ตอนที่ 246 ออกเรือน(3)
ชิงจู๋มองไปที่หลินซีนเยียนอย่างอึ้งๆ อดที่จะขำออกมาไม่ได้
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า มีเพียงดวงดาวไม่กี่ดวงที่ยังคงส่องแสงระยิบระยับ
ในจวนอู่เซวียนอ๋อง โม่จื่อเฟิงมือนึงอุ้มวี่จิ่งอีกมือจิ้มแก้มที่นุ่มนิ่มของวี่จิ่ง วี่จิ่งหัวเราะสนุกสนาน ในโลกของวี่จิ่งไม่มีคำว่ากลางวันหรือกลางคืน ในโลกของเขามีเพียงแค่คำว่ากินอิ่มกับนอนหลับเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ข้างนอกนั้นจะเป็นกลางวันหรือว่ากลางคืน
มู่เหอกลับมาก็เห็นภาพที่โม่จื่อเฟิงกำลังหยอกล้อกับวี่จิ่งอยู่พอดีทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ท่านอ๋อง ข้ากลับมาแล้ว”
โม่จื่อเฟิงยื่นมือออกมา มู่เหอเห็นก็รีบยื่นจดหมายส่งให้เขา
“จุ๊บๆ?”โม่จื่อเฟิงมองไปที่จดหมายอย่างงงวย เขาเอากระดาษเอียงมองดู พอมั่นใจแล้วว่าเนื้อหามีแค่นี้จึงถามมู่เหอ “นางยังพูดอะไรอีกไหม?”
มู่เหอพยักหน้า“พระชายาบอกว่าให้ท่านรีบพักผ่อน รักษาสุขภาพด้วย นางเองก็จะเข้านอนแล้ว”
“แค่นี้หรือ?”โม่จื่อเฟิงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
มู่เหอที่ถูกเขามองจนตัวชา ทำท่าเบะปากแล้วพูดว่า “มีแค่นี้จริงๆ”
“เช่นนั้น เจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ” โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้วแล้วทำท่ากวักมือไล่ มู่เหอแอบถอนหายใจออกมารีบสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกเพิ่งจะถึงประตูก็ได้ยินเสียงพูดเย็นๆช้าๆของโม่จื่อเฟิงดังขึ้นมา “มู่เหอ เจ้ารู้ไหมว่าคำว่า จุ๊บๆ หมายความว่ายังไง?”
มู่เหอถูกเขาถามจนชะงัก ตกใจจนล้มลงไปที่พื้น ฟังที่เขาพูดเสร็จแล้วรีบลุกขึ้นมาส่ายหน้า คิดอยู่สักพักแล้วยิ้มออกมา “ข้าน้อยไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร แต่ฟังดูแล้วเป็นคำพูดที่สนิทสนมมาก”
“อย่างนั้นรึ สนิทสนมมาก?” คำพูดพวกนี้ทำให้โม่จื่อเฟิงดูพอใจเป็นอย่างมาก หน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้น โม่จื่อเฟิงทำท่าให้เขาออกไป มู่เหอรีบออกมาจากห้อง
ออกมาจากห้องเขารู้สึกหวาดเสียวขึ้นมา ท่านอ๋องดูน่ากลัวเกินไปแล้ว แค่ถามคำถามยังสามารถทำให้คนกลัวได้ มู่เหอเห็นจินมู่เฝ้ายามอยู่ที่มุมหนึ่ง เดินเข้าไปตบที่ไหล่ของเขา “ผู้บัญชาการจินมู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่า จุ๊บๆ แปลว่าอะไร ?”
จินมู่มองเขาด้วยสีหน้างงงวย“นั่นหมายความว่าอะไร”
มู่เหอส่ายหัว “ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร”แล้วเดินจากไป
“เจ้าเด็กบ้านี่ ชักจะเอาใหญ่แล้ว”จินมู่บ่นออกมา มู่เหอไปได้ไม่นานเขาอดไม่ได้พึมพำกับตัวเอง“เมื่อกี้มันหมายความว่าอะไรกัน?”
อากาศฤดูหนาว ทำให้คนอยากซุกอยู่ในผ้าห่มไปตลอดชีวิตไม่อยากออกมาจริงๆ
ทั้งๆที่เมื่อวานหลินซีนเยียนนอนดึก แต่เมื่อฟ้าสว่าง เธอกลับตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น อาจเป็นเพราะ เธอรอคอยพิธีแต่งงานที่มาถึงนี้ก็เป็นได้ นี่เป็นงานแต่งงานครั้งแรกของเธอในทั้งสองโลก
เพียงแต่ เธอกลับต้องแต่งงานกับคนที่มีภรรยาอยู่แล้ว พูดขึ้นมามันช่างน่าขำ อยู่ที่นี่ เธอแต่งงานกับชายที่มีเมียแล้วอย่างไม่ต้องกลัวอะไร อีกทั้งในอนาคตเขาอาจจะไปขอหญิงสาวอีกหลายคน
ในใจมีความรู้สึกซาบซึ้ง แต่หลังจากนั้นก็มีความเศร้าเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนความคิดของสมัยก่อนครอบงำ
เขามีภรรยา เพียงแต่ถ้าเทียบกันแล้ว เขาดีกับเธอมากกว่า ดังนั้น เธอจึงรู้สึกซาบซึ้ง
นี่ช่างเป็นจิตใจที่น่ากลัว?
ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนนี้ คงเปรียบได้กับการเป็นเมียน้อยนี่เอง!มีเมียน้อยมากมายหลงคำหวานของผู้ชาย พวกเธอคิดว่า ชายพวกนั้นดีกับเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่กลับไม่รู้ว่า ในสายตาของผู้ชาย ไม่มีใครเหมือนใครทั้งนั้น
โชคดี ที่นี่คือสมัยโบราณ งานแต่งงานที่นี่ผู้ชายไม่สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง เพราะเช่นนั้นเธอจึงหาคำแก้ตัวมาเป็นกอง
“พระชายา?”ชิงจู๋มองหลินซีนเยียนที่เหม่อลอย อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอ
หลินซีนเยียนดึงสติกลับมา แล้วยิ้มอ่อน“ชุดนี้ช่างงดงาม อดไม่ได้ที่จะคิดเพ้อมั่วซั่ว”
“รีบใส่ชุดเถิด สักครู่ผู้ดูแลจะมาทำผมให้ท่าน”ชิงจู๋ช่วยเธอแต่งตัว
“ผู้ดูแล?” หลินซีนเยียนสงสัย “ทำผมเรื่องแค่นี้ทำเองก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
“แบบนั้นไม่ได้ หญิงสาวที่จะแต่งงานต้องให้แม่เป็นคนทำผมให้ แต่ท่านแม่ของพระชายาไม่อยู่แล้ว เมื่อวานก็เกิดเรื่องอีก ภรรยาท่านแม่ทัพก็ไม่มีสิทธิ์ทำ เมื่อวานข้านำความไปทูลท่านอ๋อง ท่านจัดคนมาให้พระชายาแล้วเรียบร้อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
ลูกหาย5555...
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...