ตอนที่ 163 เขามาแล้ว
ไม่กี่ชีวิตที่อยู่นอกรถม้าเห็นเจ้านายบันดาลโทสะ พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทั้งหมดทั้งมวลล้วนก้มหัวหมอบต่ำไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
“คืนวานก็ปลุกปั่นเรื่องมาแล้ว กว่าจะปลอบขวัญคนในจินหู่ปางให้สงบลงได้ ปัจจุบันเดาว่าสถานะพวกเราถูกเปิดเผยแล้ว หากว่าวันนี้ยามเช้าพวกเราไม่ย้ายทัพ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจหนีไม่ได้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ว่าค่อนข้างจะหลักแหลมหรอกรึ แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไร!”
หมิงฉีโกรธเป็นอย่างมาก น่าเสียดายว่าเสียงตะโกนของเขานั้นไม่กี่คนที่อยู่นอกรถม้าล้วนไม่กล้าตอบรับ เขาสบถเสียงเย็น ก่อนจะเริกม่านขึ้นแล้วลงจากรถม้า
เขาตรงไปยังสวนข้างหลังของเรือนพักแขก ก็เห็นหลินซินเยียนกำลังถือผ้าเช็ดตัวให้แก่เฉินซาน วินาทีนั้น เขาระเบิดหัวเราะด้วยความโทโส “ดูเหมือนว่าสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อคืนวานจะเป็นเรื่องจริง ไร้การแบ่งแยกชายหญิงโดยสิ้นเชิง ช่างไม่เหมือนสาวสะพรั่งบริสุทธิ์ผุดผ่อง”
หลินซินเยียนหันกลับไป เหลือบมองเขาแวบเดียวก่อนจะนำเอาผ้าขนหนูที่ใช้แล้วแช่ลงไปในน้ำร้อนอีกครั้ง พลางเอ่ยถามอย่างมิได้ส่ใจ “องค์ชายหมิงเหตุใดจึงกลับมา มิใช่ว่าต้องรีบย้ายทัพรึ”
หมิงฉีจับหมับเข้าที่ข้อมือของนาง ถอนหายใจหนึ่งเฮือก “เอาเถิด ข้าจะเอาตัวเขาไปด้วย”
หลินซินเยียนมองเขาด้วยสายตาพิศวง ก้มหน้าต่ำขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง อันตรายของการที่นางอยู่ที่นี่นั้นมากมายเหลือนแสน หากว่าสามารถนำตัวเฉินซานไปด้วยกันได้ เช่นนั้นนางก็มิบังควรอ้างสิทธิ์ มิอาจทำเรื่องที่จะพาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายสินะ
“ดี” นางเอ่ยเพียงหนึ่งคำ
หมิงฉีกลับพ่นลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หลินซินเยียนไม่มีทางล่วงรู้ นี่คือครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้หญิง
หลินซินเยียนอยากจะสะบัดข้อมือของเขาออก ทว่าเขาจับไว้แน่นเหลือเกิน ถูลู่ถูกังนางออกมาข้างนอก เมื่อมาถึงประตูเรือนพักแขก หมิงฉีสั่งให้คนจำนวนหนึ่งไปพาเฉินซานออกมาด้วย
คนจำนวนนั้นล้วนตกใจมาก บางคนถึงกับลุกพรวดขึ้นมาร้องเตือนอย่างรวดเร็วว “นายท่าน รถม้ามีเพียงหนึ่งคันเท่านั้น อีกอย่างเฉินซานได้รับบาดเจ็บ หากนำเขาไปด้วย การเดินทางของพวกเราอาจล่าช้าขึ้นมากนะขอรับ”
“คำสั่งของข้าตกเป็นที่ข้อกังขาของพวกเจ้าไม่กี่คนนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” หมิงฉีเอ่ยอย่างเย็นเยียบก่อนจะเหวี่ยงตัวหลินซินเยียนเข้าไปในรถม้า
จากนั้นครู่ต่อมา เฉินซานก็ถูกนำตัวขึ้นรถม้า เดิมทีรถม้าโอ่อ่ากว้างขวางแต่เนื่องจากบรรทุกบุคคลทั้งสามจึงเปลี่ยนเป็นคับแน่นขึ้นมาเล็กน้อย
หมิงฉีแนบหน้าที่ฉายแววไม่สบอารมณ์กับแท่นนอน ทำเพียงจ้องหลินซินเยียนด้วยสายตาไม่พออกพอใจ
หลินซินเยียนก็ไม่ได้สนใจ แค่จับจ้องด้วยสายตานั้นฆ่าคนไม่ได้หรอก ฉะนั้นนางจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นแววตาประดุจคมกริชของเขา
เมื่อยามที่พระอาทิตย์กำลังโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า ขบวนคนก็มาถึงจุดตรวจคนที่หน้าประตูเมือง นอกจากประตูบานนี้ก็เป็นดินแดนของอาณาจักรเป่ยหมิงแล้ว ก็ไม่ทราบว่าหมิงฉีไปทำเอกสารจากแห่งหนใด ทุกครั้งที่ต้องผ่านจุดตรวจพวกเขาก็ผ่านได้อย่างง่ายดายนัก แทบจะไม่มีใครขึ้นมาตรวจบนรถม้าเลยสักแวบเดียว
ข้อนี้ยิ่งทำให้หลินซินเยียนอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา สถานะของหมิงฉีน่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตของอาณาจักรเป่ยหมิงผู้มีตำแหน่งใหญ่โตของอาณาจักรเป่ยหมิงนั้นกลับมีอำนาจพิเศษในแคว้นหนานเยว่ เช่นนั้นเบื้องหลังของเขาจะต้องมีอำนาจของคนใหญ่โตในแคว้นหนานเยว่คอยหนุนหลังเป็นแน่
นางอดนึกถึงเมื่อก่อนยามที่อยู่เมืองเฟิ่งชีเคยได้ยินคนกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไม่ได้ ว่ากันว่าเป่ยหมิงกับหนานเยว่ถึงแม้จะแลดูสามัคคีปรองดอง ทว่านั่นก็เป็นด้านที่ใหญ่ เส้นแบ่งแดนระหว่างสองแคว้นนั้นความจริงแล้วมิได้แบ่งขาดชัดเจน ฉะนั้นสองแคว้นก็มิได้มีสัมพันธไมตรีดีงามถึงขนาดว่าผู้มีอิทธิพลของทั้งสองฝ่ายจะเข้านอกออกในฝ่ายตรงข้ามได้
เช่นนั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น...ไส้ศึกภายใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...