ตอนที่ 304 โม่จื่อเฟิงที่เหนียมอาย
ปัญหาเหล่านี้ หลินซีนเยียนล้วนไม่เข้าใจ บางทีเวลาอาจให้คำตอบที่นางต้องการก็เป็นได้
โม่จื่อเฟิงรวบรัดหลินซีนเยียนเอาไว้พลางพานั่งลงยังใต้ต้นไม้อยู่สักพัก บางครั้งความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนก็น่าทึ่งเสียจริง ยามที่คนสองคนมองว่าอีกฝ่ายไม่รื่นหูรื่นตา จะรู้สึกว่าหนึ่งวินาทีที่หมกอยู่กับอีกฝ่ายนั่นคือความทรมานชนิดหนึ่ง ทว่าปัจจุบันหลังจากที่ทั้งสองเริ่มสนอกสนใจซึ่งกันและกัน กลับรู้สึกว่าทุกเวลาทุกวินาทีมีค่าล้ำเหลือแสน
“ท่านอ๋อง ท่านควรจะไปได้แล้วหรือไม่” หลินซีนเยียนเห็นว่าดวงจันทราลอยออกมาจากหลังม่านเมฆอีกครั้งแล้ว ช่วงยามดึกดื่นยิ่ง หากยืดยาดอีกราตรีนี้ก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้ว
“นี่เจ้ากำลังไล่ข้าอย่างนั้นรึ” โม่จื่อเฟิงไม่สดชื่น บีบคลึงแก้มของนางราวกับลงทัณฑ์ ใช้แรงเล็กน้อยก็ทำให้พวงแก้มของนางเรื่อแดงขึ้นบ้างแล้ว
หลินซีนเยียนทั้งร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ ทั้งหลบหลีกมือหนาของเขา “ข้าย่อมหวังว่าท่านอ๋องจะสามารถอยู่ต่อเป็นเพื่อนข้า ทว่าบุตรชายอยู่ในจวนอ๋องตัวคนเดียว เผื่อว่ายามดึกร้องไห้นอนไม่หลับจะทำอย่างไร”
เวลานี้ มีเพียงเสี่ยววี่จิ่งที่ตำแหน่งสูงศักดิ์กว่าหลินซีนเยียนเท่านั้นจึงจะสามารถใช้เป็นข้อต่อรองได้สำเร็จ
โม่จื่อเฟิงมุ่นหัวคิ้ว กล่าวพลางพ่นลมหายใจ “เอาเถิด เช่นนั้นข้าก็จะกลับไปแล้ว แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร” ดูท่าทางของเขาแล้วราวกับมีบางคำจะเอ่ย ให้หลินซีนเยียนสาบาน เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะเอ่ยวาจาพิถีพิถันต่อหน้านาง
“ไม่ก็ คืนนี้เจ้าก็อย่ากลับห้องเลย ข้าจะให้คนชมดาวยามค่ำคืนเป็นเพื่อนเจ้าที่นี่เสีย” โม่จื่อเฟิงกล่าวประโยคเช่นนี้ออกมากะทันหัน จนหลินซีนเยียนตกใจเบิกตาอ้าปากค้าง
นัยน์ตาขลับของนางกลอกวน ชั่วขณะก็ตอบสนองในทันใด “ไม่ใช่ว่าหลิ่ว๋นซ่านรอข้าอยู่ที่ห้องของข้าหรอกกระมัง” คนของเขาจะต้องสืบรู้ว่าหลี่อวิ๋นซ่านกำลังรอข่าวสารจากนางอยู่ ดังนั้นเขาจึงรอวนอยู่ที่นี่ไม่ยอมไปไหนสักที!
นึกถึงตรงนี้ มุมปากของหลินเซียนอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มร้าย ที่แท้ก็พิสูจน์ประโยคนั่นแล้ว คนที่ตกอยู่ในภวังค์ความรักความหลักแหลมทั้งหลายก็ล้วนสูญเปล่า โดยไม่คำนึงถึงเพศชายหญิง ไม่ว่าจะหนุ่มสาวหรือแก่แล้วก็ตาม แม้แต่โม่จื่อเฟิงก็ไม่สามารถแก้ตัวจากข้อนี้ได้ สามารถนึกวิธีให้นางตากลมหนาวใต้ต้นไม้ทั้งคืนเยี่ยงนี้มากีดกันเรื่องราวโศกนาฏกรรมรักๆ ใคร่ๆ จนได้
“เจ้ารู้ว่าเขาจะไปรอเจ้า?” พอโม่จื่อเฟิงได้ยิน รู้สึกว่ากลางอกไม่ถูกรสเป็นอย่างยิ่ง
“ข้ารู้ที่ใดกันเล้า แต่ท่านกล่าวเช่นนี้ข้าฉลาดพอจะเดาได้ก็เท่านั้น” หลินซีนเยียนแย้มยิ้มพลางเล่นหูเล่นตาใส่เขาอีกครั้ง หัวเราะร่าเริง “จื่อเฟิง ท่าทีหึงหวงของท่านช่างน่ารักเหลือเกิน...”
เสียงของนางเพิ่งสิ้นสุดลง โม่จื่อเฟิงปละปล่อยนางให้เป็นอิสระจากนั้นจึงหมุนกายเดินไปยังเบื้องหน้า ทิ้งเพียงประโยคอันเย็นเยียบ “ช่างเถิด ข้ากลับก่อนล่ะ”
ต่อให้เขาไม่ได้มองย้อนกลับไป ทว่าเสียงฝีเท้าตึงตังและใบหูที่เรื่องแดงเล็กน้อยของเขายังคงถูกหลินซีนเยียนจับได้อยู่วันยังค่ำ
นางหัวร่อต่อกระซิก พลางกล่าวล้อเลียน “จื่อเฟิง ท่านช่างน่ารักเสียจริงนา...”
เสียง “นา” ยังไม่ทันถูกลากยาว โม่จื่อเฟิงก็หายลับไปจากวิสัยทัศน์ของนางเรียบร้อยแล้ว เดินอย่างทุลักทุเล ทำให้หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะระเบิดหัวเราะขึ้นมาอีกระลอก ที่แท้ท่านอู่เซวียนอ๋องผู้สูงศักดิ์ก็มีช่วงเวลาแห่งความเหนียมอายอยู่
พอโม่จื่อเฟิงจากไปแล้ว หลินซีนเยียนก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุของอารมณ์นี้คงเป็นเพราะยามวิกาลนั้นเย็นเกินไป นางประสานมือเอาไว้ สูดอากาศระอุเข้าไปหนึ่งเฮือกจึงค่อยไปในสวนของตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...