกตามหา ให้ตามหาแบบเงียบๆอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นก็พอ”

จินมู่ตกตะลึง สำนักมี่หวี่เป็นหน่วยข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นหนานเยว่ แม้จะเบื้องหน้าจะเป็นเพียงสำนักในยุทธภพ แต่เบื้องหลังเป็นคนสืบข่าวให้อ๋องอู่เสวียน สำนักมี่หวี่เป็นเพียงหน่วยข่าวกรองย่อยของอ๋องอู่เสวียนเท่านั้น

โดยทั่วไปแล้วข่าวจากสำนักมี่หวี่ล้วนน่าเชื่อถืออย่างมาก เช่นนั้นทุกข่าวสารย่อมซื้อขายในราคาที่สูง เพื่อจะตามสตรีหนึ่งคนถึงกับใช้สำนักมี่หสี่ออกตามหา...

จินมู่ไม่กล้าสงสัยในความคิดของท่านอ๋อง เขาเพียงแค่แอบตกใจเท่านั้น จากนั้นก็รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของท่านอ๋อง

ในรถม้าที่อยู่ท่ามกลางกองทัพทหารได้จุดกำยานของทางตะวันตก ควันที่ลุกไหม้เกิดเป็นเส้นเดียวพลิ้วไหวไปมาอย่างมีเสน่ห์ สตรีผู้หนึ่งสวมชุดผ้าลายปักที่ประณีตงดงาม ตรงขอบของชุดผ้าลายปักเป็นขนของสุนัขจิ้งจอกสีขาว ในฤดูหนาวแม้ว่าไม่ได้สัมผัสเพียงแค่มองก็รู้สึกอบอุ่นใจ

สตรีที่มีอารมณ์ขันมองดูแล้วกำลังอารมณ์ดี แม้ประตูรถม้าจะปิดอยู่แต่สายตาของนางมองไปข้างหน้าตลอดคล้ายกับอยากจะมองทะลุประตูรถม้าออกไป

“พี่ใหญ่ประตูรถม้าปิดแล้ว ท่านจะมองอย่างไรก็มองไม่เห็นท่านอ๋อง ออกเดินทางมาตั้งไกลแล้วให้ข้านำขนมไปให้ท่านอ๋องแทนท่านดีหรือไม่?”หญิงสาวอายุสิบสามสิบสี่ปีที่นั่งอยู่ข้างๆ สตรีสวมชุดผ้าลายปัก ดูเหมือนจะเป็นคนฉลาดปราดเปรียว แค่มองสีหน้าท่าทางของสตรีสวมชุดผ้าลายปักก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร

“เจ้านี่นะรู้ดีซะจริง”สตรีสวมชุดผ้าลายปักคือบุตรสาวสายตรงของมหาเสนาบดีฝ่ายขวาในรัชสมัยปัจจุบันเซียวฉางเยว่ ตอนนี้เป็นหลานสาวของไทเฮา ฮ่องเต้ได้มอบตำแหน่งท่านหญิงหย่งหลิงให้กล่าวได้ว่าในแคว้นหนานเยว่นอกจากองค์หญิงแล้วสตรีที่มีฐานะสูงส่งที่สุดก็คงจะเป็นนางผู้นี้

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่สุขสบายเช่นนี้คงอาจจะได้ถูกเลี้ยงให้มีนิสัยโอหังอวดดี แต่เซียวฉางเยว่นั้นไม่เหมือนกัน เพียงแต่มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนและรอบคอบ เรื่องดีดพิณเล่นหมากรุกเขียนพู่กันจีนวาดภาพนั้นเป็นที่หนึ่งของเมืองเฟิ่งชีและถือว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มากด้วยความสามารถและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม

หญิงสาวข้างกายคือเซียวอวิ๋นฉิน น้องสาวมารดาเดียวกันกับเซียวฉางเยว่นางถือขนมอยู่บนโต๊ะเล็กขึ้น“พี่ใหญ่ขนมพวกนี้จะเอาไปให้หรือไม่?”

“เจ้าคิดว่าไงล่ะ”เซียวฉางเยว่ยิ้มอย่างงดงาม กิริยาท่าทางล้วนสง่างามและสูงศักดิ์

“แน่นอนว่าต้องให้ ไม่ใช่แค่ให้อย่างเดียวยังต้องให้ทุกคนล้วนทราบกันทั่วหน้าด้วยว่าได้เอาไปให้”เซียวอวิ๋นฉินได้นำขนมจัดในกล่องอย่างระมัดระวัง“ครั้งนี้พี่ใหญ่เป็นท่านหญิงแห่งแคว้นหนานเยว่ที่ได้มาเป็นราชทูตแคว้นเป่ยหมิง เมื่อได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ให้อ๋องอู่เสวียนออกมาต้อนรับที่เขตชายแดนด้วยตนเอง การได้รับเกียรติในครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของแคว้นหนานเยว่ ท่านคิดว่าหลังจากกลับเมืองไปในครั้งนี้ ไทเฮาจะทรงจะประทานงานแต่งให้หรื่อไม่”

“เจ้านี่นะอย่าพูดเหลวไหลความคิดของไทเฮา พวกเราจะไปคาดเดาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร คำพูดนี้เจ้าสามารถพูดต่อหน้าข้าได้เท่านั้น หากกลับเรือนห้ามเอ่ยต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นเจ้าโดนคัดกฎของตระกูลอีกแน่”เซียวฉางเยว่ส่ายหน้าถึงปากจะตำหนิแต่ในใจเต็มไปด้วยความดีใจอย่างยิ่ง

เซียวอวิ๋นฉินทำปากจู๋แสดงถึงความไม่พอใจและบ่นพึมพำ“ไม่รู้จริงๆว่าอ๋องอู่เสวียนมีดีตรงไหน เจ้าถึงได้ชื่นชอบเขาขนาดนี้ เจ้าเห็นสตรีข้างกายของเขาหรือไม่เปลี่ยนเป็นคนนี้ทีคนนู้นทีหลายใจยิ่งนัก พี่สามารถรับมือกับสตรีพวกนั้นไหมครับ”

นั่นเป็นเสียงของโม่จื่อฟงชัดๆ!

รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวอวิ๋นฉินได้จางหายไป ดวงตามืดครึ้มไร้แสงสว่าง ที่แท้โม่จื่อฟงก็ดังสมชื่อดีนิสัยเย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างแปลกประหลาด

ในทุ่งหญ้าขบวนรถม้าที่ยิ่งใหญ่กำลังเดินไปข้างหน้า เมื่อดวงอาทิตย์กำลังตกดินได้สะท้อนเป็นเค้าโครงราวกับภาพวาดที่งดงาม ในภาพวาดที่ได้แทรกเข้าไปในความทรงจำของคนไม่นานก็ถูกผู้คนลืมเลือน ในรถม้าบุรุษที่นั่งเอามือเท้าคางอย่างเกียจคร้าน สายตาเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ

หากตั้งใจฟังดีๆก็เหมือนจะได้ยินเสียงว่า‘หลินซินเยียน’สามคำนี้

หลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกดินค่ำคืน ในเมืองลี่ที่เป็นเมืองชายแดนเพิ่งจะเริ่มมืดลง เมืองลี่เป็นเมืองชายแดนที่อยู่ติดกับเมืองอวิ๋นแต่ไม่เหมือนกับเมืองอวิ๋น เมืองลี่อยู่ใกล้กับแคว้นเป่นหมิง เมื่ออยู่ห่างไกลจะอำนาจของฮ่องเต้ชาวบ้านก็เหิมเกริมเป็นธรรมดา

เนื่องจากการเดินจากแคว้นหนานเยว่ไปแคว้นเป่ยหมิงจำเป็นต้องเดินผ่านเส้นทางนี้ ดังนั้นความเจริญยังเทียบกับเมืองอวิ๋นไม่ได้ แต่มีตลาดกลางคืนเมืองลี่ที่โด่งดังอย่างมาก

ว่ากันว่าตลาดกลางคืนของเมืองลี่มีเพียงสิ่งที่คิดไม่ถึง คือไม่มีอะไรที่ซื้อไม่ได้ในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยของแปลกประหลาดมากมาย อยากได้อะไรก็ให้เขียนลงบนกระดาษ

หลินซินเยียนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในโรงน้ำชาที่ตลาดกลางคืนกำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นมากลับจามไปหนึ่งที มีใครกำลังนินทานางอยู่รึ?

“แม่นาง สองเหรียญสลึงของท่านดื่มน้ำชาของข้าไปสามถ้วยแล้ว ท่านคิดจะดื่มน้ำชาแทนข้าวหรืออย่างไร”เถ้าแก่โรงน้ำชายืนอยู่ข้างหลินซินเยียนมีสีหน้าลำบากใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต