ตอนที่ 199 ตั้งชื่อให้
เมื่อถูกสาวใช้จับแขนแล้วเอ่ยถาม ใบหน้าของแม่นมเต็มไปด้วยความลำบากใจ แล้วหันไปสบตากับแม่นมอีกคน แม่นมผู้นั้นคล้ายกับเป็นคนเข้มงวดกวดขัน แผดเสียงเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ ฮูหยินงดงามหรือไม่ เป็นเรื่องที่พวกเจ้าควรถามหรือ? พวกเจ้าจำไว้ว่าฮูหยินเป็นมารดาของบุญบุตรธรรมของท่านอ๋องก็พอแล้ว ไม่ว่าอย่างไรห้ามละเลยเด็ดขาด ”
เหล่าสาวใช้เมื่อโดนพูดตำหนิไปรอบหนึ่ง แต่แม่นมทั้งสองเป็นคนรู้ความ แม้แต่คำเดียวก็ไม่กล้าพูดเหลวไหล
หลินซีนเยียนทานข้าวต้มที่เป็นอาหารเช้าไปนิดหน่อย แล้วให้แม่นมทั้งสองไปรายงานต่อโม่จื่อเฟิงว่าเธออยากเห็นบุตรชายของเธอ ดังนั้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็นั่งรอกึ่งพิงอยู่บนเตียง
สายตาของเธอต้องไปยังทิศทางประตูห้อง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู เธอก็ขยับตัว ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ตอนที่เห็นคนผลักประตูเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้ากลับแข็งทื่อลงทันที
เซียวฉางเยว่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากแล้วเดินไปในห้องมองสตรีที่อยู่บนเตียงใบหน้าแสดงความประหลาดใจอย่างปกปิดไม่อยู่ นางหันหน้าไปถามกุ้ยแม่นมที่อยู่ด้านหลัง “ แม่นมกุ้ย นี่เป็นนางจิ้งจอกที่เจ้าพูดถึงหรือ? ”
แม่นมกุ้ยเดินตามเข้าไปในห้อง มองใบหน้าของหลินซีนเยียน พลันรู้สึกประหลาดใจ “ นะ น่าจะไม่มีนะเพคะ แต่เหตุใดถึงเป็นนางอู๋ได้.....”
นางอู๋ พวกนางล้วนเคยพบเห็นแล้ว นางไม่ใช่สตรีที่งดงาม แต่พูดจาฉะฉานให้เกียรติ ด้วยใบหน้าแบบนี้ไม่ต้องตาอู่เซวียนอ๋องอย่างแน่นอน ดังนั้นในใจทั้งสองอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัย หรือว่าที่ท่านอ๋องเพียงชื่นชอบเด็กคนนั้นจริงๆ? ไม่ใช่เป็นแบบที่พวกนางคิดเอาไว้ ?
แต่สำหรับนางอู๋แล้ว ท่านอ๋องมีนิสัยแปลกประหลาด ยามนี้ยังรับบุตรชายของนางอู๋เป็นบุตรบุญธรรมแล้ว มันช่างทำให้คนสุดคาดจะเดาได้จริงๆ
“ เจ้าคือ.......ที่ท่านอ๋องพากลับมาเมื่อคืน ” เดิมเซียวฉางเยว่อยากพูดว่า ‘ผู้หญิง’แต่คิดไปคิดมารู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ เจ้าคือมารดาบุญบุตรธรรมของท่านอ๋องของเราหรือ?”
ท่านอ๋องของเรา.....
ตอนที่เซียวฉางเยว่เอ่ยได้เน้นน้ำเสียง นิ้วมือของหลินซีนเยียนสั่นไปมา ใบหน้าไร้อารมณ์ เสแสร้งไม่ได้ยินน้ำเสียงเน้นของนาง เพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย
แม่นมกุ้ยยกเก้าอี้มาให้เซียวฉางเยว่นั่งลงข้างเตียง “ ข้าเป็นพระชายาเอกของอู่เซวียนอ๋อง ในเมื่อท่านอ๋องรับบุตรชายของเจ้าเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว เช่นนั้นต่อไปพวกเราได้เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าพักอยู่ในจวนอ๋องอย่างวางใจเถอะ อยากได้อะไรโปรดเอ่ยถาม ข้าต้องดูแลบุตรบุญธรรมของท่านอ๋องและข้าอย่างแน่นอน ”
ที่นี่ไม่มีคนนอก น้ำเสียงของเซียวฉางเยว่ไม่มีความเกรี้ยวกราด อยู่ในฐานะสูงส่งก็เพียงพอมากแล้ว ซ้ำยังเป็นพระชายาของอู่เซวียนอ๋องอีก
หลินซีนเยียนกลับไม่ได้เอ่ยขานรับ แต่มองไปยังด้านหลังของนาง เห็นโม่จื่อเฟิงยืนอยู่หน้าประตู โม่จื่อเฟิงเพิ่อุ้มเด็กเดินมาถึงหน้าประตูแล้วเห็นเซียวฉางเยว่และแม่นมกุ้ยก็อยู่ในนี้ สีหน้าพลันเข้มขรึม แสดงความไม่พอใจอย่างมาก
“ พวกเจ้ามาทำอะไรในนี้? ” เมื่อโม่จื่อเฟิงปริปาก เซียวฉางเยว่พลันตกใจสะดุ้ง ไม่นานนางก็แสดงว่าความอ่อนโยนออกมา
“ ข้าได้ยินว่านางอู่อยู่ในนี้ คิดว่านางเพิ่งคลอดบุตร ดังนั้นจึงพาแม่นมกุ้ยมาดูว่ามีอะไรขาดเหลือหรือไม่ เมื่อครู่ข้าได้กำชับพวกสาวใช้ที่อยู่ในเรือนนี้ให้ปรนนิบัติอย่างระมัดรังไปรอบแล้ว ” เซียวฉางเยว่ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาโม่จื่อเฟิง
โม่จื่อเฟิงมองนางแวบหน้าอย่างเย็นชา เดินผ่านนางไปยังข้างเตียง ส่งเด็กที่อุ้มอยู่ให้หลินซีนเยียน เด็กนอนหลับตาปุ๋ยด้วยท่าทางสงบและน่าเอ็นดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...