ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 277

ตอนที่ 277 ต่างก็ระทมทุกข์

โจวหลี่คุกเข่าโขกโขกศีรษะลงอย่างแรง “ พระชายารอง ข้ากับช่างตีเหล็กเฉินเป็นเพียงช่าง ตายไปก็ไม่เสียดาย ได้โปรดเพียงพระชายารองไม่ยอมละทิ้งทำแส้ยาวโลหะให้สำเร็จ สองวันก่อนเป็นวันเกิดภรรยาของข้า ข้างานยุ่งจึงได้กลับบ้านพักผ่อนเพียง 1 ชั่วยาว และได้พูดเรื่องพระชายารองกับภรรยา ภรรยาชื่นชมท่านอย่างมาก ตั้งแต่ข้ากับนางได้แต่งงานกัน ข้าไม่เคยเห็นนางมีท่าทางกระฉับกระเฉงเช่นนั้นมาก่อน สตรีคนหนึ่งสามารถทำได้ดีกว่าบุรุษอย่างเรา ไม่ใช่สตรีทุกคนที่สามารถทำได้ เห็นได้ชัดว่าท่านทำได้ แต่กลับเป็นเพราะบางเรื่องถึงได้ละทิ้ง ข้าทนไม่ได้จริงๆ หากฆ่าข้าแล้วทำให้ท่านไม่ละทิ้งความตั้งใจเดิมได้ ข้าโจวหลี่....ยอมขอความตาย!”

ขอความตาย!

หลินซีนเยียนยิ้มที่มุมปาก “ โจวหลี่ ข้าชื่นชมในความกล้าและความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเจ้า แต่ว่า...ข้าไม่ชอบคนอื่นมาใช้อุบายกับข้า มีคนเห็นมากมายขนาดนี้ เจ้าว่าข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร พอเจ้าตายแล้ว ข้าก็โดนกล่าวหาว่าเป็นสตรีโหดเหี้ยมไม่ใช่หรือ? ”

ในตาของโจวหลี่ตกตะลึง รีบโขกศีรษะลง “ พระชายารอง ข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนี้ขอรับ ”

“ แต่เจ้ากลับทำไปแล้ว ”หลินซีนเยียนถอนหายใจ แม้จะรู้ว่าโจวหลี่มีเจตนาดี แต่ความรู้สึกที่โดนคนใช้อุบายบีบบังคับแบบนี้มันกลับไม่พอใจเท่าไร

โจวหลี่ก้มหน้าลงไร้คำพูดจา เขากลัวอู่เซวียนอ๋องเข้ากระดูก แต่ความประทับใจของเขาที่มีต่อพระชายารองมันมีมากเกินคำบรรยาย ในใจของเขาถึงจะมีความนับถือแต่ก็มีความเกรงกลัวด้วย คิดไม่ถึงว่า พระชายารองท่านนี้จะเด็ดเดี่ยวมากกว่าในจินตนาการของเขาเสียอีก

สตรีเช่นนี้หากอยู่บนบังลังก์แล้ว เกรงว่าจะสามารถต่อกรกับพวกขุนนางเล็กใหญ่ได้

“ ข้าผิดไปแล้ว ” โจวหลี่ประสานมือคำนับ ในใจกลับรู้ว่า เมื่อผ่านครั้งนี้ไป ต้องให้ความเคารพพระชายารองมากยิ่งขึ้นอีก

“ ช่างเถอะ! เพียงครั้งนี้ยกเว้นให้ ครั้งต่อไปไม่ได้แล้ว ” หลินซีนเยียนประคองทั้งสองคนลุกขึ้นมา “ ไปเถิด พวกเราไปคลังอาวุธกัน ”

โจวหลี้กับช่างตีเหล็กเฉินสบตากัน แล้วก็หัวเราะเสียงดังออกมาอย่างดีใจ “ พระชายารองไม่ใช่เป็นแค่พระชายารองของท่านอ๋อง แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดและมีสายตายาวไกล ข้าช่างตีเหล็กเฉินนับถือยิ่งนัก! ต่อไปพระชายารองเห็นว่าข้าช่างตีเหล็กเฉินใช้ประโยชน์ได้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน! ”

หลินซีนเยียนพยักหน้า แล้วหันไปกำชับจินมู่ “ กลับไปบอกท่านอ๋องของเจ้า.....บอกว่า ข้ารู้ว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้ว ได้โปรดให้เวลาข้าได้ปรับตัวหน่อยเถิด ”

เมื่อได้ยินความหมายที่นางกล่าว มีความหมายว่าจะยกโทษท่านอ๋องของเขา ในใจของจินมู่ยินดียิ่งนักจึงรีบพยักหน้าเอ่ยขานรับ หลังรอให้หลินซีนเยียนเดินจากไปพร้อมกับโจวหลี่แล้วก็รีบวิ่งสะบัดก้นไปยังห้องอักษรของโม่จื่อเฟิง

“ ท่านอ๋อง ฮูหยินกล่าวว่า.....” จินมู่ตื่นเต้นมาก เมื่อเพิ่งวิ่งมาถึงหน้าประตูก็เริ่มตะโกน ใครจะรู้ยังพูดไม่จบ ก็เห็นโม่จื่อเฟิงโบกมือปัดแล้ว

“ ข้ารู้แล้ว ”โม่จื่อเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ แม้เขาจะมีอาการซึมเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน

คำพูดที่อยากพูดกลับพูดไม่จบ ในใจของจินมู่ราวกับกับอัดแน่นด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ใบหน้ารู้สึกอย่างจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา บางครั้งองครักษ์เงาข้างกายท่านอ๋องช่างน่าแค้นใจยิ่งนัก! เรื่องที่ได้หน้าได้ตาเช่นนี้ ทำไมถึงวิ่งมาเร็วกว่าเขาจินมู่ซะอีก?

“ ท่านอ๋องทราบแล้วก็ดีพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นท่านอ๋องไม่ต้องกังวล พระชายารองเป็นคนมีเหตุผล แน่นอนว่าอีกไม่นานต้องมีข่าวดี ” จินมู่อยากอยากจะเอาใจตบตูดม้าอีกซะหน่อย

โม่จื่อเฟิงเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาไม่โดยกระพริบตา แค่นเสียงทีหนึ่งแล้วเอ่ย “ นางขอเวลาได้ แต่ข้าทำได้หรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าความรู้สึกกินแมลงวันตัวหนึ่งมันเป็นอย่างไร? ”

กินแมลงวัน?

จินมู่ชะงักนิ่ง เขาก็ไม่เคยกินแมลงวัน จะไปรับรู้ถึงความรู้สึกได้อย่างไร?

แต่โม่จื่อเฟิงไม่ได้กำลังถามเขา ไม่รอให้เขาตอบกลับก็กล่าวต่อ “ กินแมลงวันแล้วไม่ใช่คนตาย แต่กลับทำให้คนมองว่าเป็นหมาหัวเน่า”

จินมู่ไม่เข้าใจ หรือว่าท่านเอ่ยถึงความรู้สึกระหว่างชายหญิง? เขาไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงไม่กล้าพลั้งปาก เกรงว่าตบตูดม้าแล้วม้าจะดีดใส่

โม่จื่อเฟิงถอนหายใจต่ำ ปัดมือให้จินมู่ออกไป แล้วตนเองก็จ้องภาพวาดตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ในภาพวาด ในที่สุดเขาก็วาดใบหน้าของหลินซีนเยียนได้ครบสมบูรณ์แล้ว เพียงมองคนที่อยู่ในภาพวาด ในใจของเขาเจ็บปวดอย่างทนไม่ได้ เพียงพูดพึมพำอย่างแผ่วเบา “ เจ้าเสียใจ ข้าเคยดีใจด้วยหรือ? ”

ภาพวาดเป็นเพียงภาพวาด ไม่สามารถตอบคำถามใดๆของเขาได้

ในกำยาน ไม้จันทน์ที่ดีที่สุดยังคงแผดเผา ควันเส้นสีขาวลอยขึ้นมาทำให้ห้องอักษรเดิมทีมีเพียงความเงียบเหงากลับเพิ่มสีสันที่เงียบเหงา

สองวันผ่านมา หลินซีนเยียนกับโม่จื่อเฟิง ไม่ว่าก็ใครไม่ตั้งใจส่งคนไปถามข่าวคราวจากอีกฝ่าย ราวกับทั้งสองจมอยู่ในความกังวลและความทุกข์ใจของตนเอง ไม่ปลอบโยนใคร ไม่ตำหนิกัน เพียงหลบซ่อนอยู่ในมุมแล้วเลียแผลของตัวเองจนเปียกแฉะ

บางที พวกเขาล้วนเป็นคนเข้มแข็ง ดังนั้นจึงไม่เรียนรู้ที่จะเป็นคู่รักเด็กทะเลาะกันแล้วอวดอ้างเหล่านั้น ยามเจอปัญหาก็โต้เถียงกันไม่หยุดหย่อน หาว่าเจ้าแพ้หรือช้าชนะอย่างไม่ประนีประนอม พวกเขาล้วนมีเหตุผล ดังนั้นยามที่เหตุผลกับอารมณ์เกิดขัดแย้งกัน พวกเขาเพียงอยากให้เวลาและพื้นที่ว่างคอยรักษาบาดแผลของกันและกัน

หิมะตกหนักมาตลอดทั้งสองวัน โลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยกองหิมะขาว แม้แต่มุมในลานบ้านก็เต็มไปด้วยกองหิมะที่ปัดกวาดไปอยู่รวมกัน

ยามที่ฟ้าสว่าง หิมะหยุดแล้ว ยากที่แสงอาทิตย์จะโผล่ออกมาจากในก้อนเมฆ ลำแสงหลากสีสันสลัวๆสาดส่องออกมาบนท้องฟ้า

เมื่อหลินซีนเยียนผลักประตูคลังอาวุธออก ยืนบิดเอวทีหนึ่งอย่างแรง แล้วต่อด้วยข้อต่อต่างๆตามร่างกาย หลังจากทำเสร็จแล้ว เธอเพิ่งรู้ตัวว่าความเหนื่อยล้าและความพยายามได้ทำให้ทุกเซลล์ในร่างกายต่างร้องดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน

“ ในที่สุดก็ทำเสร็จสักที ” หลินซีนเยียนแหงนหน้ารับแสงแดดที่ส่องลงมา ความอบอุ่นเล็กน้อยได้แผ่ออกจากแสงผ่านเข้าสู่รูขุมขนทำให้คนรู้สึกสบายทั้งตัว

“ พระชายารองอรุณสวัสดิ์ขอรับ ” มีคนใช้ที่กำลังกวาดหิมะไปกองอยู่ในมุม แล้วหยิบพลั่วตักกองหิมะวางในตะกร้าไม้ไผ่เตรียมจะขนออกไป

หลินซีนเยียนพยักหน้าแล้วเดินไปหน้ากองหิมะนั้น พลันรู้สึกพร่ามัวครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็โบกมือให้คนใช้แล้วเอ่ย “ กองหิมะนี้ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเอง ”

คนใช้ไม่เข้าใจความหมายของเธอ พอได้ยินเธออธิบายอย่างละเอียดถึงจะเข้าใจในฉับพลัน รีบทำตามที่เธอกำชับนำตะกร้าไม้ไผ่ขนาดใหญ่มา

หลินซีนเยียนใช้พลั่วตักกองหิมะอยู่บนสุดในตะกร้าไม้ไผ่ขนาดใหญ่ออกมาก่อน จากนั้นก็ใช้พลั่วแกะสลักบนกองหิมะ การกระทำของเธอคล่องแคล่วมาก ผ่านไปไม่นานก็แกะสลักเสร็จ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เธอก็กลับห้องไปหยิบกระดาษที่เขียนแล้วติดลงบนที่แกะสลักนั้นไว้

“ เอาล่ะ ตอนที่หิมะเย็นยังไม่ละลาย รีบนำเจ้านี่ไปส่งที่จวนอู๋เซวียนอ๋องด่วน จริงด้วย จำไว้ว่าต้องส่งไปที่เรือนของท่านอ๋อง ” หลินซีนเยียนหยิบเงินออกมาจากในเสื้อแล้วมอบให้คนใช้คนนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต