ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 165

ตอนที่ 165หลบไม่พ้นหรือ

มีบางคนเนื่องจากตำแหน่งของสถานะไม่เหมือนกัน จึงไม่มีทางกลายเป็นเพื่อนกันได้ ยิ่งไม่มีทางยืนอยู่บนแนวรบเดียวกัน

ข้อเท็จจริงนี้ หลินซินเยียนทราบ ก็เหมือนกันในสำนักงาน ต่อให้คนที่มีสัมพันธไมตรีดี แต่ถ้าได้ลองแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์ เช่นนั้นแล้วมิตรไมตรีล้วนจะกลายเป็นความขำขันที่น่าขบขันที่สุด โม่จื่อเฟิงและหมิงฉีเองก็เป็นบุคคลเช่นเดียวกันนี้ พกวเขาถือกำเนิดมาในฝักฝ่ายที่แตกต่างกัน นอกเสียจากใครที่นอกรีต มิเช่นนั้นก็คงไม่มีโอกาสหรือความน่าจะเป็นใดๆ ในการผูกมิตรกัน

เนื่องจากพวกเขาล้วนไม่มีใครทราบว่าวันใดวันหนึ่งในภายภาคหน้า ทั้งสองล้วนต้องพบปะประจันหน้ากันในสนามรบ เวลานั้นการพบปะกันก็หมายถึงศัตรู ในเมื่อเป็นศัตรูกันในอนาคต เช่นนั้นบัดนี้วิธีการที่จะกำจัดจุดอ่อนของศัตรูก็เป็นเพียงแค่การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเท่านั้นเอง

วินาทีนี้ หลินซินเยียนจิตใจสงบลงในบัดดล อย่างน้อยยามนี้นางกล้ารับรองได้...เพื่อที่นำเอาอาวุธที่อู๋อี้และนางประดิษฐ์ขึ้น หมิงฉีจะต้องปกป้องนางอย่างสุดความสามารถแน่นอน

ที่แท้ หมิงฉีที่อยู่บนรถม้าเอียงศีรษะพลางหัวเราะลั่น “สมกับที่เป็นอู่เซวียนอ๋องโดยแท้ ทุกสิ่งล้วนมิอาจหลุดพ้นสายตาท่านได้จริงๆ หนานเยว่มีพลกำลังสำคัญเยี่ยงท่าน เป่ยหมิงของพวกเราก็ไม่บังอาจมาหยามกลายเสียแล้ว” แม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่าใบหน้าของเขากลับมิได้ฉายแววของความมิบังอาจใดๆ เลย

“แต่ว่า...” หมิงฉีเว้นวรรค ฉับพลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นผิดหวัง “อู่เซวียนอ๋องมาหาผู้หญิงก็ควรจะไปหาในหอโคมเขียวนู่น มาหาในรถม้าของข้านี่มันเรื่องอันใดกัน แค่หญิงหนึ่งนางเท่านั้น ยังไม่อยู่ในสายตาข้าหรอก และยิ่งไม่มีทางทำเรื่องมัวเมาเฉกเช่นเจ้าอู่เซวียนอ๋องเยี่ยงท่าน ไล่ตามตลอดทางมาตั้งหลายวัน อีกประการ หากว่าข้าจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ ครั้งนี้คนของข้ามาแคว้นหนานเยว่ เพื่อมาร่วมพิธีเสกสมรสของอู่เซวียนอ๋อง ยามพิธีสมรสยังไล่ตามหญิงหนึ่งนางเป็นหมื่นลี้ มิเป็นการทำให้ชายาของท่านโสมนัสหรอกหรือ”

ความหมายของเขา ก็คือการเหน็บแนมแบบเย้ยหยัน เสียดสีที่เจ้าอู่เซวียนอ๋องไล่ตามหญิงหนึ่งนามอย่างไม่ลดราวาศอก ยิ่งไปกว่านั้นหญิงผู้นี้ยังไม่มีสถานะใดๆ เลย

เขาเอ่ยประโยคนั้นจบ สีหน้าของโม่จื่อเฟิงก็เคร่งขรึมขึ้น “เรื่องของข้าคงมิต้องให้ผู้องค์รักษ์แคว้นเป็นกังวลหรอก เพียงแต่ ความอดทนของข้านั้นมีขีดจำกัด ผู้องค์รักษ์แคว้นก็กล่าวแล้ว นั่นเป็นเพียงหญิงนางหนึ่งเท่านั้น เพื่อผู้หญิงเพียงหนึ่งนาง ผู้องค์รักษ์แคว้นอยากจะเปิดศึกกับข้าจริงๆ หรือ คุ้มค่ารึ”

“ฮ่าๆ” หมิงฉีหัวเราะเสียงดังลั่น “ผู้หญิงหนึ่งนางเท่านั้น ทำให้อู่เซวียนอ๋องไล่ตามตั้งครึ่งค่อนแคว้นหนานเยว่ด้วยตนเอง ผู้หญิงเช่นนี้ หากว่าข้าพบเจอแล้ว ก็คงอยากจะทำความรู้จักสักหน่อยแล้ว ใช่แล้ว...เจ้าอู่เซวียนอ๋อง หญิงนางนั้นสะกดท่านด้วยแห่งหนใด เรือนร่างละเมียดละไมหรือว่ารูปร่างดีกันเล่า หรือนางว่าทักษะพิเศษที่ทำให้ท่านภิรมย์ภักดิ์คล้อยตามได้กัน”

คำพูดของหมิงฉีไม่เหมือนคำที่ผู้องค์รักษ์แคว้นจะกล่าวออกมาจากปากได้ กลับเฉกเช่นคำที่คุณชายในหอนางโลมกำลังหว่านล้อมสาวงามหนึ่งคน ใต้หล้านี้บังอาจต่อคำกับโม่จื่อเฟิงนั้นมีเพียงไม่กี่คน ใต้เขตแดนนี้ยังกล้าหยอกล้อต่อกร ก็เห็นจะเป็นผู้องค์รักษ์แคว้นที่อาจหาญคนนี้เท่านั้นแหละ

โม่จื่อเฟิงพ่นลมเสียงแผ่ว ภายในใจกลับมีการเดิมพันเอาไว้ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้ใดกล้าเอ่ยกับเขาเช่นนี้ ฉะนั้นจึงไม่มีใครกล้าดูถูกหลินซินเยียนต่อหน้าเขาแบบนี้ ทว่ายามที่เขาได้ยินหมิงฉีใช้น้ำเสียงเหยียดหยามวิพากษ์วิจารณ์นาง ภายในใจของเขากลับปรากฏรอยรวดร้าวขึ้นมาชั่วขณะ

สถานะ สำหรับหญิงนางหนึ่งแล้ว ที่แท้สำคัญฉะนี้หรือ ก็เพราะนางอยู่กับเขาแล้วไร้สถานะ ฉะนั้นในสายตาของคนภายนอก นางก็เป็นเพียงคนด้อยค่าคนหนึ่งหรือ

ชั่วขณะ ความรู้สึกของเขาสับสนอยู่ครู่ จนลืมตอบกลับหมิงฉีไปเสียสนิท

หมิงฉีเห็นว่าเขาไม่ขยับ จึงกล่าวต่อ “ท่านอ๋อง อย่างไรเสียก็เป็นเพียงของเล่นที่เอามาหลับนอนด้วย ท่านและข้าล้วนเป็นชายชาตรี กล่าวมิกี่ประโยคจะเป็นไรไป นางก็มิใช่เกี่ยวพันอันใดกับท่าน แต่เป็นเพียงของเล่นเท่านั้น วันใดที่ท่านอ๋องเล่นเบื่อแล้ว ส่งมาให้ข้าเล่นวันสองวันก็ได้นี่ ท่านอ๋อง ท่านอย่าได้พิโรธ ข้ามิได้หยิบยกชายาของท่านมาล้อเล่น สีหน้าท่านไฉนจึงตึงเครียดเยี่ยงนี้ ช่างทำให้ข้าตกอกตกใจเสียจริง”

สีหน้าของโม่จื่อเฟิงยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดกว่าเดิม บางทีคำพูดเหล่านี้ของหมิงฉีได้เล่นงานประสาทของเขา ทำให้ความโกรธของเขาที่มีต่อหลินซินเยียนค่อยลดน้อยลงไปมาก เขาแสยะยิ้มมุมปาก “เจ้ากล่าวมากความเช่นนี้ เพื่อเรียกร้องความไม่ยุติธรรมให้แก่นางงั้นรึ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต