ตอนที่ 220 คนประเภทเดียวกันมักอยู่รวมกัน
สุวานที่กัดคนมักไม่เห่า มนุษย์ก็เฉกเช่นกัน เมื่อผู้ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีพิษภัยลุกขึ้นมาทำร้ายคน ถึงทำให้คนปราศจากวิธีป้องกันได้มากที่สุด
หลินซีนเยียนเดินไปข้างหน้า คำนับเว่ยกุ้ยเฟยอีกครั้ง พลางกล่าว “แน่นอนว่าเว่ยกุ้ยเฟยย่อมงามดุจมัจฉาจมวารีปักษีตกนภา ข้าน้อยเพียงแค่เกิดมาหน้าตาน่ามองก็เท่านั้นเจ้าค่ะ ไฉนเลยจะเทียบตนเปรียบเปรยกับเว่ยกุ้ยเฟย ความจริงแล้ว ข้าน้อยรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของหญิงนางหนึ่งจะสดสวยที่สุดหรือไม่ มิได้สลักสำคัญอันใด รูปลักษณ์ย่อมโรยราไปในสักวันหนึ่ง ทว่าความหลักแหลมและนิสัยใจคอของคนๆ หนึ่งจึงจะมีส่วนเปลี่ยนแปลงชะตาได้ เว่ยกุ้ยเฟยให้กำเนิดพระโอรส ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของฝ่าบาทที่มีต่อปวงชนใต้หล้ายิ่งนัก เกียรติยศโรจน์รุ่งเกรียงไกรเช่นนี้ล้วนมิได้อาศัยแค่รูปลักษณ์งามวิไลเพียงอย่างเดียวก็จะสามารถลุล่วงได้ ข้าน้อยเองก็เฉกเช่นเดียวกัน มิว่าจะเสาวภาคย์หรืออัปลักษณ์ การได้รับความโปรดปรานจากอู่เซวียนอ๋องสำหรับข้าน้อยแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดนักเจ้าค่ะ”
ถ้อยวจีของนาง ทั้งได้ประจบเว่ยกุ้ยเฟย ซ้ำยังปราศจากการดูแคลนตนเองและได้อวดศักดาด้วย
ที่แท้ คำพูดของนางเพิ่งสิ้นสุดลง ก็เห็นเว่ยกุ้ยเฟยปรบมือเสียงแผ่วเบาขึ้น “หญิงสาวที่สามารถแตะเนตรของอู่เซวียนอ๋องได้ ที่แท้ก็เป็นคนเถรตรง นามว่าซีนเยียนใช่หรือไม่ ดูอายุอานามเจ้าก็ยังละอ่อนนัก แต่กลับมีความคิดอันเป็นเอกลักษณ์ เทียบกลับคนจากชนชั้นสูงที่เข้ามานับว่าเชาวน์ปัญญาเป็นเลิศนัก ไม่เลว ไม่เลว”
กระทั่งเว่ยกุ้ยเฟยเอ่ยคำว่าไม่เลวสองครั้ง ก็ยังได้มีแววเคืองโกรธเนื่องจากสงครามแย่งความงามของทั้งสองสักนิด กลับชื่นชมคำสรรเสริญของหลินซีนเยียน ทำให้พระพักตร์ของฮองเฮาที่อยู่ประทับข้างๆ ฉายแววไม่พอใจอยู่ครู่ก่อนจะสลายไป
ชั่วขณะนี้ หลินซีนเยียนถ่องแท้ในบัดดลว่าเหตุใดต่อให้มีการกีดขวางจากฮองเฮา กลับยังคงเหลือเว่ยกุ้ยเฟยไว้หนึ่งพระธิดา ความร้ายกาจของฮองเอา เป็นการร้ายแบบแสดงออก เพียงนางออกหน้าก็ทำให้ผู้คนถดถอย แต่เว่ยกุ้ยเฟยต่างออกไป นางใช้วิธีเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ไร้ซุ่มสำเนียงก็สามารถบรรลุเป้าหมายของตนได้ ศึกสงครามของหญิงสองนาง ตาต่อตาฟันต่อฟัน
“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้ามีวาทศิลป์เช่นนี้ แม้นตายเจ้าก็พูดให้เป็นได้ เจ้ามานั่งข้างๆ เถิด ตรงข้างหลี่ไฉเหรินนั่น อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นสนมรองที่ยังไม่ได้ตกแต่งของอู่เซวียนอ๋อง เรื่องอันใดต้องนั่งจมมุมด้วยเล่า” ฮองเฮาชี้หัตถ์ตามอำเภอใจ หลนซีนเยียนทำเพียงถวายคำนับหนึ่งครั้งก่อนถอยออกไป
กลางพระทัยของฮองเฮาไม่พอใจ กลับเอาความโกรธกริ้วไปลงที่นางสนมคัดเลือกที่ยังไม่มา “เอ้อ ไฉนเหล่าสนมคัดเลือกครั้งนี้ยังไม่มาอีก อีกหน่อยฮ่องเต้ก็น่าจะเสด็จแล้ว หรือว่ายังจะให้ฝ่าบาทมารอพวกนางกัน”
มามาอาวุโสที่อยู่ข้างๆ ลอบนับจำนวนคนเสียงแผ่ว หมุนกายกลับมารายงาน “ทูลตอบพระนางฮองเฮา นางสนมคัดเลือกส่วนใหญ่ลวนเข้ามาเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงหลินซินเอ๋อรอคนจำนวนหนึ่งยังไม่เข้ามา ข้าน้อยได้สั่งคนให้ไปเร่งแล้วเจ้าค่ะ”
“ช่างขาดระเบียบเสียจริง! คิดว่าฮ่องเต้ชายตามองนางแล้วจะผยองรึ ยังไม่ได้รับราชโองการจากฝ่าบาท ก็โอหังถึงเพียงนี้แล้ว ต่อให้หากขึ้นเป็นสนมของฮ่องเต้จริงๆ จะไม่จองหองกว่านี้รึ”
เรื่องที่ฮองเฮาตรัสเช่นนี้ เสมือนว่าเหล่านางสนมรอบข้างล้วนคุ้นชินกันแล้ว บางที ในมุมมองของพวกนาง ฮองเฮาที่ถือกำเนิดในครอบครัวตระกูลประเภทนั้น เดิมทีก็น่าจะพูดจาทระนงตนมากกว่าผู้อื่นหลายโขอยู่แล้ว
เพิ่งเอ่ยถึงหยกๆ ก็เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งปรากฏในสวนดอกเหมย ตรงกลางคือหลินซินเอ๋อและโจวฉิน พวกนางเดินมายังจุดจัดตั้งงานเลี้ยง รุดมาถวายพระพรด้านหน้าฮองเฮาก่อนเป็นอันดับแรก
“ต่อไปมาให้เร็วสักหน่อย ไม่เห็นรึว่ามีคนมากมายกำลังรออยู่ พวกเจ้าก็เป็นลูกหลานชนชั้นสูง อย่าได้ไม่รู้ความเรื่องระเบียบวินัยเฉกเสมือนหญิงสาวทั่วไป เอาล่ะ รีบลงไปเถอะ” พระนางฮองเฮาสั่งสอนคนจำนวนนี้ไม่กี่ประโยคด้วยพักตร์เข้มงวด
หลินซินเอ๋อรับคำอย่างว่านอนสอนง่าย ลมหายใจล้วนไม่บังอาจพ่นออกมา ทำเพียงซัดเซไปนั่งลงยังโต๊ะเหลี่ยมเล็กท้ายสุด โต๊ะพวกนี้ล้วนเป็นตัวที่เหลือเลือกของคนอื่น ระยะทางก็แสนห่างไกลจากตำแหน่งหลักนัก ต่อให้ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว ก็ยากยิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...