ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 233

ตอนที่233การเติบโตของโม่จื่อเฟิง(2)

สายตาของโม่จื่อเฟิงมองไปยังมือที่จับแก้วชาของนาง แล้วยิ้มมุมปาก ตกใจเล็กน้อย อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่า มือของผ็หญิงคนนี้ทั้งเล็กทั้งขาว นั้นดึงดูดเขาได้มากกว่าที่คาดไว้

นางรับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่มองมา หลินซินเยียนรู้สึกว่ามือร้อนวูบวาบ รีบส่งแก้วชาให้เขา

เจ้าอายเป็นเหมือนกันรึ โม่จื่อเฟิงเลิกคิ้วมองนาง แต่ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟัง เจ้าคงรู้นะว่าข้ากับฮ่องเต้เป็นพี่น้องแท้ๆ

หลินซินเยียนพยักหน้า เรื่องนี้ทุกคนในแคว้นหนานเยว่รู้กันทุกคน ทำไมเขาถึงยังจะถามแบบนี้ ทันใดนั้นนางเบิกตาโพลงตกตลึงหันไปมองโม่จื่อเฟิง ด้วยใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ

จริงๆแล้วเจ้าก็ฉลาดเหมือนกัน ใช่แล้ว สิ่งที่เจ้าคิดไม่ผิด ข้ากับเขาไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ ขณะที่โม่จื่อเฟิงพูดถึงเรื่องนี้เขาไม่มีความรู้สึกใดๆในน้ำเสียง แต่ว่าแม่ของข้ากับแม่ของเขาเป็นพี่น้องแท้ๆ เพราะฉะนั้นหลังจากที่แม่ของข้าได้ตายไป ป้าของข้าก็เอาข้าไปเลี้ยงดูเป็นลูกของเขา

แม่กับป้าของเจ้ามีสามีคนเดียวกัน แม้ว่าเรื่องแบบนี้ในสมัยก่อนจะดูเป็นเรื่องไม่แปลกอะไร แถมยังโดนชนชั้นสูงเอาไปพูดอีก แต่ว่าในสายตาของคนยุคสมัยนี้อย่างหลินซีนเยียน กลับรู้สึกว่ามันคือการมั่วสุม ไม่สามารถยอมรับได้

เห็นท่าทางของหลินซินเยียน โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว ซินเยียน ทำไมความคิดของเจ้าถึงได้ไม่เหมือนกับข้า เจ้า……เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบใดกันแน่?

หลินซีนเยียนสะดุ้งตกใจ ไม่คิดว่าโม่จื่อเฟิงจะสงสัยที่มาของนาง แต่ถ้าบอกว่าจิตวิญญาณของนางมาจากอีกโลกหนึ่ง เพราะฉะนั้นความคิดของนางจึงไม่เหมือนผู้คนที่นี่? เขาจะเชื่อหรือ?ถึงแม้ว่าจะเชื่อ แต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่คิดว่านางเป็นปีศาจ แต่มาคิดๆดู ถึงแม้โม่จื่อเฟิงจะเป็นคนที่ชาญฉลาด เขายอมรับได้ แต่ว่าคนอื่นไม่มีทางรับได้แน่นอน

สี่ปีที่แล้ว ตอนที่นางเพิ่งข้ามเวลาทะลุมิติมาถึงนี่ นางเคยเล่าเรื่องของตัวเองให้เด็กรับใช้คนสนิทฟัง แต่ใครจะไปรู้วันต่อมาหลินเทียนเฉิงพาคนจับปีศาจมายังวัง นักบวชบอกว่าถ้าหากไม่กำจัดปีศาจร้ายออกจากร่างของนาง จะนำพาความหายนะมาสู่บ้านท่านแม่ทัพ

ตอนนั้น หลินเทียนเฉิงเอาดาบจ่อไปที่นาง หากนางยังคงพูดว่านางมาจากอีกโลกหนึ่ง นางคงโดนกล่าวหาว่าเป็นปีศาจโดนฆ่าทิ้งแน่

เพราะฉะนั้น บางทีคนเราก็ไม่มีตัวเลือกให้เลือกมากนัก

ท่านอ๋อง ประวัติของข้าตั้งแต่เด็กจนโต ท่านคงตรวจสอบชัดเจนหมดแล้ว ข้าพูดออกไปท่านอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าหากท่านลองดูรายงาน ท่านก็คงจะเชื่อข้า หลินซีนเยียนพูดโน้มน้าวกลับไป

เป็นดั่งที่นางคาดไว้ ตอนที่นางโดนเปิดเปิงว่านางเป็นใคร เขาได้ส่งคนไปตรวจสอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับนางที่บ้านแม่ทัพ แต่กลับไม่พบอะไรที่ผิดสังเกต นั้นจึงทำให้เขาไม่เข้าใจอย่างมาก

แม่กับป้าของข้าเมื่อก่อนเป็นคนในตระกูลขุนนาง ตอนแรกถูกส่งเป็นของกำนัลให้ฮ่องเต้ แต่น่าเสียดายแม่ของข้าช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ในวังนี้ผู้หญิงพวกนั้นไม่หยุดที่จะแก่งแย่งแข่งขัน นางไม่รอดชีวิต หลังจากให้กำเนิดข้าไม่ถึงสองเดือนก็ได้จากตายไปอย่างน่าประหลาด แต่ว่าเรื่องราวผ่านมานานหลายปีแล้ว จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ข้าเองก็ยังสืบหาอยู่

เด็กคนหนึ่งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รับรู้ถึงอันตรายที่มีอยู่ ถึงแม้ว่าจะโดนเสือกัดเข้าไป เขาก็ยังคงไม่มีทางรับรู้ถึงความกลัวตายได้ เรื่องนี้ทำให้คนที่นึกถึงเหตุการณ์นั้นแค่นึกถึงก็กลัวแล้ว

อยู่ๆนางก็นึกถึงตัวเอง นางเป็นเด็กกำพร้า แต่โชคดีที่นางเติบโตมาโดยไม่เคยเจอเรื่องอันตรายอะไรถึงชีวิต เทียบกับโม่จื่อเฟิงที่ตั้งแต่แรกเกิดก็มีชีวิตอยู่ใกล้ความตาย นางถือว่าโชคดีจริงๆ

หลินซีนเยียนรู้สึกว่าโม่จื่อเฟิงช่างน่าสงสาร อดไม่ได้ท่าจะนั่งลงไปข้างๆเตียง เอนซบไปที่อกของเขา สองมือของนางกอดที่เอวของเขา“ยังดีที่เจ้ายังรอดมาได้ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้เจอกัน”

โม่จื่อเฟิงยิ้มแล้วเอื้อมมือลูบหัวนาง“เป็นห่วงข้ารึ?”

ครั้งนี้ เขาพูดอย่างนอบน้อม

หลินซีนเยียนไม่อยากให้เขาได้ใจนัก แต่ก็พยักหน้า

“ก็ดี ไม่เสียแรงที่ข้ารักเอ็นดูเจ้า” ตอนแรกในความคิดของเขา ทั้งหมดที่เขาทำนั้นคือการรักเอ็นดูหลินซีนเยียน เขาพูดต่อ“หลังจากห้าขวบ ข้าออกมาจากรังเสือ กลับไปยังบ้าน ที่นั่นเป็นตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ คนที่อยู่ที่นั่นทุกคนช่างโดดเด่น เด็กไม่ผ่านการทดสอบและการอบรม ล้วนแต่ตายไปหมดแล้ว คนที่ยังอยู่ถึงตอนนี้คือที่สุดของที่สุด เพียงแค่ว่า บททดสอบครั้งต่อไปมันเพิ่งเริ่มต้น พวกเขาเอาเด็กทุกคนมาเลี้ยงด้วยกัน ให้พวกเขาเรียนด้วยกัน สู้ด้วยกัน เล่นด้วยกัน……”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต