ตอนที่187ก็เพื่อที่จะถามประโยคหนึ่ง
“ก็แค่เข็มตำก็เท่านั้นเหตุใดจะต้องใช้ยารักษาบาดแผลมีคมราคาแพงเช่นนั้นยานั้นเป็นยาที่ท่านอ๋องให้มาครั้งที่เมื่อข้าผิวแตกพุพองยานั่นเป็นยาที่ซื้อมาจากประเทศชายแดนไม่จำเป็นจะต้องนำมาใช้กับบาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้หรอก” เซียวฉางเยว่ยกมือหยุดการกระทำของแม่นมกุ้ย
แม่นมกุ้ยตอบรับถึงได้หยิบผ้าออกมาพันนิ้วมือของนางไว้ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ“อ่าพระชายาเจ็บมือแล้วถ้าท่านอ๋องเห็นจะต้องปวดใจแน่ๆ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ท่านอ๋องไม่น่าจะปวดใจด้วยเรื่องการบาดเจ็บเล็กน้อยนี่”ถึงจะพูดเช่นนี้แต่ว่า เซียวฉางเยว่ก็ยังทำท่าเขินอาย
เซียวฉางเยว่และแม่นมกุ้ยเล่นละครเป่าปี่กันอยู่สองคนทำให้อวิ๋นเสียวอิงที่เพิ่งเข้ามานั้นใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวแต่ว่าอวิ๋นเสียวอิงนั้นก็ไม่ได้หึงแต่ยังแสร้งทำหน้าประหลาดใจพูด“อ่าแต่ไหนท่านอ๋องก็เป็นห่วงพี่สาวข้าได้ยินมาว่าหลายเดือนมานี้ท่านอ๋องไม่ได้มาเรือนของพระชายาเลยเข้ายังเข้าใจว่าท่านอ๋อง.....ข้ายังคิดว่าจะหาโอกาสไปจูงใจเขาเสียหน่อยในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะได้ไม่ต้องลำบากใจแล้ว”
อวิ๋นเสียวอิงโต้ตอบทำให้ใบหน้าของ เซียวฉางเยว่คว่ำลงการแสดงท่าทางของบุตรสาวของตระกูลที่มั่งมีนั้นเกร็งไว้ไม่อยู่นางยกมุมปากขึ้นพูดอย่างเย็นชาว่า“แม่นางอวิ๋นเกรงใจไปแล้วเรียกข้าว่าพี่สาวนั้นอาจไม่เหมาะเพราะว่าแม่นางอวิ๋นนั้นยังไม่ได้เข้ามาจวนอ๋องอย่างถูกต้องแม่นางอวิ๋นเป็นแขกจะต้องเรียกข้าว่าพระชายาตามระเบียบหรือว่าจะเรียกข้าว่าสะใภ้ก็ได้นะ”
เซียวฉางเยว่และอวิ๋นเสียวอิงโจมตีกันผ่านข้าเหมือนสงครามที่ยิ่งใหญ่ยุ่งเหยิงในวังทำให้หลินซินเยียนที่นั่งอยู่นั้นพูดไม่ออกในความทรงจำของนางนั้นผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่ไฟที่ไม่มีน้ำมันต่อให้เสียแต่ก็ไม่เสียภายนอกแต่คนสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้กำลังโต้เถียงกันอย่างเฉียบคมตรงๆเมื่อคิดอย่างละเอียดคาดว่าหลายเดือนผ่านมานั้นทั้งสองคนคงจะต่อสู้กันถึงขั้นดุเดือดเลยทีเดียว
ดังนั้นพวกนางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามแล้ว
หลินซินเยียนรู้สึกว่าช่างน่าขันเพื่อผู้ชายคนหนึ่งนั้นพวกผู้หญิงทำให้ตัวเองไร้ค่าให้อีกฝ่ายตายตัวเองอยู่เพื่อที่จะชนะและได้ครอบครองผู้ชายก็เท่านั้นเพียงแค่ถ้าหากผู้ชายคนหนึ่งวนเวียนอยู่ระหว่างนางทั้งสองก็จะถูกนางทั้งสองเกาะติดหนึบเลยละ
ทั้งสองคนปะทะฝีปากแต่หลินซินเยียนนั้นไม่ได้ใช้กำลังนางมองเม็ดแตงที่อยู่ข้างกายแล้วก็หยิบเม็ดแตงมาไว้ในมือแทะเม็ดแตงไปอย่างไม่เดือดไม่ร้อน
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เซียวฉางเยว่และอวิ๋นเสียวอิงก็ได้เริ่มต่างฝ่ายต่างโจมตีซึ่งกันและกันแล้วเม็ดแตงที่อยู่ในมือของหลินซินเยียนถูกแทะไปแล้วครึ่งหนึ่งพื้นข้างเท้าของนางเต็มไปด้วยเปลือกเม็ดแตงยุ่งเหยิงเล็กน้อยกลับยังกำเริบเสิบสาน
เมื่อโม่จื่อเฟิงเดินเข้ามาหน้าประตูห้องโถงก็เห็นภาพที่แปลกประหลาดรอยยิ้มของ เซียวฉางเยว่และอวิ๋นเสียวอิงราวกับมีดแต่หญิงท้องใหญ่คนหนึ่งกำลังนั่งแทะเม็ดแตงดูการต่อสู้อย่างสบายอกสบายใจ
มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มที่งดงามโดยไม่รู้ตัวถามจินมู่ที่อยู่ข้างกาย“จินมู่เจ้าไม่คิดหรือว่าผู้หญิงคนนั้นน่าสนใจ”
จินมู่กระตุกมุมปากเขาเป็นผู้ชายธรรมดายังไม่ถึงกับสนใจผู้หญิงท้องหรอกเขาคิดว่าใครจะเหมือนท่านแต่ก็แค่คิดในใจแค่เก็บคำพูดของเขาไว้ในอกเขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
“น่าสนใจมาก”จินมู่เกาหนังหัวแล้วพูด
โม่จื่อเฟิงพอใจแล้วยกเท้าขึ้นเดินไปข้างหน้าเมื่อเห็นคนรับใช้จะเข้ามาทำความเคารพเขาก็ยกมือขึ้นห้ามกระทำอย่างไร้เสียงเด็กรับใช้จึงรีบถอยไปอย่างเงียบๆ
อวิ๋นเสียวอิงและ เซียวฉางเยว่ที่กำลังตีกันอยู่อย่างเงียบๆนั้นหน้าแดงหูดับไม่สังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบๆหลินซินเยียนหันหลังให้ประตูก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กระทั่งเห็นเงาของร่างกายคนบดบังแสงที่อยู่ตรงหน้านางรู้สึกว่าบนหัวของนางมีเงาทาบอยู่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของโม่จื่อเฟิงที่กำลังยิ้มอยู่
“ละครนี้เจ้าดูอย่างพอใจหรือไม่”โม่จื่อเฟิงถาม
“.........”หลินซินเยียนจิตใจไม่วอกแวกเม็ดแตงแทรกอยู่ตรงซอกฟันหลังจากนั้นนางก็ทำท่าไม่แยแสเมื่ออยู่ตรงหน้าของโม่จื่อเฟิงนางก็ใช้นิ้วมือแคะเม็ดแตงออกมา
เป็นดั่งคาดการกระทำของนางนั้นทำให้โม่จื่อเฟิงได้ย่นคิ้วถอยไปหนึ่งก้าว
เสียงของโม่จื่อเฟิงดึงดูดความสนใจของอวิ๋นเสียวอิงและ เซียวฉางเยว่ทั้งสองคนหยุดทะเลาะและเหน็บแนมกันรีบลุกขึ้นและทำความเคารพโม่จื่อเฟิงอย่างอ่อนช้อย
“ท่านอ๋อง.....”
“เฟิง.......”
การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนนั้นแปลกประหลาดทั้งสองคนคิดจะมาพิงข้างๆโม่จื่อเฟิงแล้วว่าโม่จื่อเฟิงกลับถอยหลังหนึ่งก้าวทำให้ทั้งสองคนนั้นพิงค้างอยู่กลางอากาศ
“ท่านมาจวนอ๋องคุ้นเคยหรือยัง”โม่จื่อเฟิงไม่มองสองคนนั้นแต่กลับหันมาถามหลินซินเยียน
หลินซินเยียนกำเม็ดแตงขึ้นมากำหนึ่งรู้สึกได้ว่ามีสายตาที่คับแค้นใจของอวิ๋นเสียวอิงและ เซียวฉางเยว่มองมารู้สึกว่าหนังหัวชานางชมละครนี้อย่างสนุกเขาจะต้องนำไฟมาใส่ตัวนางใช่หรือไม่
นางลุกขึ้นยืนทำความเคารพโม่จื่อเฟิง“ตอบคำถามของท่านอ๋องจวนอ๋องยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์เช่นนี้ชีวิตนี้ของข้าได้เห็นก็นับเป็นบุญยิ่งข้าจะกล้าไม่คุ้นเคยได้อย่างไรเล่าข้าก็เป็นสะใภ้คนหนึ่งสามารถมาแก้เบื่อให้พระชายาและแม่นางอวิ๋นที่จวนอ๋องก็นับว่าเป็นวาสนาแล้ว”
“อ่อ.....”โม่จื่อเฟิงจ้องนางเงียบสายตาของเขาตกอยู่ที่ตาของนางไม่ยอมวางตาอยู่นาน
สายตาเช่นนี้นั้นตรงเกินไป หลินซินเยียนอยากจะตะโกนถามเขาใจจะขาด เขาเป็นอู่เซวียนอ๋อง อยู่ต่อหน้าคนเยอะเช่นนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงของเขาทั้งสองคนมาจ้องตาหญิงมีครรภ์หาอะไรห๊ะ
ให้นางที่เป็นสะใภ้บ้านหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องนั่นก็แล้วไปให้ผู้หญิงคนเดียวอย่างนางเข้ามาในวังหลังมาเป็นเพื่อนผู้หญิงในจวนอ๋องนั่นก็แล้วกันไปแต่ว่าท่านมาจ้องนางเช่นนี้ต้องการจะให้นางถูกเกลียดใช่หรือไม่
ในใจตกตะลึงอย่างเหมือนคนบ้าแต่ว่าไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่ดีใจ
กระทั่งอวิ๋นเสียวอิงที่อยู่ข้างๆนั้นทนมองไม่ไหวแล้วจึงพุ่งมาที่ด้านข้างของโม่จื่อเฟิงจับแขนเขาเอาไว้“เฟิง......เหตุใดท่านจึงมองนางเช่นนี้สะใภ้บ้านอื่นไม่น่าสนใจหรอกยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงและเกียรติยศของผู้หญิงที่แต่งงานแล้วสำคัญกว่าชีวิต.....”
“ข้าทำอะไรหรือ”โม่จื่อเฟิงเลิกคิ้วสะบัดมือของนางออก“ข้าแค่รู้สึกว่าดวงตาของนางเหมือนเพื่อนเก่าของข้าคนหนึ่งดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องตาของนางก็เท่านั้น”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นแค่กลัวว่านางจะคิดเป็นอื่น”อวิ๋นเสียวอิงยิ้มหวานดูแล้วไม่มีจิตใจเมตตาแล้วยังถามอีก“ใช่แล้วเฟิงท่านมาได้อย่างไร”
“ทำไมหรือข้าจะไปไหนต้องรายงานเจ้าด้วยรึ”โม่จื่อเฟิงน้ำเสียงเย็นชาทำให้อวิ๋นเสียวอิงหน้าเสียนางหน้าแดงในตาของนางมีความตำหนิแรง
เห็นนางเสียหน้าคนที่มีความสุขที่สุดก็คือ เซียวฉางเยว่เห็นอวิ๋นเสียวอิงเหมือนชนตะปูเช่นนั้น เซียวฉางเยว่ก็จะไม่ทำผิดเหมือนเดิมรีบเรียกโม่จื่อเฟิงให้นั่ง“ท่านอ๋องมานี่ช่างบังเอิญจริงฮูหยินอู๋กำลังเล่าเรื่องสนุกให้พวกเราฟังอยู่พอดี”
โม่จื่อเฟิงนั้นไม่ได้ปฏิเสธเขานั่งลงแต่โดยดี“อ่อเช่นนั้นข้าก็อยากฟังเรื่องที่ฮูหยินอู๋จะเล่า”
หลินซินเยียนอยากตายเสียจริงเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของโม่จื่อเฟิงนางจึงทำได้เพียงนั่งลงใหม่แล้วก็เริ่มเล่าเรื่อง“เรื่องมีอยู่ว่าบ้านตระกูลฮัวอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่แสนไกล.....”
เมื่อนางเล่ามาถึงว่าฮัวมู่หลานปลอมตัวไปร่วมสู้รบอวิ๋นเสียวอิงกลับพูดอย่างตกใจว่า“ที่ท่านพูดนั้นไม่ถูกกระมังต่อให้ปลอมตัวก็เถอะเรื่องที่ผู้หญิงคนหนึ่งปลอมตัวเข้าวังจะไม่ถูกจับได้นั้นเป็นไปไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงปลอมตัวไปปะปนกับผู้ชายเป็นเรื่องหยาบคายเหลือทนจะมีผู้ชายที่ไหนชอบท่านตบตาผู้อื่นแล้ว”
หลินซินเยียนถอนใจพูด“แม่นางอวิ๋นที่ข้าเล่ามันก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้นมีหลายสถานที่ที่เหมือนกันแต่ว่าในเรื่องเล่านั้นไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดท่านแค่ฟังเรื่องเล่าก็เท่านั้นถ้าหากต้องการวิเคราะห์เรื่องที่มีที่มาจากประวัติศาสตร์เช่นนั้นท่านต้องเล่าเรื่องสภาฮั่นหลินแล้วละ”
“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเรื่องเกี่ยวกับฆ่าศัตรูในสนามรบนั้นจะมีหญิงคนไหนทำได้เล่าอ่อเรื่องเล่าก็แค่เรื่องเล่าสินะ”ดูแล้วอวิ๋นเสียวอิงจะแสดงท่าทีตรงข้ามกับหลินซินเยียนอย่างตั้งใจหลินซินเยียนรู้เพราะว่านางไม่พอใจกับสายตาที่โม่จื่อเฟิงมองนางก่อนหน้านี้
เซียวฉางเยว่ไม่อยากยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับอวิ๋นเสียวอิงเลยแทะเม็ดแตงแล้วพรรณนาว่า“อาจจะไม่ใช่ข้าคิดว่าผู้หญิงนะสามีก็เหมือนท้องฟ้าปรนนิบัติสามีและพ่อแม่สามีนั้นถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
หลินซินเยียนพลันรู้สึกหมดแรงถูกความคิดระดับชนชั้นและผู้ชายมีอำนาจทรมานจนใกล้จะหายใจไม่ออกนางถอนใจและยังอดไม่ได้ที่จะพูด“สามีเป็นเหมือนท้องฟ้ารึเพราะเหตุใดสามีจึงเป็นเหมือนท้องฟ้าเล่าพวกท่านน่าจะเคยคิดถึงมาก่อนเรื่องที่ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ทำได้เพียงแต่พวกผู้ชายไม่เคยให้โอกาสพวกเราก็เท่านั้นช่วงต้นของสังคมฐานะของผู้หญิงนั้นสูงกว่าผู้ชายหลังจากราชวงศ์เฉาเปลี่ยนเป็นซ่งฐานะของผู้หญิงก็ค่อยๆถูกลดลงวันหนึ่งในอนาคตฐานะที่ถูกเปลี่ยนเช่นนี้ก็จะถูกเปลี่ยนใหม่อีกครั้งเช่นกัน”
“ท่านกำลังพูดอะไร”อวิ๋นเสียวอิงวางผลไม้เชื่อมที่อยู่ในมือลงมองนางอย่างรังเกียจ“คำพูดของท่านนี่มันไม่เชื่อฟังพอแล้วข้าว่านะเรื่องนะก็ไม่ต้องเล่าแล้วเรื่องทำนองว่ายกย่องผู้หญิงผู้ชายต่ำนี่ไม่ลงโทษเจ้านี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เซียวฉางเยว่เองก็ไม่อาจเข้าใจคำพูดของหลินซินเยียนได้แต่ว่าสายตาที่มองนางนั้นอ่อนลงเล็กน้อยสำหรับหญิงที่อยู่ในบ้านที่ร่ำรวยนั้นก็จะมีเพียงแค่หญิงทั่วไปที่ต่ำต้อยถึงจะสามารถเอะอะโวยวายเท่าเทียมกับสามี
ทั้งสองคนรู้สึกไม่ค่อยดีอีกทั้งทั้งสองคนยังขับไล่หลินซินเยียนอย่างผิดปกติโดยพร้อมเพรียงกัน
พวกผู้หญิงขับไล่ผู้หญิงคนหนึ่งก็เพราะเกี่ยวกับความชอบของผู้ชายก็เท่านั้นพวกนางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกสนใจของโม่จื่อเฟิงที่มีต่อหลินซินเยียนดังนั้นการอยากจะไล่หลินซินเยียนให้รีบจากไปนั้นก็เป็นเป้าหมายที่เหมือนกันของทั้งสองคน
“เอาละข้าเองก็เหนื่อยแล้ววันนี้เท่านี้ก่อนแล้วกันวันไหนมีเวลาค่อยให้ท่านมาเล่าเรื่องให้พวกเราฟังใหม่” เซียวฉางเยว่พูดเช่นนี้นั้นมีความหมายคือต้องการไล่คนกลับไป
หลินซินเยียนเป็นคนรู้จักวางตัวก็รีบลุกขึ้นเตรียมอำลาแต่ว่านางยังไม่ได้หันหลังก็ได้ยินเสียงเรียบๆของโม่จื่อเฟิงดังขึ้น
“ฮูหยินหยุดก่อน”สายตาของโม่จื่อเฟิงตกอยู่ที่ร่างของนางสายตาของเขายังไม่ละออกจากนางราวกับว่าจะมองทะลุนางจากที่ไกลๆ“บ้านเกิดของฮูหยินอยู่ที่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...