ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 268

ตอนที่ 268 แก้ไขปัญหาหนัก

“ท่านโจว พระราชารองมาแล้ว” ผู้ดูแลทั้งตะโกนทั้งผลักประตู

ประตูเพิ่งถูกผลักออก ก็เห็นโจวหลี่และช่างตีเหล็กที่เมื่อวานอารมณ์ฉุนเฉียวคนนั้นเปลื้องบั้นเอวอย่ภายในห้อง และโจวหลี่ยังกอดรัดเอวของช่างตีเหล็กผู้นั้น ทั้งสองมองไปยังทิศทางของปากประตูอย่างตะลึงงัน

“พวกเจ้า...” ผู้ดูแลเดินนำหน้า มองเห็นโจวหลี่กับช่างดาบนั่นกอดกันเกลียว ชั่วขณะนั้นลืมการตอบสนองไปสิ้น ครู่ต่อมา ก็ปิดประตูห้องลงอย่างรีบร้อน ดึงสติกลับมาพร้อมอธิบายแก่หลินซีนเยียนอย่างตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ใช่ พระราชารอง ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด พวกเขา พวกเขาจะต้องล้อเล่นแน่ ใช่! ล้อเล่น!”

ในกลางอก ผู้ดูแลกลับก่นด่าโจวหลี่และช่างตีเหล็กคนนั้นหนึ่งแสนแปดพันครั้ง ทั้งสองทำเรื่องฉาวโฉ่นั่นตั้งแต่วันรุ่งเช่นนี้ ซ้ำยังถูกพระราชารองสบเป็นพยานอีก ถึงแม้จะบอกว่าเรื่องรักร่วมเพศเหล่านี้นั้นในช่วงเวลานี้ก็มิใช่เรื่องสดใหม่อะไร แต่อย่างไรเสียนี่ก็ถือเป็นสถานการณ์ปกติ ทั้งสองคนนี้ ที่แท้ก็ ที่แท้ก็ฝ่าฝืนกันไปแล้ว!

การตัดสินใจของผู้ดูแล กลับไปจะต้องทูลรายงานหัวหน้าเรื่องสถานการณ์ของทั้งสอง แต่มิอาจให้พระราชารองเข้าใจผิดว่าเขาจัดการดูแลไม่ดี กลับไปเอาเรื่องนี้ไปพูดตามประสาผัวเมียจนกระทบกับตนเองได้

การตีโพยตีพายของผู้ดูแลช่างคับคั่ง แต่กลับเดือดร้อนมาถึงหลินซีนเยียนที่อยู่หน้าประตู เมื่อครู่นางแค่กวาดสายตาเพียงแวบหนึ่ง ล้วนมองโดยละเอียดไม่ทันแม้แต่นิด แต่ว่าที่แท้โจวหลี่เป็นพวกรักร่วมเพศหรอกหรือ ข้อนี้นางดูไม่ออกจริงๆ!

ขณะที่คนกำลังกังขาอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกคนดึงออกจากข้างใน โจวหลี่จัดการอาภรณ์พลางเดินออกมา มองเห็นหลินซีนเยียนก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น “พระราชารอง ข้ากับเหล่าเฉินตีเหล็กด้วยกัน ค้อนตีเหล็กนั่นหนักเหลือแสน ดังนั้นพวเราสองคนจึงช่วยกันยกขึ้นมา ท่านอย่าได้เข้าใจผิดโดยเด็ดขาด ที่บ้านข้าก็มีสะใภ้นะ”

หลินซีนเยียนยังไม่ได้เอ่ยวจี แต่กลับเป็นผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ ออกปากอย่างอดไม่ได้ “เจ้ามิต้องสับปลับพระราชารองแล้ว ผู้ใดไม่รู้ว่าเหล่าเฉินเป็นช่างตีเหล็กที่พละกำลังมากที่สุดบ้าง ยังมีค้อนตีเหล็กที่เขายกไม่ขึ้นรึ โจวหลี่หนอโจวหลี่ เจ้าพูดเองแล้วว่าเจ้าเป็นผู้ที่มีสะใภ้แล้ว เหตุใดยังทำเรื่องพวกนี้ออกมาได้กันเล่า นี่มิใช่เป็นการหลอกตาพระราชารองหรอกหรือ”

โจวหลี่เห็นว่าการอธิบายไม่แจ่มแจ้ง เหงื่อเม็ดเป้งผุดเต็มศีรษะ

ยามนี้ ช่างตีเหล็กที่ถูกเรียกขานว่าเหล่าเฉินก็เดินออกมาแล้ว เขาเป็นคนฉกรรจ์ สวมแค่เสื้อคลุมยาวตัวเดียวก็เดินโทงออกมา น้ำเสียงแฝงแววไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านโจว ท่านพูดกับพวกเขามากเช่นนี้ พวกเขายังไม่เชื่อ เสียแรงที่พวกเราสู้อุตส่าห์อดหลับอดนอนผลิตของสิ่งนั้นขึ้นมา ช่างเถิด ข้าเหล่าเฉินก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับพวกท่านแล้ว ข้าขอตัว”

ช่างเหล็กเฉินหมุนเสร็จก็เดินจากไป ไม่ยี่หระคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่กี่คนอีกต่อไป

ทว่าเขาเพิ่งเดินไป โจวหลี่ก็เอื้อมมือไปรั้งตัวเขาไว้ “เหล่าเฉิน อย่าหัวเสีย ของสิ่งนั้นมีแค่ท่านสามารถทำออกมาได้ พระราชารองยังรอใช้อย่างร้อนใจ ท่านไม่อาจจากไปเช่นนี้ได้”

โจวหลี่ฉุดรั้งเขา ซ้ำหมุนกายมากล่าวอธิบายต่อหลินซีนเยียนอย่างร้อนรนอีกครั้ง “พระราชารองอย่าได้ใส่ใจ เขาก็อารมณ์แบบนี้ แต่ว่าข้ากับเขาไม่ได้ทำอะไรกันจริงๆ ไม่เช่นนั้นท่านเข้ามาดูเองเถิด เพื่อของสิ่งนั้นที่ท่านต้องการ พวกเราจึงเสาะหาค้อนเหล็กเฉพาะกิจที่หนักเป็นพิเศษมา”

“อย่าร้อนใจ ข้ายังไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อพวกเจ้า พวกเราจะเข้าไปดูให้เห็นกับตาสักหน่อย ดีหรือไม่” หลินซีนเยียนยิ้มชืด ทั้งกายผุดแววความยอดเยี่ยมออกมา

ช่างเหล็กเฉินผู้นั้นกับโจวหลี่ล้วนตะลึงงัน ผู้หญิงทั่วไปหากว่าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนม้วนอายขวยเขินหน้าเรื่อแดงทั้งนั้น จะมีเวลาว่างมีฟังคำอธิบายจากพวกเขาเสียที่ใดเล่า ทว่าพระราชารองผู้นี้ไม่เหมือนกัน จากหัวยันหางล้วนปราศจากการแสดงออกที่ดูแคลนแต่อย่างใด ก็ไร้ซึ่งการไม่แยกแยะชั่วดีก่อนตัดสินเรื่องผิดคลองธรรมของพวกเรา

ทั้งสองสบตากันและกันแวบหนึ่ง ในแววตา กำลังสื่อสารข้อมูลบางอย่าง พระราชารองผู้นี้ เชาวน์ปัญญาไม่เหมือนเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง

ช่างเหล็กเฉินผู้นั้นก็ลู่ความไม่พอใจเข้ากลางอก เห็นโจวหลี่นำคนจำนวนนั้นเข้าไปทางห้อง เกิดลังเลเล็กน้อย ก่อนหมุนกายตามเข้าไป

ภายในห้อง มีหม้อต้มและบันไดหินขนาดมหึมา บนบันไดหิน มีค้อนที่ขนาดใหญ่กว่าค้อนตีเหล็กธรรมดาหลายขุมวางอยู่จริงๆ ส่วนล่างของค้อนอันนั้น ยังมีแผ่นเหล็กขนาดเท่ากับเงินเหรียญหนึ่งแผ่น แผ่นเหล็กบางมาก ด้านข้างมีใบเลื่อยที่ทั้งแหลมคมและซี่เล็ก ดูแล้วเปล่งประกายสุกสว่าง

“นี่คือ...” ดวงเนตรทั้งสองของหลินซีนเยียนทอประกาย นางคิดไม่ถึงว่าจะเป็นชิ้นส่วนบนแผนที่กระดาษ เพียงแต่แค่คืนเดียวสองคนนี้ก็ทำมันออกมาได้แล้ว อีกทั้งคุณภาพชิ้นงานดูแล้วไม่เลวทีเดียว ดีกว่าที่นางคาดคะเนเอาไว้ล่วงหน้าหลายเท่านัก

โจวหลี่กุลีกุจอไปกล่าวแนะนำด้านหน้า “นี่ก็คือสิ่งที่ท่านกล่าวถึง แผ่นเหล็กที่สามารถนำไปใช้เชื่อมต่อแส้ได้ ท่านดูว่าขนาดและรูปร่างเช่นนี้ท่านพอใจหรือไม่ เนื่องจากแผ่นเหล็กนี้เพิ่มทองเจ็ดชั้นเข้าไป ดังนั้นกระบวนการตีย่อมยากกว่าธรรมดาหลายเท่าตัว ความแข็งของมันก็เพิ่มมากขึ้น ยิ่งไม่ง่ายดายหากจะนับไปกดทับ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ค้อนตีเหล็กขนาดใหญ่เพียงนี้ มีเพียงใช้ค้อนเหล็กที่ใหญ่ขนาดนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้แผ็นเหล็กบางเท่าที่ท่านพึงพอใจได้”

ผ่านจากอธิบายหนึ่งกรุของเขา หลินซีนเยียนก็นับว่าเข้าใจถ่องแท้ และยิ่งมองเห็นเศษชิ้นส่วนเหล็กกองโตที่ถูกทิ้งไว้ด้านข้าง ราวกับได้ทดลองล้มเหลวจึงถูกโยนทิ้ง ยิ่งเป็นหลักฐานว่าคำพูดของเขาเป็นจริงไม่เลื่อนลอย

“ข้าเชื่อพวกเจ้า” หลินซีนเยียนพยักหน้าหงึกหงัก กระวีกระวาดหยิบเอาคีมเหล็กด้านข้างคีบเอาแผ่นบางนั้นขึ้นมาบริเวณใกล้ๆ ซ้ำยังสำรวจอย่างถี่ยิบ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกประหลาดใจ ในกาลเวลาที่ไร้ซึ่งเครื่องมือยุคสมัยใหม่ครบครัน กลับมีคนใช้มือทั้งสองข้างประดิษฐ์ตีแผ่นเหล็กออกมาให้บางเฉียบดุจปีกจักจั่น กลเม็ดเยี่ยงนี้ ควรค่าแก่การยกย่องนัก!

หลินซีนเยียนตื่นเต้นไม่น้อย ดังนั้นจึงพลันแย้มรอยยิ้มที่สว่างไสวที่สุดพร้อมเอ่ยกับโจวหลี่และช่างเหล็กเฉิน “ลำบากพวกท่านแล้ว แผ่นเหล็กเหล่านี้ข้าพอใจยิ่งนัก อีกอย่าง ทำให้ข้าประหลาดใจมาก ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกหน่อยก็จะเชื่อมต่อแผ่นเหล็กพวกนี้เข้าด้วยกัน ทดลองอำนาจของแส้ยาวอันนั้นสักตั้ง”

“พระราชารองพอใจก็นับว่าดีแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่ทำแผ่นเหล็กนี้ขึ้นมานั้นสิ้นเปลืองพละกำลัง ก็แค่แผ่นเดียวนี้ข้ากับเหล่าเฉินยังใช้เวลาเกือบค่อนชั่วยามจึงทำเสร็จสิ้น นับดูว่าแส้ยาวจะต้องใช้จำนวนเข้าใกล้พันแผ่น พวกเราก็ลำเค็ญนัก เกรงว่าภายในระยะเวลาเจ็ดวันจะผลิตไม่ได้เยอะขนาดนั้น...”

โจวหลี่ถอนหายใจเฮือกยาว ไร้ซึ่งความยโส ทำเพียงกล่าวถึงส่วนที่เป็นความยากลำบากใจออกมา

“เพียงเพราะต้องใช้ค้อนเหล็กขนาดใหญ่ แต่ช่างเหล็กที่มีพละกำลังกลับมีน้อย แค่สาเหตุนี้ใช่หรือไม่” หลินซีนเยียนขบคิด ถามอย่างไม่มั่นใจ

“ใช่ ก็แค่ข้อนี้ ดังนั้น...” ทั้งหน้าของโจวหลี่เนื่องจากกังวลจึงขมวดมุ่นเข้าด้วยกัน

หลินซีนเยียนครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก่อนจะมองดูสภาพแวดล้อมของห้องทำงานนี้ ครู่ต่อมาจึงกล่าวพลางหัวเราะ “ หากว่าเพียงแค่สาเหตุนี้อันเดียวล่ะก็ ข้าก็มีวิธีหนึ่งที่ควรค่าแก่การลองสักตั้ง”

ไม่กี่คนที่ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ผู้ดูแลคนนั้นและช่างเหล็กเฉินใบหน้าสลักไว้แจ่มชัดว่าไม่เชื่อ แค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น แม้แต่โจวหลี่กับช่างเหล็กเฉินล้วนแต่คิดวิธีการไม่ออก นางจะทำอันใดได้

“พระราชารองมีวิธีหรือ เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน” ในเหตุการณ์คนเดียวที่เชื่อหลินซีนเยียน ก็คือโจวหลี่ เขาเคยสบเห็นมุมไม่ธรรมดาของหลินซีนเยียนมาแล้ว ไม่รู้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด ภายในใจลึกๆ ของเขา ล้วนไม่ได้เห็นหลินซีนเยียนเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งอีกต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต