ตอนที่182ความคิดที่ชั่วร้าย
แต่ว่าต่อให้ราคาสูงขนาดนี้แล้วก็ไม่สามารถขวางกั้นความกระตือรือร้นของคนทั้งหลายได้สูสีและดุเดือดมากราคาที่ยิ่งพูดยิ่งสูงของผู้ชายทั้งหลายนั้นตะโกนขึ้นมาไม่หยุด
เดิมทีคุณนายทั้งหลายที่สงบเสงี่ยมค่อยมองรอบๆนั้นเมื่อเห็นราคานั้นยิ่งเพิ่มสูงขึ้นพวกนางก็เริ่มนั่งไม่ติดก็พากันยกผ้าแพรเรียกราคาหนึ่งในนั้นมีคุณนายคนหนึ่งตะโกนราคาสูงถึงห้าร้อยตำลึง
แต่ว่าสุดท้ายคือผู้หญิงเงินที่อยู่ในมือของนางจะเยอะกว่าพวกผู้ชายที่เพื่อที่จะได้รับสาวน้อยแก้มแดงและใช้อำนาจบาตรใหญ่สาดทองพวกนั้นได้อย่างไรแต่ว่าไม่นานราคานั้นก็ถูกเสนอสูงจนถึงราคาเจ็ดร้อยตำลึงคุณนายพวกนั้นก็กระเป๋าแบนทำได้แค่บิดผ้าแพรจ้องมองก็เท่านั้น
สุดท้ายแล้วขณะที่มีชายคนหนึ่งที่อ้วนพุงกางเสนอราคามากถึงแปดร้อยตำลึงร้านอาหารก็ตกอยู่ในความเงียบราคาเช่นนี้สามารถซื้อนางโลมพรหมจรรย์ได้หลายคนเลยถึงแม้ว่าโฉมหน้าของอวิ๋นเสียวอิงนั้นจะไม่สามารถนำนางโลมธรรมดาทั่วไปมาเปรียบได้
“วุ่นวายพอหรือยัง”ขณะที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบโม่จื่อเฟิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูในที่สุดก็เปิดปากพูด
ประโยคนี้ทำให้อวิ๋นเสียวอิงที่อยู่บนเวทีกระดกมุมปากขึ้นอย่างน้อยใจผู้หญิงที่เขินอายพร้อมด้วยหยดน้ำตาทำให้ผู้ชายทั้งหลายที่อยู่ล่างเวทีนั้นจิตใจยุ่งเหยิงเหมือนสัตว์ป่าที่ยากจะควบคุมหญิงงามเช่นนี้จะมีมูลค่าเพียงแค่แปดร้อยตำลึงเองหนึ่งพันตำลึงยังไม่พอเลย
หลังจากนั้นก็มีคนที่ไม่คำนึงถึงสีหน้าเขียวคล้ำของโม่จื่อเฟิงตะโกนออกมาว่าแปดร้อยตำลึง
สุดท้ายแล้วนั้นคนผู้นั้นก็ถูกจินมู่ฟันตกลงไปอยู่ที่พื้นเลือดสดๆไหลทะลักออกมาคนผู้นั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาได้อีก
หลังจากทั้งร้านอาหารตกอยู่ในสภาวะที่น่าตกใจนั้นก็มีคนชี้โม่จื่อเฟิงแต่ว่าเขาก็โมโหอยู่เช่นนั้นเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเปิดศึกแล้วก็ไม่มีใครกล้าเอะอะโวยวายออกมา
“อวิ๋นเสียวอิงเจ้ารู้จุดจบของการยั่วโมโหข้า”โม่จื่อเฟิงพูดเสียงเย็นเขาไม่มองคนรอบๆ
อวิ๋นเสียวอิงที่อยู่บนเวทีได้ยินเช่นนั้นในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมานางเบะปากยกชายกระโปรงท่าทางน่าสงสารมองมายังโม่จื่อเฟิงอย่างคับแค้นใจแต่ว่าก็เดินลงจากเวทีอย่างว่านอนสอนง่าย
นางเดินมาตรงหน้าของโม่จื่อเฟิงลากเสียงต่ำ“เฟิง....”
“หุบปาก”โม่จื่อเฟิงขัดคำพูดของนางทำเพียงแค่สาดสองคำออกมาง่ายๆ“กลับไป”
อวิ๋นเสียวอิงยิ่งร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม“ข้าไม่กลับอย่างไรท่านก็ไม่ต้องการข้า ข้าไม่กลับ ข้าไม่กลับ ข้าจะขายตัวเองนี่แหละพ่อแม่ข้าก็ไม่อยู่แล้วพี่สาวก็ไม่อยู่แล้วอย่างไรข้าก็ไม่มีญาติสมน้ำหน้าข้าต้องใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาท่านไม่ต้องการข้า ข้าก็สามารถเลี้ยงตัวข้าเองได้”
นางพูดอย่างน่าสงสารมากทำให้ผู้ชายที่อยู่รอบๆนั้นอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์บนใบหน้า
ตั้งแต่เริ่มจนจบก็มีเพียงแค่ใบหน้าที่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจขณะที่มองการแสดง นางเห็นดอกบัวสีขาวมาแล้วไม่ใช่น้อยแต่ว่าสะอาดบริสุทธิ์เช่นนี้การแสดงที่ยอดเยี่ยมของดอกบัวสีขาวนั้นครั้งที่แล้วนางได้พบแล้ว
แต่ว่าเมื่อเห็นมือของโม่จื่อเฟิงกดอยู่บนบ่าของดอกบัวสีขาวนั้นหัวใจของหลินซินเยียนก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดถึงแม้ว่าจะเล็กน้อยแต่กว่าก็ทำให้นางตกตะลึงแล้ว
นางคิดว่านางจะสามารถไม่ถือสาได้แต่ว่าเมื่อเขาสัมผัสตัวผู้หญิงคนอื่นแล้วนางก็เจ็บหัวใจนางรู้สึกว่าน่าขันจึงหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในสภาพแวดล้อมที่เงียบเช่นนี้ผู้คนที่มองเทพธิดาน้อยที่กำลังกระเง้ากระงอดเสียงหัวเราะของนางดังขึ้นเสียงหัวเราะของนางกลายเป็นเสียงที่ผิดปกติอย่างชัดเจนราวกับว่าในชั่วพริบตานั้นทุกคนก็หันหน้ามามองทางนางกันหมด
หัวเราะกลับรึเรื่องเช่นนี้ยังให้หัวเราะกลับอีกหรือ
คงเป็นเพราะว่าวิธีพูดของหลินซินเยียนนั้นสดมากเกินไปจึงทำให้คนที่อยู่รอบๆนั้นอดไม่ได้ที่จะขำออกมาหลินซินเยียนชี้ไปทางพวกเขากล่าวว่า“นั่นท่านดูสิพวกเขาก็กำลังหัวเราะไม่ผิดกฎหมายสักหน่อย”
อวิ๋นเสียวอิงไม่ลงมือหญิงมีครรภ์ต่อหน้าผู้คนแต่ว่าสำหรับผู้ชายพวกนั้นกลับไม่เกรงใจเดินมาตรงหน้าชายคนหนึ่งแล้วยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าเขาฉาดหนึ่ง“ไม่สมควรหัวเราะ”
ผู้ชายคนนั้นถูกผู้หญิงตบหน้าต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ไหนเลยจะเก็บกดอารมณ์โกรธไว้ได้รีบชี้นิ้วไปที่ศิษย์พี่น้องรอบๆล้อมขึ้นมา“โสเภณีฉาวโฉ่ให้หน้าแล้วก็ไม่ไว้หน้าเลยจริงๆยังกล้ามาตบหน้าข้าวันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงความร้ายกาจของข้า”
ผู้ชายเหล่านั้นเข้ามาล้อมอวิ๋นเสียวอิงไว้อวิ๋นเสียวอิงทำท่าหวาดกลัวสองมือกอดอกท่าทางนั้นเปลี่ยนเป็นน่าสงสารอย่างจับใจ
หลินซินเยียนเห็นเช่นนั้นก็ปวดขมับสำหรับความคิดของดอกบัวสีขาวเช่นนี้นางรู้ซึ้งดีการแสดงท่าทางน่าสงสารนี้นั้นก็เป็นเพราะต้องการจะแสดงให้โม่จื่อเฟิงดูอวิ๋นเสียวอิงตั้งใจจะหาเรื่องให้นางจนกระทั่งไปก่อเรื่องอย่างไร้เหตุผลกับคนเหล่านั้นไม่ใช่เพราะโม่จื่อเฟิงอยู่ที่นี่หรือ
นางชี้ขาดแล้วว่าโม่จื่อเฟิงนั้นไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆได้ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นยิ่งน่าสงสารยิ่งได้รับการปกป้องจากผู้ชายงั้นรึ
ไม่รู้ทำไมหลินซินเยียนก็รู้สึกอึดอัดใจอดไม่ได้ที่จะมองไปทางโม่จื่อเฟิงแม้จริงแล้วกระทั่งนางมีความคิดที่ชั่วร้ายที่อยากจะตะโกนออกมาโม่จื่อเฟิงไม่ต้องไปช่วยให้นางดอกบัวสีขาวนั่นฆ่าตัวเองไปเลย
แม้แต่ตัวนางเองยังไม่ทันได้สังเกตสายตาที่มองไปยังโม่จื่อเฟิงนั้นชัดเจนมาก บางทีนางอาจจะมองตรงมากหน่อย สุดท้ายแล้วโม่จื่อเฟิงถึงได้สังเกตเห็นสายตาของนางโม่จื่อเฟิงย่นคิ้วเล็กน้อยหลังจากนั้นก็เดินตรงมาตรงหน้านาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...