ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 282

ตอนที่ 282 ต้มโจ๊กหวานแหวว

ถ้าให้เปลี่ยนเป็นผู้หญิงทั่วไป ตอนนั้นย่อมเสียสติจนเป็นบ้า ใครจะคิดเหมือนหลินซีนเยียนไม่ทำสามัญสำนึกยังทำเรื่องถือไพ่เหนือกว่าได้อีก? เมื่อเห็นสามีของตนเองไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่น เธอยังฝืนกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองแล้วพบมีสิ่งผิดปกติ

เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่น่าเวทนาในข่าวนั้น เจอคำอธิบายหลังจากสามีไปมีอะไรกับคนอื่นแล้วกลับบ้าน เพราะว่าดื่มจนเมา ดังนั้นจำไม่ได้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องบุ่มบ่ามอะไรไปบ้าง จากนั้นขอให้ยกโทษอย่างมีเหตุผลเพียงพอ เทียบกับสามีที่ไม่มีความรับผิดชอบพวกนั้นแล้ว แม้จะเป็นเพราะว่าโม่จื่อเฟิงโดนพิษ ยังบอกว่าเป็นความผิดของตัวเอง ซ้ำทั้งไม่ขอให้ยกโทษเอง ทว่ากลับให้เวลากับเธอเลือกเอง

เรื่องหลังจากที่ดื่มจนมึนเมาจะไม่ใช่ความรับผิดชอบได้ไง? แน่นอนว่าไม่ใช่ เมาแล้วขับยังถือว่าทำผิดกฎหมายเลย ทำไมเพราะว่าดื่มจนเมาแล้วจะลบล้างความผิดทั้งหมดด้วย?

โม่จื่อเฟิงกลับยอมรับผิดชอบด้วยตนเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ได้ทำร้ายเธอไปแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาเคยคิดว่า หากหลินซีนเยียนก้าวข้ามเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ งั้นเขาก็จะ...ยอมปล่อยมือ

“ พอแล้ว ไม่มีถ้าหาก ชีวิตเจ้าถูกกำหนดว่าไม่ธรรมดา การหลงรักเจ้าเป็นข้าที่เลือกเอง ในเมื่อเลือกแล้ว ข้าก็จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งไปพร้อมกับเจ้า ” หลินซีนเยียนยกมือขึ้นไปปิดปากของเขา แล้วประทับจูบลงบนคางของเขาอย่างอ่อนโยน

โม่จื่อเฟิงรู้สึกซาบซึ้งใจ มองดวงตาของนางก็ยิ่งรู้สึกอ่อนโยนและหอมหวาน เขาลูบหลังของเธอ แล้วเอ่ย “ หลับมาวันหนึ่งแล้ว หิวหรือไม่?”

หลินซีนเยียนอยากบอกว่าไม่หิว ทว่าท้องกลับร้องจ๊อกๆเผยความจริงของเธอออกมา เธอก็ยังส่ายหน้า “ นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว คนครัวคงหลับกันหมดแล้ว ฤดูหนาวหนาวขนาดนี้ จะคลานออกจากผ้าห่มออกมาก็เป็นยาก ไม่ต้องไปปลุกพวกเขาหรอก รออีก 1-2 ชั่วยามก็น่าจะฟ้าสว่างแล้ว ข้ารออีกหน่อยดีกว่า ”

“ เจ้าช่างคิดรอบคอบยิ่งนัก ” โม่จื่อเฟิงถอนหายใจอีกครั้ง กลับไม่ตั้งใจทรมานนาง ใช้หนวดถูหน้าผากของนางพลางเอ่ยอย่างเรียบราบ “ ไม่รู้จริงๆว่าเจ้าเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่ ความคิดของเจ้าในสังคมนี้แล้วช่างแปลกประหลาดอย่างสิ้นเชิง”

เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ หลินซีนเยียนลืมตาโพลงอย่างเงียบๆ ทั้งตัวแข็งทื่อขึ้นมา เธอคิดไม่ถึงว่า โม่จื่อเฟิงจะพูดคำเหล่านี้ออกมา เขา....พบอะไรมาเหรอ?

ไม่รอให้เธอสงสัยต่อ ก็ได้ยินโม่จื่อเฟิงเอ่ย “ แต่ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนหรือเป็นผี ชีวิตนี้เป็นของข้าแล้ว ดังนั้น รอวันที่เจ้าอยากบอกข้าก็ไม่ต้องลังเลเลย ไม่ว่าเจ้าเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายที่สุด ข้าจะยอมรับเจ้า ”

“ นี่ ถือว่าสัญญาใช่หรือไม่? ” หลินซีนเยียนไม่รู้ว่าตอนนั้น ตาของเธอได้เปล่งประกายขึ้น คล้ายกับเป็นความหวังอย่างหนึ่ง ซ้ำยังรู้สึกซาบซึ้งใจไม่จบสิ้น

โม่จื่อเฟิงพยักหน้า “ ใช่แล้ว เจ้าจำเอาไว้ก็ดี ”

“ อื้ม ” เธอขานรับด้วยเสียงหวาน ในใจกลับเกิดคลื่นพายุพัดกระหน่ำ เดิมเธอเป็นวิญญาญโดดเดี่ยวที่อยู่ต่างภพดวงหนึ่ง ตั้งแต่บอกความจริงออกไปครั้งนั้น ต่อมาเกือบถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจและโดนฉินเทียนเฉิงฆ่าตาย เธอก็ได้แอบตัดสินใจว่า ชีวิตนี้จะไม่พูดความจริงออกมาอีก

แต่มีบางสิ่งที่กดอยู่ในส่วนลึกของหัวใจกลับยังคงอยู่ ทว่าเป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวตลอดมาแบบหนึ่งเท่านั้น ถ้าสามารถมีคนที่เชื่อเธอจริงๆ หากเป็นคนข้างๆที่เชื่อใจเธอ ชีวิตนั้นก็จะไม่สิ้นหวังแล้ว?

ตอนที่เธอกำลังซาบซึ้งใจอยู่ ก็พบว่าผู้ชายข้างกายค่อยๆผละเธอออกแล้วลุกขึ้นจากเตียง เมื่อรู้สึกว่าข้างกายมันโหวงๆ

เธอก็ถามอย่างไม่รู้ตัว “ เจ้าจะไปไหน?”

โม่จื่อเฟิงหันหน้ามาเล็กน้อย รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมปาก “ ไปต้มโจ๊กให้เจ้า”

“ต้มโจ๊ก?” หลินซีนเยียนทำตาปิ๊บๆ มองเขาที่ใกล้จะเดินออกจากประตูห้อง เธอพลันได้สติ อุทานอย่างประหลาดใจ “ เจ้าต้มโจ๊ก?”

โม่จื่อเฟิงหัวเราะอย่างสนอกสนใจ ไม่ได้ตอบ กลับเปิดประตูแล้วเดินออกไป

เมื่อประตูถูกปิดลงอีกครั้ง กั้นลมหนาวที่อยู่นอกประตูได้ หลินซีนเยียนล้มตัวนอน สายตามองไปยังประตูอยู่เนิ่นนาน เขาบอกเขาไปต้มโจ๊กเหรอ?

เธอขยี้ตาของตนเอง ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าของตนเอง หัวเราะ “ เหอเหอ ตบหน้าก็เจ็บนี่ ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ความฝัน! ”

ทว่า เธออยู่บนเตียงอยู่นานก็ไม่เห็นโม่จื่อเฟิงกลับมา หิวเป็นเรื่องรองลงมา ความกังวลในใจกลับมากยิ่งขึ้น เธอทนรอต่อไปไม่ไหว ลุกขึ้นคลุมเสื้อคลุมหนาก็เปิดประตูแล้วมุ่งไปยังโรงครัว

พอเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูโรงครัวก็ได้กลิ่นไหม้ มีเขม่าควันดำลอยออกมาจากในหน้าต่างโรงครัว เธอชะงักนิ่ง รีบวิ่งเข้าไปในทันที

ทว่า ตอนที่เธอเห็นสถานการณ์ในห้อง มุมปากอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น เห็นโม่จื่อเฟิงที่สวมเสื้อแพรสีดำยืนอยู่หน้าเตา ในมือถือทัพพีที่ใช้ในโรงครัว แขนของเขาแข็งทื่อ เทียบกับควงทัพพีคนอยู่ในหม้อเหล็กไม่ได้ สีหน้าแบบนั้นคล้ายกับอดทนอึดอัดก็ไม่ปาน

กลิ่นไหม้นั้นส่งออกมาจากในหม้อเหล็ก ด้านล่างของเตา เป็นไฟที่ยังติดไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงมีควันดำออกมาไม่หยุด

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว หลินซีนเยียนก็หัวเราะลั่นอย่างไม่รู้ตัว

“ ตลกมากหรือ?” โม่จื่อเฟิงขมวดคิ้วแน่น สีหน้าราวกับไม่สบอารมณ์

รอยยิ้มของหลินซีนเยียนพลันหายไป ส่ายหน้าราวกับป๋องแป๋ง “ ไม่ตลกเลย ไม่ตลกเลยสักนิด ” นางพูดแล้วเดินไปด้านหลังของโม่จื่อเฟิง โอบกอดเอวของเขาจากด้านหลัง ใช้ใบหน้าถูแผ่นหลังของเขา “ ข้าเพียงดีใจเท่านั้น ที่ทำให้ท่านอ๋องผู้ไร้เทียมทานคนใต้หล้าได้ยินแล้วหวาดกลัวต้มโจ๊กให้ข้า หากข้าตายคงตายตาหลับ”

โม่จื่อเฟิงชำเลืองมองเธอ ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองเธอ “ ทำให้ข้าต้มโจ๊กให้เจ้าได้ เจ้ารู้สึกประสบความสำเร็จแล้วหรือ? ”

“เอ่อ....” หลินซีนเยียนแลบลิ้นออกมาอย่างขี้เล่น ถูกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไปมา “ นิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น ”

โม่จื่อเฟิงยื่นมือไปเคาะหัวของเธอ “ อย่าได้ใจนัก ข้าแค่มาฝึกฝีทำอาหารเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นสตรีนางอื่น ข้าก็ทำให้นางได้ ”

“ งั้นเหรอ?” หลินซีนเยียนหัวเราะอย่างไร้ยางอาย ถ้าเปลี่ยนเป็นหญิงอื่น เขาทำให้สิแปลก ท่านอ๋อง ท่านหยิ่งทะนงแค่ไหนตัวเองเคยรับรู้บ้างไหม?

ตอนที่ทั้งสองคนเกี้ยวพาราสีไปมา โจ๊กในหม้อก็ส่งกลิ่นน่ากลัวออกมา

หลินซีนเยียนสูดดม ก็รีบวิ่งไปด้านหน้าของโม่จื่อเฟิง รับทัพพีในมือของเขาคนหม้อสักพัก จากนั้นก็ก้มลงไปจัดการฟืนในเตา

ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง พวกช่างเหล็กในเรือนต่างก็ตื่นนอน ต่างก็ล้วนเป็นบุรุษบึกบึน ในวันปกติก็กระทำหยาบกระด้าง ดังนั้นแต่ละคนก็ตักน้ำร้อนไปอาบในเรือน พลันเห็นบุรุษรูปงามหมดจดในโรงครัวตักโจ๊กแล้วเดินออกมา ทุกคนกลับตกตะลึงกับภาพแปลกตานี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต