ตอนที่ 29 เจอโดยบังเอิญในฝูงคน
ขบวนรถม้ายิ่งใหญ่ผ่านเข้าประตูเมือง เหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมือง เมื่อเห็นจดหมายขออนุญาตเข้าเมืองมีคำว่า‘อ๋องอู่เสวียน’3 คำนี้ต่างก็เปลี่ยนสีหน้า แม้แต่จะถามคำถามทั่วไปก็ไม่กล้าถาม ได้แต่รีบส่งคนไปรายงานหัวหน้าเฝ้าประตูเมืองทันที
ตอนที่หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองมาถึง ขบวนรถม้าก็ได้หยุดพักที่โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแล้ว อี้กวนธรรมดา สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่ทรงเกียรติอย่างอ๋องอู่เสวียนแล้ว หากมีสถานที่พักอื่นก็จะไม่ไปพักที่อี้กวน
หลินซีนเยียนลงจากรถม้าตามหลังโม่จื่อฟง เห็นสาวงามสวมชุดบางสีคล้ายกันยืนเรียงเหมือนไพ่นกกระจอกตรงหน้าโรงเตี๊ยม มุมปากก็กระตุก กวาดสายตาไปมองโม่จื่อฟงที่เป็นต้นเหตุ
ดูเหมือนว่า อ๋องอู่เสวียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเจ้าสำราญ เกรงว่าผู้คนต่างก็รู้กันไปถ้วนหน้า
หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองได้หาเหล่าสาวงามเพื่อมาเอาใจโม่จื่อฟง หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองเป็นชายอายุ 40 กว่าปี ว่ากันว่าชายที่อายุประมาณนี้ล้วนเป็นคนไม่เอาไหน จึงได้นำสิ่งที่ตนเองชอบมามอบให้โม่จื่อฟง
หลินซีนเยียนอยากรู้ว่าโม่จื่อฟงจะมีท่าทียังไง จึงจ้องไปที่หน้าของเขาโดยไม่กระพริบตา
“มองพอแล้วหรือยัง?”โม่จื่อฟงหันหน้ามาจ้องนาง โดยที่ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการอะไร ยามที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนจากเหล่าสาวงาม เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
น่าเสียดาย หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองคาดเดาอารมณ์ของโม่จื่อฟงไม่ออก กลับผลักสาวงามคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายของเขาออกไป“มัวรออะไรอยู่เล่า ยังไม่รีบไปปรนนิบัติอีก”
สาวงามคนนั้นยิ้มอย่างเขินอาย เดินเข้าไปหาโม่จื่อฟง นางอมยิ้มอย่างเขินอาย จังหวะที่ก้าวเดินล้วนขับทรวดทรงของตนเองออกมาเห็น สาวงามคนนี้มีรูปร่างงดงามและโดดเด่น แม้แต่หลินซีนเยียนก็อดไม่ได้ที่จะมอง
เพียงแต่ สาวงามคนนั้นก้าวเดินมาเพียงสองก้าว โม่จื่อฟงก็ส่งเสียงร้อง ‘หึ’ออกมาเบาๆ “อัปลักษณ์เช่นนี้ ยังกล้าออกมาให้เปิ่นหวางเห็นอีกรึ?”
อัปลักษณ์...
โม่จื่อฟงทำให้สาวงามคนนั้นหน้าซีด ลืมที่จะวางขาลงพื้น เพียงค้างขาลอยอยู่บนอากาศ
หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองเหงื่อออกทั่วตัว รับส่งคนลากไปนางกลับมา“ท่านอ๋องโปรดประทานอภัย โปรดประทานอภัยด้วย!หากท่านอ๋องไม่พอใจ ข้าจะรีบให้คนออกไปตามหาสาวงามมาอีกกี่คน”
หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองคนนั้นมีญาติที่เป็นขุนนางในเมืองหลวง ได้ยินว่าตอนที่อ๋องอู่เสวียนไปรับท่านหญิงหย่งหลิงกลับเมืองต้องผ่านเมืองที่เขาดูแล จึงได้ส่งจดหมายบอกความชื่นชอบของอ๋องอู่เสวียน ญาติของเขาได้บอกว่า หากอ๋องอู่เสวียนอารมณ์ไม่ดีมักจะชอบฆ่าคนเพื่อความสนุก
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่จื่อฟงอารมณ์ไม่ดีแล้ว หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองคนนั้นตัวสั่นเทาไม่หยุด
“จิมมู่ จัดการคนพวกนี้ซะ เปิ่นหวางเหนื่อยแล้ว”โม่จื่อฟงเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม โดยไม่หันไปมองคนพวกนั้นเลย
จินมู่เดินไปหาหัวหน้าเฝ้าประตูเมือง“ส่งคนพวกนี้ออกไป ผู้หญิงไม่ต้องหาแล้ว ช่วงนี้ท่านอ๋องต้องฝึกสมาธิขัดเกลาจิตใจ ”
ฝึกสมาธิขัดเกลาจิตใจ?
หลินซีนเยียนเมื่อได้ยินเช่นนั้นมุมปากก็กระตุก แล้วเมื่อสองถึงสาม คืนนี้ ผู้ที่ขึ้นค่อมร่างนางอย่างหื่นกระหาย คนผู้นั้นคือใครกันรึ?
แต่ทว่า หัวหน้าเฝ้าประตูเมืองไม่รู้เรื่องพวกนี้ จึงรีบสั่งให้คนออกไปตามที่จินมู่บอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...