ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 239

ตอนที่ 239 ยั่วยุ(2)

เมื่อโม่จื่อเฟิงเดินเข้ามาใกล้ก็เห็นใบหน้าของหลินซีนเยียนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขาขมวดคิ้วเมื่อเดินมาถึงทางเดินจึงเก็บร่มแล้ววางไว้ข้างกายแล้วหงายมือสัมผัสที่ไปที่น้ำตาที่มุมตา น้ำตาไหลลงมาตามนิ้วของเขา“เกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้าถึงร้องไห้?”

หลินซีนเยียนตกใจรีบเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มกลบเกลื่อน พูดว่า “ไม่เป็นไร ก็แค่มองดูฝนตกแล้วอยู่ดีๆก็รู้สึกไม่ค่อยดี”

ไม่น่าเชื่อ นางบอกเขา นางกำลังโศกเศร้ากับโชคชะตาของตนและความปรารถนาที่เปลี่ยนแปลงไป

เขาผู้ชายสมัยก่อนจะมาเข้าใจอะไรกับความคิดที่มันลึกซึ้ง แน่นอนว่าต้องไม่เข้าใจ

“ฝนตกก็ร้องไห้ ผู้หญิงจะบอบบางเหมือนเจ้าทุกคนหรือไม่ งั้นโลกนี้คงสิ้นหวังแล้วจริงๆ”โม่จื่อเฟิงพูดจบก็พยุงนางเดินกลับเข้าห้อง

ภายในห้องมีเครื่องทำความร้อน ภายในเครื่องทำความร้อนมีถ่านที่กำลังเผาไหม้ โม่จื่อเฟิงพานางเดินเข้าไปใกล้เครื่องทำความร้อนเพื่อทำให้นางอบอุ่น

ความรู้สึกอบอุ่นที่มาจากทุกอนูรูขุมขนของร่างกาย ชั่วครู่ก็ทำให้นางอบอุ่นได้ เหมือนว่าจะอบอุ่นไปถึงทรวงในเพียงชั่วพริบตาเดียว

เพียงแต่ ก็แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเอง

“วันมะรืนนี้ก็จะถึงพิธีแต่งงานแล้ว ถ้าเป็นเจ้าสาวคนอื่นคงตื่นเต้นดีอกดีใจกันยกใหญ่ แต่เจ้ากับร้องไห้ ทำไมหรือเจ้าไม่ยินยอมที่จะแต่งงานกับข้า?”โม่จื่อเฟิงนั่งลงแล้วเทชาร้อนใส่แก้ว

หลินซีนเยียนส่ายหัว“ข้าเป็นคนของเจ้าแล้ว ใช้ชีวิตอยู่กินฉันท์สามีภรรยาแล้ว แต่กลับไม่มีความรู้สึกว่ากำลังจะแต่งงานเลย”

โม่จื่อเฟิงเลิกคิ้ว ไม่มีการพูดต่ออะไรกับเรื่องนี้ แต่กับตอบว่า“พรุ่งนี้เซียวฉางเยว่จะมาปรึกษาเจ้าเรื่องงานแต่งงาน ตอนพบกันพรุ่งนี้นางจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจแต่หากว่ามีเรื่องอะไร เจ้าก็ให้มู่เหอมาหาข้า หรือไม่คืนพรุ่งนี้เจ้าเก็บของเรียบร้อยแล้วข้าจะส่งเจ้ากลับบ้านท่านแม่ทัพ

“กลับบ้านท่านแม่ทัพ?”หลินซีนเยียนคิดไม่ถึงว่าโม่จื่อเฟิงจะตัดสินใจเช่นนี้“ที่เจ้าพูดคือให้ข้าแต่งงานในฐานะลูกสาวของหลินเทียนเฉิง?”

นางพูดว่า หลินเทียนเฉิง ไม่ได้พูดว่า พ่อ ของนาง การเรียกที่แตกต่างเพียงเล็กน้อยก็ทำให้โม่จื่อเฟิงสังเกตเห็นได้

“สุดท้ายจะเป็นถึงฮูหยินของข้า แต่เจ้าจะไม่มีแม้แต่ฐานะที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่สนใจ ข้าไม่สนใจ แต่ข้าเป็น อ๋องของแคว้นหนานเยว่ แต่ไม่อาจที่จะไม่สนใจหน้าตาของราชวงศ์ได้ ข้าก็รู้ว่าตระกูลหลินไม่ดีกับเจ้าแต่วันนี้เจ้ากลายเป็นฮูหยินของข้า ถึงจะมีสิบตระกูลหลิน เพียงแค่เจ้าเห็นด้วย ไม่ว่าเมื่อใดเจ้าก็สามารถหยิบมาบีบได้”โม่จื่อเฟิงกำลังโน้มน้าวนาง

หลินซีนเยียนเข้าใจเหตุผลนี้ดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม

“โอ๊ะใช่สิ อวิ๋นเสี่ยวยิงมาหาเจ้ากี่ครั้ง”นางลังเลนิดหน่อยก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมา

โม่จื่อเฟิงฮึมเบาๆ แล้วเริ่มเคาะที่พนักพิง ทุกครั้งที่เขากำลังใช้ความคิดมักจะมีอาการท่าทางแบบนี้

“ดูเหมือนว่าอวิ๋นเสียวยิงจะยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ทำถูกแล้วที่ไม่รีบฆ่านางในทันที”โม่จื่อเฟิงเริ่มเกิดความลังเลแต่ยืนมือมาดึงนางเข้าโอบกอดไว้ในอก

หลินซีนเยียนนั่งลงข้างๆโม่จื่อเฟิงสายตามองไปที่บนแขนของเขาพูดอย่างออดอ้อนว่า“มือเจ้ายังบาดเจ็บไม่กลัวแผลฉีก”

โม่จื่อเฟิงส่ายหน้า“ข้าเคยกลัวอะไรที่ไหน?ต้องยั่วยุอวิ๋นเสียวยิงอีกหน่อยนางจะได้เผยธาตุแท้ออกมาดีหรือไม่?”

เขาพูดจบเขาจึงก้มหน้าจูบลงบนริมฝีปากแดงๆของนาง นางยังไม่ทันได้พูดอะไรก็หลุดลอยเข้าไปภายใต้การควบคุมของเขา

นางพยายามผลักอกเขาแต่ก็มิอาจสู้แรงของเขาได้แล้วมือนางทั้งสองข้างก็หยุดนิ่งที่ด้านหลังของเขา แต่มันกลับยิ่งทำให้ร่างกายของนางร้อนผ่าว

เห็นเต็มตาว่าอกของตัวเองมีลอยความสงสัยอย่างมาก หลินซีนเยียนหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว กัดฟันพูด “โม่จื่อเฟิง!เวลานี้อวิ๋นเสียวยิงไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าจะยั่วยุ เจ้าจะยั่วยุให้ใครดู?”

โม่จื่อเฟิงกลับไม่ได้ฟังคำที่นางพูด และยังอยู่บนหน้าอกของนางอย่างนั้น นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างอบอุ่นก้มหน้าลงต่อใช้ริมฝีปากงับปกเสื้อของนางออก

นางรู้สึกว่าเย็นวู้บวาบที่อกครู่หนึ่งแต่อีกชั่วครู่ไฟร้อนในกายเริ่มถูกริมฝีปากบางของเขาแผดเผาอย่างถ้วนถี่

นางลืมตาขึ้นก็พบว่าเทียนถูกเผาไหม้ละลายอยู่บนเชิงเทียน ฝนด้านนอกก็หยุดแล้ว ชิงจู๋เปิดหน้าต่างออกทำให้อากาศยามเช้าพัดเข้ามาด้านใน

นางนั่งขึ้นอุ้มวี่จิ่งที่กำลังกระพริบตาหลังจากเพิ่งตื่น เปิดประตูออกก็เห็นชิงจู๋กำลังถือถาดอาหารเดินมาทางนี้

“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วอาหารเช้าก็เตรียมเสร็จพอดี”ชิงจู๋นำถาดอาหารวางบนโต๊ะเล็กๆแล้วนำเอาโจ๊กกับกับข้าวไม่กี่อย่างออกมาที่หลินซีนเยียนกินเคยกินตามปกติ ชิงจู๋จัดวางชามกับตะเกียบ พูดว่า “ฮูหยิน ตอนกลางคืนให้วี่จิ่งนอนที่เตียงเล็กข้างๆเถอะ เวลาเขาตื่นเขาก็ทำท่านตื่นด้วย เมื่อคืนท่านนอนดึกหากนอนดึกเช่นนี้จะไม่ดีต่อสุขภาพเป็นแน่”

ชิงจู๋คือคนที่โม่จื่อเฟิงพามาเป็นสาวใช้ให้กับหลินซีนเยียน ไม่กี่วันมานี้โม่จื่อเฟิงกำชับมา เพราะฉะนั้นกลางคืนนางจะนอนในห้องเฝ้ายาม นางมีศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง มีความกล้าหาญ เทียบกับหลินซีนเยียนแล้วมีพลังมากกว่า

“ไม่ต้องกังวลไป ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้น รอให้อะไรมันดีขึ้นข้าถึงจะวางใจ”หลินซีนเยียนอุ้มวี่จิ่งส่งให้ชิงจู๋กับมือแล้วเริ่มลงมือทานอาหารเช้า

เหมือนว่าวี่จิ่งจะได้กลิ่นหอมของอาหาร ส่งเสียงอือๆอาๆไม่หยุดสองมือตะเกียกตะกาย ทำให้หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา“เหมือนว่าวี่จิ่งก็จะหิวแล้ว รอแม่กินเสร็จแล้วจะให้เจ้ากินนม”

นางเอามือไปแหย่ที่หน้าผากของวี่จิ่ง แล้วยิ้มด้วยความรักและเอ็นดู

“ ช่างน่าปิติยินดียิ่ง พรุ่งนี้ก็จะแต่งงานแล้วน้องอารมณ์ดียิ่งนัก”เซียวฉางเยว่พูดว่าน้องสาว ไม่นานแม่นมกุ้ยเดินเข้ามา

หลินซีนเยียนขมวดคิ้วที่นี่คือบ้านของโม่จื่อเฟิง ถ้าหากว่าไม่ได้รับอนุญาตจากโม่จื่อเฟิงพวกเขาก็สามารถเข้ามาได้แต่วันนี้ได้รับอนุญาตให้มาปรึกษากับนางเรื่องงานแต่งจึงทำให้นางเข้ามาได้โดยถูกหลังทำนองคลองธรรม

หลินซีนเยียนรวบจับมือของวี่จิ่งแล้วพูดกับเซียวฉางเยว่ว่า“ฮูหยินเชิญนั่งตามสบาย”

เซียวฉางเยว่แอบยิ้มด้วยสายตา แม่นมกุ้ยเบะปากใส่ด้วยความเกียจชัง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเก้าอี้ไม้แล้วให้เซียวฉางเยว่นั่ง

หลินซีนเยียนเม้มริมฝีปากที่นี่ไม่ใช่บ้านหลังเล็กที่นางเคยอาศัยแต่ที่นี่คือบ้านของโม่จื่อเฟิงไม่เพียงแค่ต้องทำความสะอาดในทุกๆวันไม่มีแม้แต่ฝุ่นผง ส่วนเก้าอี้ไม้นั้นก็ทำมาจากไม้จันทน์ราคาที่วางขายตามตลาดแพงจนต้องอ้าปากค้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต