ตอนที่ 272 ไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด
แม่นมกุ้ยลากแขนของหลินซีนเยียนตามเข้าไป ทั้งสามย่ำมือย่ำเท้ามาถึงยังภายในสวน ด้านหน้าหลักของสวนเป็นห้องนอนหนึ่งห้อง ประตูห้องนอนปิดอยู่ หน้าต่างก็ปิดสนิท แต่เสียงเทียนส่องสว่างรำไร สามารถมองเห็นเงาคนเคลื่อนไหวตรงบานหน้าต่างได้เลือนลาง
หัวใจของหลินซีนเยียน เต้นระส่ำตามเงาคนที่เคลื่อนไหวนั้น นางบีบขอบชายเสื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ว่า ใบโครงหน้าของนางกลับแน่นิ่งและสงบเย็น ต่อให้ในอกนึกหวาดเกรงไปเรียบร้อย นางก็มิอาจแสดงออกมาให้ตนอดสูศัตรูชื่นมื่นหรอก
“โอ้ เห็นหรือยัง ไม่ใช่ว่าท่านชำนาญในเรื่องกลางห้องหรอกหรือ ในห้องนั่นกำลังเกิดอันใดขึ้นท่านต้องเดาออกอยู่แล้วกระมัง” แม่นมกุ้ยแค่นเสียงเย็นเยียบ จึงค่อยผละมือของหลินซีนเยียนออก
หลินซีนเยียนกลับแม้แต่สีหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงสักชั่วขณะ ทำเพียงแผดเสียงดังลั่น “แม่นมกุ้ยกำลังพูดสิ่งใด ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ!”
เสียงของนางดังสนั่นนัก เสมือนกับจงใจเตือนคนที่อยู่ในห้อง ในกระดูกกระเดี้ยว นางไม่เต็มใจเชื่อว่าโม่จื่อเฟิงจะทำเรื่องเยี่ยงนี้ บางสิ่งบางอย่างก็ช่างโหดเหี้ยม อภัยนาง ที่คิดเลือกการหลีกเลี่ยง
เพียงแต่ ต่อให้เสียงของนางได้กดต่ำแล้ว คนที่อยู่ข้างในต่อให้ไม่ใช่โม่จื่อเฟิง แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ล้วนได้ยินทั้งนั้น ทว่าทั้งสองคนที่อยู่ในห้องยังคงก่อกวนต่อไป ราวกับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้ง
แม่นมกุ้ยเห็นว่านางตะโกนอย่างกะทันหัน ในสัญชาตญาณก็รีบกุลีกุจอไปดูในห้องอย่างตกใจตกใจ กลับเห็นคนที่อยู่ในห้องยังคงทำต่อไป จึงค่อยกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสบายอารมณ์ “อืม ดูท่าท่านอ๋องจะเริงรมย์เสียจริง เอาล่ะ ท่านอย่าได้เที่ยวส่งเสียงดังสนั่นลั่นไปรบกวนความภิรมย์ของท่านอ๋อง เฝ้าดูต่อไปอย่างสงบเสงี่ยมเถิด”
บนหน้าของสาวใช้กำลังฉายแววผยอง จากนั้นก็ยกชิ้นส่วนไม้เดินนวยนาดไปยังด้านข้างของหน้าต่างบานนั้น ที่แท้ หน้าต่างบานนั้นไม่ได้ปิดสนิท เห็นได้ชัดว่ามีบางคนจงใจทำให้เป็นเช่นนั้น น่าจะรอคอยเพื่อให้คนมาดันหน้าต่างขึ้น
เพียงแต่ เดาว่าในแผนการของพวกนาง คงนึกอยากยุให้หลินซีนเยียนเป็นจัดการ ใครจะรู้ว่าหลินซีนเยียนกลับไม่โง่เง่า ไม่พ้นให้สาวใช้คนนั้นลงมือทำเสียเอง
วินาทีที่หน้าต่างเปิดออก หลินซีนเยียนก็ก้มหน้าลงโดยสัญชาตญาณ เสมือนกับไม่เต็มใจดูเงาในหน้าต่างนั่น ทว่าแม่นมกุ้ยกลับไม่ยอมให้นางทำตามอำเภอใจ บีบรั้งคางของนางให้เงยขึ้นมา
เพียงแค่แวบเดียว นางก็เห็นผู้ชายที่อยู่บนเตียงคนนั้นแจ่มแจ้ง!
ช่างคุนชินกับเรือนร่างและรูปลักษณ์ของเขาเหลือเกิน ดังนั้น แค่แวบเดียวก็เกินพอ
น้ำตาร่วงหล่นลงมาอย่างนั้น ต่อให้นางนึกอยากแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ทว่ากลับทำไม่ได้จริงๆ พระเจ้าราวกับกำลังล้อเล่นฉาดใหญ่กับนาง ทั้งที่นางคิดว่าค่อยๆ มัดหัวใจจริงๆ ของเขาไว้ได้แล้ว ยามที่มอบความจริงใจของตนกลับคืนให้ กลับต้องมาเห็นเขาเร้าอารมณ์อยู่กับหญิงนางอื่น
ดวงตาของเขาแดงปานโลหิตสด แม้กระทั่งตามผิวหนังบนเรือนร่างก็แดงราวกับกุ้งต้มน้ำเดือด ท่วงท่าทั้งหมดของเขาไม่ว่าผู้ใดก็สามารถดูออกว่าผิดปกติ ทว่า ต่อให้รู้ กลับไร้หนทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความจริงอันแสนโหดร้ายนี้
“โอ้ว ฉากแบบนี้สาวแก่เยี่ยงข้าไม่กล้ามอง” แม่นมกุ้ยเลื่อนมือบังดวงตาของตนเอาไว้ รีบเร่งหมุนกายออกไป สาวใช้คนนั้นก็หน้าแดงก่ำถอยร่นออกมาจากหน้าต่าง จากนั้นก็ลากแม่นมกุ้ยเดินออกมาข้างนอก ยามที่เดินมา แม่นมกุ้ยยังหมุนกายกลับไปสารภาพหนึ่งประโยคโดยเฉพาะ “พระราชารองของพวกเรา ท่านก็ควรเรียนรู้วิธีปรนนิบัติท่านอ๋องไว้ใด้จงดี”
จุดมุ่งหมายของทั้งสองบรรลุแล้ว จึงจากไปแบบที่ไม่อยากอยู่ต่อแม้สักวินาที พวกนางทึกทักเองว่าไม่มีหญิงนางใดสามารถรับมือกับสิ่งยั่วยุเยี่ยงนี้ได้แ หากว่าหลินซีนเยียนถูกทำให้โกรธจนคลั่ง จนงี่เง่าแล้วล่ะก็ เช่นนั้นจึงเรียกว่าดี
แต่น่าเสียดาย หลังจากที่พวกนางไปแล้ว หลินซีนเยียนก็ยืนอยู่ภายในห้อง มองยังเบื้องหน้าอย่างนิ่งทื่อ เดิมที หยาดน้ำตาของนางพรั่งพรูไหลรินออกมาไม่หยุด วินาทีนั้น นางนึกอยากชูมีดถลาเข้าไปเข่นฆ่าเงาคนทั้งสองที่กำลังสอดประสานกันอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...