ตอนที่ 194 เธออยู่ที่ไหนกันแน่
ผู้เฒ่าก็วิ่งมาดูตั๋วเงิน พอเห็นก็ยิ้มบานแฉ่งทันทีราวกับกลัวว่าโม่จื่อเฟิงจะไม่วางใจ จึงเอ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ “ อย่าคิดว่าข้าพูดจาอวดอ้างเลย เมียข้าเป็นหมอตำแยที่ดีที่สุดในเมืองเฟิ่งซีแห่งนี้ เพียงนางลงมือทำคลอด ไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ได้เกิดมา! ”
โม่จื่อเฟิงไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วหญิงแก่คนนี้เป็นหมอตำแยที่ดีที่สุดในเมืองเฟิ่งซี มิเช่นนั้นเขาคงหาบ้านไม่เจอหรอก เขาเป็นถึงอู่เซวียนอ๋องที่กุมอำนาจของสำนักมี่หวี่ที่เป็นหน่วยข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดในยุทธภพ เพียงแคว้นหนานเยว่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่แบ่งว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ สำนักมี่หวี่ย่อมรวบรวมแหล่งข่าวได้แล้วก็มารายงานต่อเขาที่นี่
หลายวันก่อนในราชสำนักมีสนมน้อยของขุนนางขั้นหนึ่งจะคลอดบุตร ขุนนางขั้นหนึ่งคนนั้นไร้ทายาท แถมช่วงนี้อายุก็ปาไป 60 กว่า แล้วสนมน้อยก็ใกล้จะคลอดบุตร นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมีบุตร ดังนั้นขุนนางขั้นหนึ่งจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ใช้เงินทองจำนวนมากเรียนเชิญหมอตำแยที่ดีที่สุดในเมืองมาทำคลอด ตามรายงานของคนสืบข่าวของสำนักมี่หวี่ หมอตำแยคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่
นี่ก็เป็นผลพลอยได้ในรายละเอียดการรายงานข่าวของสำนักมี่หวี่ โดยทั่วไปแล้วเรื่องนี้เกี่ยวพันกัน พวกเขาต้องเลือกในจำนวนข่าวกรองที่สำคัญมาถวายรายงานแก่นายท่าน เพราะว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย คนสืบข่าวไม่สามารถรู้ได้ว่าเรื่องที่นำมารายงานเหล่านั้นมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด เกรงว่าข่าวที่สำคัญจะตกหล่น ดังนั้นไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่พวกเขาล้วนนำมารายงาน
โม่จื่อเฟิงอุ้มหลินซีนเยียนเข้ามาในห้องมาวางลงบนเตียง เขายืนข้างเตียงด้วยความสับสนจนมือไม้พันกันไปหมด เป็นถึงอู่เซวียนอ๋องกลับมีสภาพที่ทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรก
“คุณชายท่านนี้ไม่ต้องกังวลเกินไป สตรีจะคลอดบุตรล้วนเจ็บปวดกันทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าลูบคลำท้องของฮูหยินแล้วรับรู้ได้ว่าปกติดี นี่เป็นท้องแรก คลอดง่ายมาก ดูเหมือนว่าท่านเพิ่งจะมีบุตรเป็นครั้งแรก ดังนั้นถึงได้รู้สึกกระวนกระวายถึงเพียงนี้ ต่อไปเมื่อฮูหยินของท่านคลอดบุตรของท่านเพิ่มขึ้นอีก ท่านก็จะไม่รู้สึกกระวนกระวายอีกแล้ว ”
ตอนที่หมอตำแยลูบท้องของหลินซีนเยียนไปพักหนึ่ง ไม่ทันไรหลินซีนเยียนก็รู้สึกว่าท้องสบายขึ้นมาหน่อย แม้ยังเจ็บอยู่แต่กลับไม่รู้สึกคับแน่นเหมือนก่อนหน้านี้
โม่จื่อเฟิงยืนอยู่ข้างเตียง ได้ยินหมอตำแยพูดจามากความ เดิมคิดจะสะสางความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสะใภ้บนเตียงผู้นี้ แต่พอเตรียมจะเอ่ยก็ได้ยินเสียงอวิ๋นเสียวอิงดังมาจากลานบ้าน
ผู้เฒ่ากำลังต้มน้ำอยู่ในลานบ้าน หลังจากที่อวิ๋นเสียวอิงเข้ามาก็ชี้ไปยังในห้อง เมื่อเห็นโม่จื่อเฟิงยืนอยู่ข้างตียง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายก็ยังผันเปลี่ยนแสดงความกังวลออกมา
“ โม่ พวกเจ้าเดินเร็วจนข้าตามไม่ทัน ” อวิ๋นเสียวอิงเดินเข้ามาก็เห็นคนใบหน้าซีดขาวที่อยู่บนเตียง จึงแสร้งทำเป็นเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “นางเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นอะไรหรอกนะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็แค่คลอดบุตรไม่ใช่หรือ?” เมื่อหมอตำแยเห็นสาวงามอย่างอวิ๋นเสียวอิง พลันมองคิดว่าตนเห็นเทพธิดาลงมาจุติบนโลกมนุษย์ คนที่มีรูปโฉมงามหมดจด หมอตำแยก็รู้สึกชื่นชมอวิ๋นเสียวอิงทันที
อวิ๋นเสียวอิงราวกับคุ้นชินสายตาที่ชื่นชมแล้ว ดังนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เพียงดึงมือของโม่จื่อเฟิงแล้วเอ่ย “เฟิง พวกเราออกไปก่อนเถอะ เรื่องคลอดบุตรของสตรี บุรุษไม่เหมาะที่จะดูนักหรอก ”
เมื่ออวิ๋นเสียวอิงเอ่ยขึ้น หมอตำแยก็ตีอกอย่างแรงหนึ่งทีแล้วร้องตะโกนขึ้น “ ดูเหมือนว่าข้าจะเลอะเลือน ทำไมถึงลืมเรื่องที่สำคัญไปได้ เทพธิดานางนี้กล่าวได้ถูกต้อง พวกเจ้ารีบออกไปเถอะ! อีกเดี๋ยวถุงน้ำคร่ำก็จะแตกแล้ว พวกเจ้ามาพบเห็นเข้าจะโชคร้ายเอาได้! ”
หมอตำแยลุกขึ้นแล้วผลักทั้งสองคนออกจากห้องไป จากนั้นก็ปิดประตู
โม่จื่อเฟิงยืนอยู่หน้าประตูกับอวิ๋นเสียวอิง คิ้วก็ขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สายตาเพียงมองไปยังประตูห้องนั้น ทำไมมันเปิดออกมาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...