ตอนที่ 219 คนตระกูลหลิน – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ตอนนี้ของ ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต โดย ใบไม้แดง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 219 คนตระกูลหลิน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 219 คนตระกูลหลิน
นางกำนัลที่นำทางให้หลินซีนเยียนเห็นว่านางหยุดย่างก้าว จึงหันหน้าไปถามอย่างอดไม่ได้ “แม่นางหลินรู้จักคนเหล่านั้นหรือ”
“...” หลินซีนเยียนขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะทันควัน “ไม่รู้จัก ข้าตาฝาดไปเท่านั้น มองถี่ถ้วนแล้วกลับมิใช่คนที่ข้ารู้จัก ใช่แล้ว เขาเหล่านั้นคือนางสนมคัดเลือกที่เข้าวังมาในครั้งนี้ใช่ไหม นางสนมคัดเลือกสะสวยจริงๆ ด้วย”
ฟังนางกล่าวเช่นนี้ นางกำนัลยกมุมปากขึ้นมาหัวเราะคิกคัก “แม่นางหลิน ท่านพูดจาน่าสนใจยิ่งนัก ท่านว่านางสนมคัดเลือกเหล่านั้นสะสวย ในมุมมองของข้าน้อย แม่นางหลินสะสวยกว่าพวกนางหลายเท่านัก”
“เอ่อ...” หลินซีนเยียนนึกไม่ถึงว่านางกำนัลของพระตำหนักยงเหอนี้จะชมว่านางสะสวย ดูเหมือนจะมีปณิธานไม่ตรงกับฮองเฮานัก แต่ว่านึกแล้วก็ใช่ หากว่าเป็นนางกำนัลชิดใกล้ของฮองเฮา ก็คงไม่ถูกจัดเตรียมให้มาปรนนิบัติคนเช่นนางหรอกกระมัง
“แม่นางหลินพวกเรารีบเข้าไปเถิดเจ้าค่ะ หากชักช้าฮองเฮาจะพิโรธแล้วนะเจ้าคะ” นางกำนัลกล่าวเช่นนี้พลางนำทางนางเดินไปข้างหน้า
ไกลออกไป นางสนมคัดเลือกไม่กี่คนกำลังหัวร่อต่อกระซิกพลางเดินไปด้านหน้า หนึ่งในนั้นกลับมองเข้ามายังทิศทางของหลินซีนเยียน นางขมวดหัวคิ้วมุ่น ร้องตกใจอย่างพิศวง แต่ว่าเพียงแวบเดียวก็พลันส่ายหน้า ราวกับไม่อยากเชื่อความจริงที่ตนมองเห็น
“ซินเอ๋อ เจ้ากำลังมองอะไรอยู่” ผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างๆ ประชิดเข้ามา เห็นว่าหลินซินเอ๋อยืนทื่อแน่นิ่งจึงเอ่ยปากถาม
หลินซินเอ๋อผงะ หันหน้ากลับมา พลางหัวเราะ “ไม่มีอะไร เพียงแค่เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวชดช้อยคนนั้นช่างเหมือนน้องสาวข้าก็เท่านั้น แต่ว่าข้าต้องตาฝาดไปเป็นแน่ น้องสาวข้าคนนั้นจากโลกนี้ไปตั้งนานแล้ว”
“อ้อ...เจ้าพูดถึงคนในครอบครัวเจ้าที่ยังมิทันได้ออกเรือนก็ไปกับหนีตามผู้ชายจนเสื่อมเกียรติ สุดท้ายก็ฆ่าตัวตาย...ใช่พี่สาวคนนั้นหรือไม่” โจวฉินถามกะพริบตาปริบๆ
ตระกูลโจวกับตระกูลหลินนับว่าเป็นตระกูลมิตรเก่าแก่กัน เพียงแต่ต้นตระกูลของตระกูลโจวล้วนเป็นข้าราชการพลเรือนในเมืองหลวง ส่วนคนต้นตระกูลหลินเป็นหัวหน้าทัพตระเวนชายแดน คนของทั้งสองตระกูลจึงไม่ได้แต่งงานเกี่ยวดองกัน
ปีกลายหลังจากที่ตระกูลหลินย้ายถิ่นกลับสู่เมืองหลวง ทั้งสองตระกูลจึงได้ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งขึ้น ในทั้งสองตระกูล หลินซินเอ๋อกับโจวฉินทั้งคู่อายุอานามใกล้เคียงกัน ก็ต้องสนิทสนมไม่น้อยกันเป็นธรรมดา ยิ่งเพิ่มพูนการถูกคัดเลือกให้เป็นนางสนมในรอบเดียวกัน ยิ่งชัดเจนว่าปรองดองกันมากกว่าคนอื่น เรื่องของตระกูลหลิน นับว่าโจวฉินรับรู้อยู่ค่อนข้างมาก
หลินซินเอ๋อพยักหน้า “ใช่ ก็คือพี่สามที่ขายหน้าพวกเราตระกูลหลิน เอาล่ะ ไม่พูดถึงนางแล้ว กล่าวขึ้นมาล้วนกระทบต่ออารมณ์ อย่างไรนางก็ตายไปแล้ว พูดถึงอีกก็ไร้ซึ่งความหมายอันใด”
จุดกึ่งกลางของสวนเหมย โต๊ะเหลี่ยมแต่ละตัวถูกจัดวาง ด้านหลังโต๊ะเหลี่ยมเล็กปูพรมผืนหนาที่สามารถต้านความหนาวเอาไว้ บนพื้นมีนวมรอง นาทีนี้บนที่นั่งประจำโต๊ะเหลี่ยมเล็กมีผู้คนประทับกายจำนวนไม่น้อยแล้ว ล้วนนั่งร่วมกันแบบกลมเกลียวต่อกัน ล้อมรอบโต๊ะเหลี่ยมเล็ก รับประทานของว่างไปพลางพูดคุยกันไปพลาง
สถานที่ซึ่งมีหญิงสาวคณานัป มักมิอาจเดียวดาย ข่าวคราวเล็กน้อยทุกรูปแบบสามารถทำให้พวกนางไม่รู้ตัวว่าพร่ำกล่าวไปแล้วครึ่งค่อนวัน
เหล่าสนมนิ่งทื่อ ต่างมองฝ่ายตรงข้าม ส่วนใหญ่แย้มยิ้มอย่างอึดอัด ไม่มีใครกล้าออกความเห็นโดยพลการ คนที่หลักแหลมล้วนรู้ดี นี่เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาจงใจตีรวนความสัมพันธ์ของแซ่หลินและเว่ยกุ้ยเฟย หญิงงามมิใช่ว่ามองไม่เห็นผู้ใดสวยกว่าตนเองหรอกหรือ
หญิงทั้งสองนางล้วนวิไลลักษณ์ ดังนั้นขอเพียงผู้แน่วแน่เพียงครั้งเดียวก็พลันคลุ้งกลิ่นดินปืนออกมาให้ได้ประจักษ์แล้ว
เพียงแต่ ก็มีคนสายตาไม่แหลมคม หญิงนางหนึ่งที่นั่งริมขวาสุดของพระนางฮองเฮา ราวกับยามที่เหล่านางสนมพูดคุยกันก่อนหน้านี้แทรกปากพูดไม่ทัน ปัจจุบันเห็นว่าคนอื่นเอ่ยคำพูดไม่ออกแล้ว นางจึงพลันเร่งรีบปริปาก บางทีอาจเพื่อดึงดูดจุดสนใจของผู้คน บางทีอาจเพื่อประจบสอพลอเว่ยกุ้ยเฟย ท้ายสุดนางจึงเอ่ยปากกล่าว “นี่ยังต้องให้พูดอีกหรือเจ้าคะ แน่นอนว่าต้องเป็นเว่ยกุ้ยเฟยของพวกเราสะสวยที่สุดอยู่แล้ว เว่ยกุ้ยเฟยเป็นถึงสนมที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานที่สุดเชียวนะ ครั้งนี้ยังกำเนิดองค์ชายน้อยให้แด่ฮ่องเต้ สามารถมอบสิ่งล้ำค่าให้พระราชา แน่นอนว่าต้องงามงดที่สุดอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
พอคำพูดของนางเพิ่งออกจากปาก สนามนางอื่นล้วนตะลึง เพียงแต่ทันใดนั้น ทั้งมวลล้วนมองไปทางนางด้วยสายตาสะใจในความทึ่มของนาง มีนางสนมที่ความสัมพันธ์ดีงามสองนางกระซิบกระซาบกันโดยมิรู้ตัว “มิแปลกว่าเข้าวังมาตั้งนานแล้วเพิ่งเป็นได้แค่ไฉเหริน ก็ทึ่มทะมึนเช่นนี้เอง มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็ว่าอัศจรรย์แล้ว”
อีกคนก็กล่าวเสริม “มิใช่หรอกหรือ นางปอปั้นเว่ยกุ้ยเฟย แต่กระทบฮองเฮากับแม่นางแซ่หลินแล้ว”
หลินซีนเยียนได้ยินคำพูดของไฉเหรินผู้นั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมลง ขวับมองยังเว่ยกุ้ยเฟยที่อยู่ด้านซ้ายของฮองเฮาทันใด เว่ยกุ้ยเฟยอายุราวยี่สิบพรรษา กำลังอยู่ในวัยสะพรั่งบาน มองจากเค้าโครงหน้าแน่ชัดว่าเป็นสาวงามล่มเมือง ยิ่งพูนเพิ่มขนงเนตรล้วนแล้วแต่ทำความรู้สึกอ่อนช้อย หญิงสาวเช่นนี้ ไม่มีชายคนใดจะจงเกลียดได้ลง
แต่ว่า หากแม้นเว่ยกุ้ยเฟยอ่อนละเมียดเฉกเช่นกับรูปลักษณ์ภายนอกของนางจริงๆ จะสามารถดำรงตำแหน่งนางสนมขั้นสูงในวังหลวงกินคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถกำเนิดโอรสให้ฮ่องเต้โดยสงบได้อีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...